top of page

The story after that. - ต้นน้ำ

     ช่วงนี้พี่ชัชดูยุ่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ อาจจะเพราะใกล้ช่วงเทศกาลแล้วด้วย ปีที่แล้วพวกเราขึ้นไปเที่ยวดอยกับที่บ้านของพี่ชัช แต่ปีนี้เราหนีคนไปทะเลกันเรียบร้อยแล้ว พี่ชัชก็เลยอาจจะยุ่งเพราะต้องกลับมาทำงานชดเชยวันที่ลาหยุดไป โชคดีที่ผมยังมีเตอร์อยู่ด้วย ก็เลยไม่เหงาเท่าไหร่

 

     เพราะคุณปู่อยากให้ผมไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ เอาไว้ใส่ แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะซื้อแบบไหนดี ก็ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องแฟชั่นนี่ครับ แล้วก็ไม่อยากรบกวนพี่ษาด้วย ผมไม่อยากเป็นตุ๊กตาให้เธอเล่นแต่งตัวนี่นา ผมเลยชวนเมษไปช็อปปิ้งด้วยกันแทน แน่นอนว่าผมต้องหนีบเตอร์ติดไปด้วย เตอร์ที่กำลังเซ็งๆ เลยดีใจใหญ่เลยครับ เพราะนอกจากวันที่ผมมีธุระที่มหาวิทยาลัยกับวันที่ต้องไปหาพวกคุณพ่อแล้ว วันอื่นๆ ผมมักจะอยู่ห้องอ่านหนังสือตลอด เลยทำให้เตอร์ไม่ได้ไปไหนอยู่แต่ในคอนโด ก็ผมจะพาไปด้วยได้ยังไงละครับ มันไม่ค่อยเหมาะสมนี่นา จะให้พาเตอร์ไปพบพวกคุณพ่อกับคุณปู่ด้วยมันก็แปลกๆ อยู่นะครับ แค่หน้าพี่ชัชคุณพ่อกับคุณปู่ยังไม่อยากจะมองเลย ส่วนวันที่ผมไปมหาวิทยาลัยผมก็ไปทำแต่ธุระ ทำให้เตอร์บ่นว่าเบื่อทุกวันเลยครับ แต่พอผมบอกว่าถ้าเบื่อก็ให้กลับลำปาง เจ้าตัวก็ไม่ยอม จะอยู่รอไปงานเกมให้ได้ เฮ้อ เด็กน้อเด็ก...

 

     วันที่เรานัดกัน ผมนัดกับเมษที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ จะได้นั่งรถตรงเข้าไปประตูน้ำเลย ผมบอกเมษแล้วว่าหลานของพี่ชัชจะไปด้วย เมษก็ไม่ได้ว่าอะไรบอกว่าถ้าผมสะดวกเขาก็โอเค แต่พอเมษเห็นเตอร์เท่านั้นแหละครับ มารยาทันที

 

     “นังต้น ทำไมแกไม่บอกฉันว่าหลานผัวแกหล่อขนาดนี้!”

 

     “น้อยๆ หน่อย เตอร์ยังเด็กอยู่เลยนะเมษ ยังไม่สิบห้าเลย!”

 

     “โอ๊ย ฉันอยากเลี้ยงต้อย หล่อกว่าอาอีก รู้งี้วันนี้ฉันน่าจะแต่งตัวมาสวยๆ กว่านี้ แกนะแก บอกว่าเด็กฉันก็เลยนึกว่าตัวกะเปี๊ยก ที่ไหนได้ หล่อล่ำเสป็กเลย! สิบสี่ยังขนาดนี้โตเต็มที่จะขนาดไหนโอ้ยยย ไม่อยากจะคิด”

 

     เมษพูดพลางใช้สายตากวาดไปทั่วตัวเตอร์โดยเฉพาะแถวๆ ตรงเป้ากางเกง เพื่อนผมน่าเกลียดมาก! ออกหน้าออกตามากไปแล้ว!

 

     “มากไปแล้วเมษ พอๆ”

 

     เมษโอเวอร์แอคติ้งมากครับ เล่นเอาเตอร์หัวเราะใหญ่เลย ผมทั้งขำทั้งหมั่นไส้เมษ แล้วก็หน่ายเตอร์ด้วยครับ โดนแซวแรงๆ ขนาดนั้นแทนที่จะเขินอาย ดันหัวเราะชอบใจคิกคัก ทีเมื่อสองปีก่อนยังเป็นเด็กขี้อายเดินตามผมต้อยๆ ไม่ค่อยพูดอยู่เลย พอโตแล้ว.... เฮ้อ เซ็งครับ นึกถึงหน้าอาของเตอร์ขึ้นมาทันที

 

     “โอ้ย คุณน้องขรา พี่รู้สึกวิงเวียนจังเลย สงสัยอากาศมันร้อน ขอยืมไหล่ซบหน่อยนะคะ”

 

     “พี่สาวไม่สบายเหรอครับ ให้ผมอุ้มไปนั่งม้านั่งตรงโน้นมั้ย”

 

     เพราะเมษตัวเล็กกว่าผมซะอีก พอไปยืนพิงอกซบไหล่เตอร์ที่สูงกว่าผม ภาพนั้นมันเลยดูเหมาะสุดๆ ผมมองเมษที่แกล้งเนียนเป็นสาวน้อยขี้โรคซบไหล่เตอร์ แล้วก็มองเตอร์ที่รับมุขทำเป็นห่วงเมษแล้วก็ยิ่งขำครับ บ้าพอกันทั้งคู่เลย แต่ก็ดีนะครับ ผมยังคิดอยู่เลยว่าเตอร์จะคิดยังไงกับเมษ โชคดีจังที่เตอร์ไม่ได้รังเกียจเมษ

 

     “แหม เรียกพี่สาวด้วย แบบนี้น่าให้รางวัลจังเลย”

 

     แน่ะ! มีเอามือเลื้อยไปลูบๆ คลำๆ หลานผมอีก แม้แต่เด็กก็ไม่เว้น! เตอร์เลยแอบสะดุ้งนิดหน่อยครับ ฮ่าๆ สมน้ำหน้ำ

 

     “โอ้ย ผมไม่อยากได้รางวัลอะไรหรอกคร้าบ ขืนเล่นมากกว่านี้เดี๋ยวพี่ต้นจะโกรธเอา มองตาเขียวแล้ว ฮ่าๆ”

 

     “ไม่มองได้ไง ก็ดูพวกนายสองคนสิ เล่นบ้าอะไร อายคนอื่นเค้า ดูสิ คนมองกันใหญ่แล้ว แรดเกินไปละนะเมษ”

 

     “แหม! ถึงฉันจะแรดก็แรดเปิดเผยย่ะ ไม่ได้แรดเงียบแบบแก ต๊าย! หมั่นไส้ ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไรย๊ะ เกิดมาชาตินี้ถึงมีแต่คนหล่อๆ มาพัวพัน! เชอะ!”

 

     ผมจิกกัดเมษตามปกตินิดหน่อย ส่วนเมษก็ตอบโต้ผมเล็กน้อย พวกเรามักจะแซวกันแรงๆ แบบนี้เป็นประจำนั่นแหละครับ พอไปถึงประตูน้ำ พวกเราตกลงกันว่าจะไปเดินแพลตตินั่มครับ เพราะใกล้ๆ นั้นมีเซ็นทรัลเวิร์ดด้วย เผื่อหาของถูกสวยๆ ไม่ได้จะได้ไปหาของแพง

 

     แล้วผมก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เมษลากผมเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ได้เสื้อผ้าวัยรุ่นมาเพียบเลยครับ ผมชอบสไตล์ของเมษจังเลย ดูไม่หวือหวามาก เป็นแบบเรียบๆ แต่ก็ดูเท่ดีครับ ทั้งเสื้อยืดกับเชิ้ตแฟชั่นแล้วก็กางเกงยีนส์ด้วย ปกติผมใส่แต่ยีนส์ขากระบอกเรียบๆ แต่คราวนี้เมษซื้อพวกยีนส์ที่มีลูกเล่นแปลกๆ ให้ผมด้วย แต่ทรงมันค่อนข้างพอดีตัว เพราะเมษบอกว่าผมมีของดีก็ควรโชว์ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าหมายความว่าอะไร ของดีอะไร? เกี่ยวตรงไหนกับกางเกงยีนส์ฟิตๆ นี่? แต่ก็สวยไปอีกแบบนะครับ เอาไว้ใส่วันที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือไม่ก็วันที่ไปหาพี่ษาก็แล้วกัน จะได้ไม่โดนหาว่าเชยอีก

 

     เพื่อเป็นการขอบคุณเมษ ผมก็เลยซื้อเดรสให้เมษด้วยชุดนึง ถึงจะราคาแพงไปหน่อย แต่แบบน่ารักมากเลยครับ พอเมษลองแล้วอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะ เพราะเมษหน้าตาน่ารักอยู่แล้ว เลยใส่ขึ้นมาก แม้ว่าพนักงานที่ร้านจะมองพวกเราแบบแปลกๆ นิดหน่อยตอนที่เมษขอลองชุด แค่เพราะเมษเป็นกระเทย แต่ไม่มีกฏว่าห้ามกระเทยลองชุดนี่ครับ ถ้าผู้หญิงคนอื่นลองได้ เพื่อนผมก็ต้องลองได้สิ ลูกค้าเหมือนกันแท้ๆ

 

     ผมไม่เข้าใจว่าเป็นกระเทยแล้วจะใส่เสื้อผ้าน่ารักๆ ไม่ได้รึยังไงครับ เพื่อนของผมชอบสีชมพู ชอบชุดที่ติดโบว์กับระบาย ชอบผ้าลูกไม้ แล้วถึงเมษจะปากจัดนิดหน่อยแต่อันที่จริงก็นิสัยเรียบร้อยมากครับ ถ้าไม่นับร่างกายที่เกิดมาผิดเพศแล้ว ผมว่าเพื่อนของผมก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึงเช่นกัน เวลาที่ผมอยู่กับเมษก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าแตกต่างอะไรกับเวลาที่ผมอยู่กับพวก ป่านเมย์แก้วเลย

 

     ส่วนเตอร์ก็ได้เสื้อยืดลายแปลกๆ ไปสองสามตัวครับ ก็แหม เงินมันเยอะนี่ครับ แล้วเมษก็แบบว่าต่อราคาเก่งด้วย พวกเราเลยยังใช้ไปไม่ถึงหมื่น แต่เมษก็บอกให้เก็บไว้ราวๆ สองหมื่นครับ เพราะเสื้อผ้ามียี่ห้อตัวนึงก็หลายพันอยู่ เดินจนเกือบบ่ายพวกผมก็เริ่มหิว แต่ที่ฟู๊ดฮอลคนเยอะมากๆ เลยตกลงกันว่าจะเดินไปหาอะไรทานเย็นๆ สบายๆ ในเซ็นทรัลกันดีกว่า พวกเราเดินทางไปหาของกินกันโดยไม่รู้ตัวเลยครับว่าจะเจอกับโจทย์เก่าของพวก เราที่นั่น

 

     ตอนที่พวกเรากำลังเดินเลือกว่าจะทานอะไรดี แถวๆ โซนร้านอาหาร ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองกับเมษครับ ผมกับเมษสะดุ้งพร้อมกันเลย พวกเราอยากจะรีบลากเตอร์เดินหนีแต่ก็ทำไม่ทัน เพราะผู้ชายคนนั้นตรงเข้ามาหาพวกเราเร็วกว่า ผมกับเมษมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปยกมือสวัสดีแบบเซ็งๆ

 

     “สวัสดีครับพี่ซิกส์”

 

     “สวัสดีค่ะ”

 

     ถึงเมษจะยกมือไหว้แต่เสียงก็ออกอาการมากครับ แถมยังทำหน้าเบะปากอีกต่างหาก ผิดกับผมที่ยังพอคุมเสียงตัวเองให้สงบได้อยู่ ส่วนเตอร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ยกมือไหว้พี่ซิกส์ตามผมกับเมษ พี่ซิกส์ยิ้มร่าเลยครับ พี่เขารับไหว้พวกผมก่อนจะเอ่ยปากทักทาย

 

     “มาทำไรกันแถวนี้ แล้วนี่ใครเนี่ย? แฟนน้องเมษเหรอครับ”

 

     “เตอร์ นี่คนรู้จักของพี่ เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนพี่สมัยมัธยม พี่ซิกส์ครับ นี่เตอร์หลานชายผม”

 

     ตอนแรกพี่ซิกส์ทำหน้างงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของผม แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแปลกๆ อีกแล้ว แต่คราวนี้ผมไม่ยอมหรอกนะครับ ลองทำอะไรเตอร์ดูสิ!

 

     “อ๋อ หลานแฟนเราเหรอ ต้นพูดซะพี่งงเลยว่าลุงไกรแอบไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

     “ผมรักเตอร์เหมือนหลานชายแท้ๆ ของผมครับ รักมากด้วย”

 

     ผมพยายามกดน้ำเสียงลงไปเพื่อย้ำไม่ให้พี่ซิกส์คิดลองดี พี่ซิกส์อมยิ้มให้ผมก่อนจะยอมถอย

 

     “อิจฉาจัง อยากนับญาติกับต้นบ้างอ่ะ”

 

     “ถ้าไม่มีธุระแล้วพวกผมขอตัวนะครับ”

 

     “เดี๋ยวสิต้น อุตส่าเจอไม่อยู่คุยกันหน่อยเหรอ”

 

     “โอ๊ย คุณพี่ขา พวกหนูหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยค่ะ ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ ไปเหอะต้น น้องเตอร์”

 

     เป็นเมษที่ทนไม่ไหวเลยแทรกขึ้นมาตัดบทก่อนจะพยายามดึงพวกเราเดินหนีมา แต่ผมกลับถูกพี่ซิกส์ยื้อไว้ มือของพี่ซิกส์ที่จับอยู่บนแขนของผมมันแน่นอย่างกับคีม ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร พี่ซิกส์ก็ลากผมติดมือกลับไปทางที่ตัวเองเดินมาซะแล้ว

 

     "แหม พอดีเลย พี่ก็กำลังทานข้าวอยู่กับเพื่อนพอดี พวกเราไปทานกับพี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวมื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง"

 

     พี่ซิกส์พล่ามอย่างดีใจว่าโชคดีที่บังเอิญมาเจอกันเลยจะขอเลี้ยงข้าวผมซัก มื้อ แล้วก็จะพาผมไปร้านอาหารที่ตัวเองนั่งทานอยู่กับเพื่อนโดยไม่สนใจความต้อง การของผมกับคนที่มาด้วย ผมมองหน้าเมษหวังจะให้เมษช่วย แต่เมษเองก็จนปัญญาไม่รู้จะทำอะไรได้แต่เดินตามพวกเรามา เตอร์ดูงงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า แต่พอเห็นสีหน้าของผมกับเมษก็เลยดึงแขนผมไว้อีกข้างแล้วเรียกให้พี่ซิกส์ หยุด

 

     “ผมว่าพี่ชายปล่อยพี่ต้นดีกว่าครับ พวกผมมีร้านที่อยากกินอยู่ตรงโน้น ไม่อยากไปกับพี่ชาย”

 

     “อ้าว แล้วก็ไม่บอก ไม่เป็นไร ไปร้านที่พวกน้องอยากไปก็ได้ เดี๋ยวพี่โทรบอกเพื่อนพี่เอง”

 

     “แต่ดูท่าพี่ต้นไม่อยากนั่งกินข้าวกับพี่นะครับ แล้วผมก็ไม่อยากให้พี่ไปกับพวกเราด้วย”

 

     เกิดขั้วอำนาจสองขั้วเข้าปะทะกันแบบไม่มีใครยอมใครโดยมีผมอยู่ตรงกลาง และมีเมษเป็นกองเชียร์ช่วยลุ้นอยู่ ฟังดูดีเหรอครับที่เป็นตัวเอกโดนคนมาแย่งกันแบบนี้ ใครจะชอบก็ชอบไปเถอะครับ ผมไม่ชอบ! ถูกยื้ออยู่กลางที่สาธารณะแบบนี้ผมอายเขา!

 

     “พี่ว่าน้องปล่อยพี่ต้นของน้องก่อนดีกว่ามั้ยครับ พี่ต้นของน้องหน้าแดงใหญ่แล้ว ยกเว้นว่าน้องอยากจะให้คนมองเราสามคนต่อไปนานๆ”

 

     เตอร์รู้ตัวแล้วรีบปล่อยมือจากแขนของผมแถมยังทำท่าขอโทษขอโพยผมอีก แต่พี่ซิกส์กลับยืนยิ้มอย่างสะใจในชัยชนะแล้วก็ไม่ยอมปล่อยแขนผม

 

     “ต้นอยากทานอะไรเหรอครับ?”

 

     “ผมแล้วแต่เตอร์กับเมษครับ”

 

     พร้อมๆ กับที่ผมตอบพี่ซิกส์ เมษก็พูดขึ้นเหมือนกันกับผม

 

     “หนูก็แล้วแต่เด็กมันค่ะ”

 

     “พี่ต้นคร้าบ ผมไม่ค่อยรู้จักร้านในห้างเลย พาผมไปดูหน่อยสิครับ”

 

      เตอร์เดินเข้ามาแทรกระหว่างกลางผมกับพี่ซิกส์ แถมยังเอาแขนพาดคอผมอีก ปกติผมจะดุนะครับ แต่วันนี้ผมยอม ดีกว่าต้องอยู่ใต้เงื้อมมือพี่ซิกส์ โดนเตอร์แทรกเข้ามาเนียนๆ แบบนั้นพี่ซิกส์ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยมือจากผม แล้วก็ยอมให้ผมถูกเตอร์เดินกอดคอประหนึ่งเพื่อนซี้ลากไปดูร้านต่างๆ พวกเราแกล้งเดินหาร้านอาหารไปเรื่อยๆ แต่พี่ซิกส์ก็เดินตามเรามาเรื่อยๆ เช่นกัน ผมเห็นพี่ซิกส์โทรศัพท์คุยกับเพื่อนเรื่องธุระด่วน ใจคอพี่เขาจะตามป่วนพวกผมจริงๆ ใช่มั้ยครับ!

 

      จนในที่สุด พวกเราก็ทนหิวกันไม่ไหวพากันเข้าร้านอาหารกระทะร้อนแบบฟาดฟู๊ดแห่งหนึ่ง เตอร์ที่ดูตื่นเต้นมากสั่งอาหารด้วยท่าทางมีความสุข ส่วนผมกับเมษบอกตามตรงว่าทานไม่ลงครับ ผมรำคาญพี่ซิกส์ ส่วนเมษก็เกลียดพวกควันเหล่านั้นเพราะมันทำให้หัวเหม็น แต่สุดท้ายพวกเราก็ตามใจเตอร์ พี่ซิกส์โชว์ป๋าเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเรา ผมเองก็ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธซะด้วยสิครับ แต่พอถึงตอนเลือกกที่นั่งเท่านั้นแหละ การแบ่งฝ่ายที่ชัดเจนที่สุดในโลกก็อุบัติขึ้น โต๊ะที่นั่งกันได้หกคนถูกพวกเราเลือกแล้วก็อัดอยู่ฝั่งเดียวกันทั้งสามคน ทิ้งให้พี่ซิกส์นั่งคนเดียวที่ฝั่งตรงข้าม พี่ซิกส์ไม่สะทกสะท้านเลยซักนิด โซฟาฝั่งผมเลยแออัดกันนิดหน่อย เพราะเตอร์เองก็ตัวโตไม่ใช่น้อยๆ ผู้ชายสองคนกับ... กับเมษอีกหนึ่งนั่งอัดกันแบบนี้ก็เกะกะกันนิดหน่อยครับ ดูเตอร์ไม่สะทกสะท้านอะไรผัดเนื้อในจานอย่างสนุกสนานเต็มที่ ส่วนผมกับเมษก็ค่อยๆ ทานกันเพราะกลัวมือไปโดนขอบร้อนๆ ของจาน

 

     "โอ้ย!"

 

     นั่นไง ไม่ทันขาดคำ เตอร์ซุ่มซ่ามซะแล้ว

 

     "ไหน เอามาให้พี่ดูสิ"

 

     "ไม่ได้เป็นไรมากหรอกพี่ต้น"

 

     "งี้ทุกทีอ่ะเรา ไม่เคยระวังตัวเลย พี่บอกแล้วไงว่าอย่าใจร้อน"

 

     “เป็นอะไรมากมั้ย นังต้นแกรีบเอาน้ำแข็งไปประคบไว้ก่อน”

 

     ผมรับน้ำแข็งก้อนมาจากเมษแล้วเอาห่อกระดาษทิชชู่ก่อนประคบกับมือของเตอร์ ดีนะครับ ที่จานมันไม่ได้ร้อนมากจนเตอร์มือพอง พี่ซิกส์นั่งมองพวกเราแล้วก็เอาแต่ยิ้ม เตอร์เลยรู้สึกเสียหน้านิดหน่อย นี่ผมทำกับเตอร์เหมือนเด็กเกินไปรึเปล่าครับ? ก็ผมไม่เคยมีน้อง พออยู่กับเตอร์ผมก็เลยเผลอบ่อยๆ

 

     "พอๆ พี่ต้น ไม่ได้เป็นไรซักหน่อย กินเหอะ ผมหิว"

 

     เตอร์ชักมือออจากการปฐมพยาบาลของผมแล้วก็ทานอาหารหน้าตาเฉย แต่ผมเห็นนะ นิ้วชี้ที่โดนจานแอบสั่นหน่อยๆ ตอนจับตะเกียบ

 

     พอพวกเราทานกันเสร็จก็ได้เวลาช็อปปิ้งต่อครับ แม้ว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญอยย่างพี่ซิกส์ติดสอยห้อยตามมาด้วยก็เถอะ พวกเราเดินดูเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ โดยพยายามเมินเสียงนกเสียงกาบางคนที่ช่วยออกความเห็นแนะนำร้านช่วยเลือกแบบ และยุ่งวุ่นวายอื่นๆ โชคดีที่พวกเราเจอร้านที่เซลล์ช่วงสิ้นปีพอดี เลยได้เสื้อผ้าแบรนด์มาเยอะกว่าที่คิด

 

     แต่ตอนที่พวกเราจะกลับ พี่ซิกส์เป็นคนอาสามาส่งพวกเราครับ ตอนแรกพวกเราไม่มีใครอยากรบกวนพี่เขาแต่ว่าพี่แกเล่นมัดมือชกเอาของไปถือให้ พวกเราซะงั้น มีของที่อุตส่าช็อปปิ้งเป็นตัวประกันอยู่ในมือพี่แก ก็เลยต้องยอมให้พี่ซิกส์ไปส่งครับ ต้องเป็นตอนที่ผมให้เมษช่วยดูขนาดเสื้อให้แน่ๆ เลย ตอนนั้นเมษคงเผลอวางถุงช็อปปิ้งไว้พี่ซิกส์ก็เลยอาสามาถือของให้ ซวยเลยครับ

 

     แต่โชคดีที่คราวนี้ผมมีเตอร์มาด้วย แล้วในรถก็ยังมีเมษอีกคน ผมเลยบอกให้พี่ซิกส์ไปส่งเมษต่อด้วย พี่ซิกส์ก็เลยจำใจจอดให้ผมกับเตอร์ลงจากรถเฉยๆ อดตามผมขึ้นมาถึงในห้อง เป็นอันว่าจบวันอันยาวนานที่เหนื่อยแสนเหนื่อยของผมครับ จะว่าไปวันนี้ผมซื้อเสื้อผ้าใหม่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย พอถือกันสองคนกับเตอร์แล้วพะรุงพะรังเชียว ตอนเดินช็อปมีเมษกับพี่ซิกส์ช่วยถือมันเลยดูไม่เยอะมั้งครับ อยากรู้จังว่าถ้าพี่ชัชเห็นผมใส่เสื้อผ้าพวกนี้แล้วจะคิดยังไง จะว่าไปผมไม่เคยช็อปปิ้งใช้เงินสุดเหวี่ยงแบบนี้มาก่อนเลยครับ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผมเลยล่ะ

 

     ดังนั้นพอผมกับเตอร์ถึงห้องได้ พวกเราก็เลยแยกย้ายกันพักผ่อน พอเตอร์ถึงห้องก็รีบกระโดดขึ้นเตียงนอนหลับไปแล้วละครับ เด็กอะไรขี้เกียจจริงๆ แต่ผมเองก็รู้สึกเหนื่อยๆ ขอพักซักครู่ก่อนแล้วกัน ไว้ค่อยลุกมาทำอาหารเย็นอีกทีตอนค่ำๆ เพราะว่าตอนกลางวันเตอร์ทานไปขนาดนั้น แถมพี่ซิกส์ยังเลี้ยงไอศกรีมก่อนกลับอีก หวังว่าเตอร์คงยังไม่หิวง่ายๆ หรอกนะครับ

 

     วันนี้เราอยู่ตามลำพังกันสองคนครับ พี่ชัชออกต่างจังหวัดอีกแล้ว ผมอดยอมรับไม่ได้นะว่าการมีเตอร์มาอยู่ด้วยมันก็ช่วยให้ผมคลายเหงาไปได้พอสมควร อยากให้พี่ชัชกลับมาเร็วๆ จัง ถึงยังไงเตียงนี่มันก็กว้างเกินไปสำหรับนอนคนเดียวจริงๆ แม้ปลอกหมอนกับผ้าปูจะมีกลิ่นของพี่ชัชอยู่ แต่ความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนกับการได้สัมผัสตัวกันจริงๆ หรอกครับ ผมคิดถึงอ้อมแขนแข็งๆ ของพี่ชัชเป็นบ้าเลย!

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page