
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ต้นน้ำ
หลังจากวันนั้น แม้ว่าผมจะบ่ายเบี่ยงไปได้หลายวัน แต่ผมก็ติดสัญญาที่ให้ไว้กับเตอร์ จำใจต้องเล่าออกไปจนได้ เพราะอย่างไรเสียเตอร์ก็เป็นหลานแท้ๆ ของแฟนผม ถือเป็นครอบครัวเดียวกันกับผมแล้ว ตอนที่เตอร์พูดแบบนั้น ผมรู้สึกตื้อในอกยังไงก็ไม่รู้ครับ เกือบน้ำตาไหลแน่ะ ครอบครัวของพี่ชัชดีกับผมมากทุกคน ผมโชคดีจริงๆ
ถึงแม้ว่าตอนที่ผมเกิดจะลำบากแต่ผมก็ยังโชคดีที่มีคุณลุง แล้วก็โชคดีที่ได้เจอพี่ชัช ได้พบกับครอบครัวของแฟนที่น่ารัก โชคดีที่พวกเขาไม่รังเกียจเกย์แบบผม แล้วตอนนี้ผมก็โชคดีที่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ผมยังมีคุณพ่อและญาติคนอื่นๆ อยู่อีก แล้วพวกเขาก็พยายามรับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ผมรู้สึกดีมากๆ ครับ
เตอร์ดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ เมื่อผมเล่าทุกอย่างให้เขาฟังจบ เตอร์เพียงแค่มองผมแล้วก็ยิ้มอยู่นาน จนในที่สุดเมื่อผมถามเข้ามากๆ เขาก็แค่พูดออกมาว่า “สมกับเป็นพี่ต้น” ผมไม่เข้าใจเลยครับว่าเตอร์หมายถึงอะไร แต่ช่างมันเถอะครับ คิดไปก็ปวดหัว ผมเลิกคิดดีกว่า
ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระแล้วหันมาตั้งใจทำกับข้าวแทน วันนี้พี่ชัชเลิกงานกลับมาเร็วครับ กลับมาตั้งแต่บ่าย แต่พี่ชัชบ่นอยากทานแกงเลียงฝีมือผม พวกเราก็เลยออกไปช็อปปิ้งกัน ได้ของสดมาเยอะเหมือนกัน สองคนนั่นน่ะสบายครับ แต่ลำบากผมนี่แหละ ไหนจะแกงเลียงของพี่ชัช ปลาเก๋าทอดของเตอร์ ผักคะน้าหมูกรอบของผม เมนูเพียบเลยครับ เพราะงั้นตอนนี้ผมก็เลยง่วงอยู่ในครัว มีเตอร์คอยเป็นลูกมือช่วยนิดๆ หน่อยๆ ส่วนพี่ชัชเข้าห้องทำงานไปแล้วครับ
ขณะที่ผมกำลังปลอกก้านคะน้าอวบๆ อยู่ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มาจะรับแต่แล้วก็เห็นชื่อคนโทรเข้ามา เอาอีกแล้ว... คุณปู่
“สวัสดีครับคุณปู่”
“อาตี๋เล็ก อาษาอีบอกว่า ลื้อไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่เหรอ?”
ทำไมมันถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะครับ? ดูท่าผมคงต้องใช้เวลาซักพักแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดของอากงซะแล้ว ผมหันไปบอกเตอร์ให้ช่วยหันผักแทนผมไปก่อน เพราะผมจะขอตัวไปคุยโทรศัพท์ซักครู่ เตอร์พยักหน้าให้ผมแล้วก็จัดการกับผักบุ้งกำใหญ่นั้นต่อ ส่วนผมก็เดินเข้าห้องไปคุยโทรศัพท์ครับ
“ใครบอกคุณปู่แบบนั้นครับ ไม่ใช่ซักหน่อย”
แล้วผมก็ต้องแก้ตัวยาว คุณปู่ผมท่านจะให้พี่ซิกส์มารับผมไปช็อปปิ้งให้ได้ อี๋! ไปกับพี่ซิกส์น่ะเหรอครับ ไม่เอาหรอก! ขืนไปด้วยกันมีหวังถูกแกล้งแน่ๆ ครับ แต่พอผมปฏิเสธ คุณปู่ก็บอกว่าอยากให้ผมแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดี เพราะเป็นถึงหลายชายเจ้าของร้านขายเพชร ถ้าแต่งตัวไม่ดี มันก็ดูไม่น่าเชื่อถือลูกค้าก็ไม่เข้าร้าน ทำอย่างกับวางแผนว่าจะให้ผมไปช่วยขายของหน้าร้านบ่อยๆ ซะงั้นแหละ ไหนยังจะอ้างเรื่องที่เวลาคุณปู่ลากผมไปด้วยเวลามีสังสรรคกับเพื่อนๆ มาบังคับผมอีก สรุปว่าอยู่ๆ ผมก็ได้เงินช็อปปิ้งเสื้อผ้ามาสามหมื่นครับ ตั้งสามหมื่น! คุณปู่บอกให้ผมซื้อสูท ชุดใส่ไปงานทำนองนั้นไว้ซักตัวสองตัวด้วย พอคุณปู่วางสายไปแล้วก็เป็นพี่ษาโทรมาติดๆ กันทันที เอ๊ะ! นี่พี่ษารู้ได้ยังไงครับเนี่ย แถมพี่สาวผมยังตรงประเด็นมาก นี่เซ้นส์เรื่องเสื้อผ้าผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ใครต่อใครถึงได้อยากพาผมไปช็อปปิ้งจัง
“ต้นไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่มั้ย พี่จะได้ช่วยเราเลือกเสื้อผ้าไง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้ผมไปดูเองก็ได้”
“แต่ว่า...”
“คือช่วงนี้ผมติดธุระน่ะครับ ยังไม่แน่ใจว่าจะว่างเมื่อไหร่ ไว้-”
“อ๊าก!”
เสียงเตอร์ที่ร้องขึ้นดังลั่นทำเอาผมตกใจ ผมเลยตัดบทพี่ษาแล้ววางสายเธอก่อนจะรีบออกมาดูเตอร์ในห้องนั่งเล่น
“แค่นี้ก่อนนะครับพี่ษา ผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้แล้วเดี๋ยวผมจะโทรกลับอีกที”
แต่ตอนที่ผมมาถึงห้องนั่งเล่น พี่ชัชก็อยู่กับเตอร์แล้วครับ
“เตอร์เป็นไรเปล่า?”
ผมเห็นเตอร์ยืนกุมนิ้วที่มีเลือดอาบ ส่วนพี่ชัชก็กำลังห้ามเลือดให้ พี่ชัชดูไม่ตกใจเท่าไหร่ แต่เตอร์กับผมนี่สิ หน้าซีดแล้ว เลือดมันเยอะมากครับ เต็มมือเลย หยดลงบนเขียงด้วย
“สูยะอะหยัง ยะหยังเป๋นจะอี้เลาะ?”
พี่ชัชเอ็ดเตอร์เบาๆ แต่ก็กดผ้าก็อซลงบนบาดแผลของเตอร์ไปด้วย ผมเกลียดเลือดสีแดงแบบนี้จังเลยครับ มันชวนให้ผมนึกถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ก็เปิ้นอยากจ่วยปี้ต้นเลาะ เลยลองหั่นคะน้าดูบ่อดาย ละมันกะผะเลิดเป๋นจะอี้ โอ้ยๆ อาชัชเบาๆ ก่ะ!”
“สำออยก่ะ ไปๆ สูไปหื้อต้นใส่ยาเต๊อะ”
“เลือดหยุดแล้วเหรอครับพี่ชัช?”
“ยัง แต่ไม่มากแล้วล่ะ ต้นกดไว้ก่อนนะ รีบพาเตอร์ไปทำแผลในห้องเหอะ เดี๋ยวพี่เคลียร์ตรงนี้ให้เอง”
“แต่...”
“ไปเถอะครับ แค่หั่นผักใช่มั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่ทำเตรียมไว้ให้แล้วต้นค่อยมาผัดก็ได้ พาน้องไปทำแผลก่อน ตรงนี้พี่จัดการเอง”
“ครับ”
แล้วผมก็พาเตอร์ไปทำแผลในห้องนอน โชคดีที่แผลเรียบสนิท ถึงจะลึกแต่ก็ติดกันง่าย พอเลือดหยุดไหล ผมก็เช็ดแอลกอฮอล์ให้เตอร์ก่อนจะตามด้วยใส่ยาให้ เตอร์ร้องโวยวายนิดหน่อยเพราะความแสบ แต่นอกนั้นแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ ดูเหมือนเจ้าตัวจะหายตกใจแล้ว นิ้วชี้ข้างซ้ายของเตอร์เลยมีผ้าพันแผลแปะไว้
พอผมออกมาจากห้อง พี่ชัชก็จัดการเคลียร์บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ไม่เหลือคราบเลือดให้ผมเห็นอีก ค่อยยังชั่วครับ เห็นแบบนั้นผมก็เลยเร่งมือทำกับข้าว ส่วนพี่ชัชก็หายาให้เตอร์ทานกันแผลอักเสบ พอทานข้าวกันเสร็จผมก็บังคับให้เตอร์รีบอาบน้ำเข้านอนโดยให้เจ้าตัวสวมถุง มือไว้หนึ่งข้าง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ตกดึกเตอร์ก็ปวดแผลมากจนหงุดหงิด พี่ชัชเลยแอบจัดยาที่มีฤทธิ์ง่วงนอนให้เตอร์ทานอีกหนึ่งชุด
พวกเราผ่านคืนนั้นไปอย่างทุลักทุเลครับ ผมเองก็ถูกพี่ชัชโอ๋พอสมควรเหมือนกัน พี่ชัชกอดผมทั้งคืน ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของพี่ชัช เพียงแต่... ยังไงผมก็ยังกลัวอยู่ดีครับ ผมเกลียดเลือด!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++