top of page

The story after that. - ต้นน้ำ

     คิดไว้ไม่ผิดเลยครับว่าเตอร์ถอดแบบพี่ชัชมาเปี๊ยป แค่สองวันที่ได้อยู่ด้วยกันหลังจากที่พี่ศักดิ์กลับไปแล้วผมก็รู้ซึ้ง เพราะพี่ชัชยกห้องอีกห้องให้ แล้วในนั้นก็มีโน้ตบุ๊คเครื่องเก่าที่พี่ชัชไม่ใช้แล้ววางอยู่ เตอร์โหลดเกมมาเต็มเลยครับ พอตอนกลางคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอนเอาแต่เล่นเกม ส่วนตอนกลางวันถ้าไม่หลับก็เอาแต่ดูทีวี เอาแต่ขี้เกียจอ้างว่าเหนื่อย นี่มันพี่ชัชเวอร์ชั่นเด็กกว่าที่ไม่ได้หน้าด้านเท่าต้นฉบับชัดๆ

 

     วันแรกก็ยังดีๆ ครับ ผมกับพี่ชัชอยู่ด้วย แต่วันที่สองนี่สิ ผมเอาของฝากไปให้เมษที่บ้าน กลับมาอีกทีกองซากขนมบนโต๊ะรับแขกเละเทะเชียวครับ วันนั้นผมเลยองค์ลง ผมดุเตอร์ไปเยอะเหมือนกัน เตอร์ก็ทำท่าสำนึกผิดนะครับ ไม่ดื้อไม่ซนไม่ต่อต้าน รีบเก็บขยะไปทิ้งตามที่ผมสั่ง แล้วก็มาอ้อนผมใหญ่ คงกลัวผมไม่พาไปงานเกมมั้งครับ

 

     ให้ตายเถอะ พรุ่งนี้ผมมีนัดกับพี่ษาด้วย คงต้องพาไปด้วยกันซะละ ผมจะไม่ยอมให้เตอร์อยู่ห้องคนเดียวแล้วก็เอาแต่เล่นเกมเด็ดขาด!

 

     แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เตอร์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมออกมากับผม จนผมต้องเอาพาราก้อนมาล่อ บอกว่าจะพาไปเลี้ยงหนังแล้วก็ซื้อขนมให้ด้วย เตอร์เลยยอมตามผมออกมา ส่วนผมก็ต้องโทรไปขอเปลี่ยนสถานที่นัดกับพี่ษาครับ จากห้างแถวบ้านเป็นพาราก้อน

 

     เพื่อความสะดวกในการเดินทางผมเลยเลือกที่จะใช้บริการสาธารณะ ก็ที่พาราก้อนจอดรถลำบากจะตายครับ รถก็ติด ค่าจอดรถก็แพง เตอร์เลยบ่นใหญ่เรื่องที่ผมไม่ยอมขับรถมา ทำให้เขาต้องโหนสองแถว แต่พอผมพาขึ้นรถไฟฟ้าเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็ทำเป็นเก๊กทันที ทั้งๆ ที่จริงแอบตื่นเต้นพอสมควร แย่งผมหยอดเหรียญซื้อบัตรด้วย เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำนั่นแหละครับ

 

     พี่ษาดูจะแปลกใจเมื่อเห็นผมพาคนอื่นมาด้วย แต่พอบอกว่าเตอร์เป็นหลานชายพี่ชัช เธอก็ยิ่งทำสีหน้าแปลกเข้าไปอีก แต่ก็สมกับเป็นคนที่ได้รับการอบรมมาดีครับ เธอยื่นไมตรีให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ ส่วนคนที่มีปัญหาน่ะมันหลานผมต่างหาก

 

     “โห เค้กก้อนหน้อยนึงอะหยังมันแปงปะหล้ำปะเหลือ”

 

     “เตอร์!”

 

     ผมเอ็ดเตอร์ที่เผลออุทานภาษาบ้านเกิดซะดัง อายคนอื่นจังเลยครับ ผมขอย้ำว่าขณะนี้เราอยู่กันที่พาราก้อน ในร้านเค้กชื่อดังจากฝรั่งเศษ

 

     “ไม่เป็นไรหรอก พี่เลี้ยงเอง อยากทานอะไรก็สั่งได้เลยนะ”

 

     “ผมอยากกินหมดทุกอันเลยครับ แต่แพงขนาดนี้เกรงใจพี่สาวคนสวยแย่”

 

     “ปากหวานจังนะ ตัวแค่นี้”

 

     “หวานบ่อเต้าปี้สาวคนสวยหรอกคับ อยากฟังเพลงเหนือก่อ ผมฮ้องหื้อฟังได้หนา เอาเพลงพี่สาวครับของจรัลกะได้”

 

     ผมอยากจะบ้าตาย หลานชายผม อายุสิบสี่! แต่เริ่มออกลายเหมือนอามันเปี๊ยปเลย!

 

     “พี่ให้นายสั่งได้แค่สองชิ้น เค้กผลไม้ที่นี่รสอมเปรี้ยว นายติดหวานไม่ชอบหรอกเตอร์”

 

     คงเพราะผมเผลอพูดเสียงห้วนไปหน่อย เตอร์ที่กำลังออกอาการหลีหญิงเลยหันมามองหน้าผมแบบค้างๆ แต่พอเห็นสายตาเย็นๆ ของผมเข้าไป เตอร์ก็รีบเปลี่ยนมาอ้อนผมแทน

 

     “โห พี่ต้นใจร้าย ผมเป็นเด็กกำลังโตหนา”

 

     “สั่งเสร็จแล้วก็นั่งรอเงียบๆ เราเสียงดังจนพี่อายคนอื่นเขา”

 

     เตอร์ทำหน้าเซ็งนิดหน่อยก่อนจะเดินไปเลือกเค้กที่ตู้ พี่ษาเลยชวนผมคุยด้วยคำถามที่ทำให้ผมแปลกใจปนดีใจ

 

     “ดูต้นสนิทกับน้องเขาจังเลยนะ น่าอิจฉาน้องเขาจัง พี่เป็นพี่แท้ๆ ของต้นยังสนิทกับต้นไม่ได้ขนาดนั้นเลย”

 

     “สนิทอะไรกันครับ ออกแนวบ่นซะมากกว่า”

 

     “แต่ต้นก็บ่นเพราะห่วงไม่ใช่เหรอ ต้นเปิดใจให้ครอบครัวของแฟนต้นแล้วพวกเขาก็ยอมรับต้น พี่อิจฉาจริงๆ นี่นา”

 

     คำพูดของพี่ษาทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อย ผมควรจะทำดีกับเธอให้มากกว่านี้สินะครับ

 

     “คงเพราะระหว่างผมกับพวกเขาไม่มีเงื่อนไขอะไรมั้งครับ”

 

     “จ้ะ พี่เข้าใจ”

 

     เพราะผมเผลอหลุดปากไปแบบนั้น พี่ษาเธอเลยทำหน้าเศร้าๆ ตอบผม ผมนี่แย่จังเลยครับ ก็เรื่องนั้นน่ะ มันแก้ไขอะไรไม่ได้ซักหน่อย แล้วถ้าคิดดูดีๆ ผมต่างหากที่เป็นตัวปัญหา ไม่ใช่พี่ษากับแม่ของเธอ

 

     “คือ ผมหมายถึงว่า คงเป็นเพราะผมกับเตอร์เป็นผู้ชายเหมือนกันมั้งครับ เลยสนิทกันง่าย พี่ษาเป็นผู้หญิง ผมเลยทำตัวไม่ค่อยถูก”

 

     “ไม่ต้องปลอบใจพี่หรอก ต้นยังไม่ยอมรับพี่ พี่เข้าใจ รวมถึงเรื่องที่เราเกรงใจคุณแม่พี่ก็เลยไม่ค่อยเข้าหาคุณพ่อก็ด้วย แต่ว่”

 

     “มาแล้วคร้าบ”

 

     เตอร์เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมพนักงานเสริฟกับจานที่มีเค้กชิ้นเล็กๆ เรียงกันสามก้อน ผมมองหน้าเตอร์

 

     “อันนั้นผมสั่งมาให้พี่ต้นไง พี่ต้นชอบสตรอเบอร์รี่ใช่ม้า”

 

     “บ้า!”

 

     ให้ตายสิ! เขินชะมัดเลยครับ เตอร์เล่นมุขซะผมพูดอะไรไม่ออกเลย จะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำไมนะ

 

     “อ่ะแน่ะๆ อยากกินจนหน้าแดงเลยก๊ะพี่ต้น มาๆ ผมป้อนหื้อ”

 

     “เล่นอะไรน่ะเตอร์อายเค้า”

 

     ใครจะไปรับขนมเค้กที่จ่อปากผมไว้แบบนี้ละครับ ผู้ชายสองคนมานั่งป้องเค้กกัน น่าอายจะตาย คนอื่นมองกันใหญ่แล้ว พี่สาวผมทำหน้างงไปไม่เป็น ส่วนผมก็เขินจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยครับ พอเห็นผมไม่ทาน เตอร์ก็ตักเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย เฮ้อ... หลานผมเจ้าเล่ห์เป็นบ้า

 

     “ว่าแต่ พี่ษานัดผมมามีอะไรรึเปล่าครับ”

 

     “คือ คุณแม่พี่ไปประชุมที่สวิสมาจ้ะ แล้วก็เลยซื้อของกลับมาฝากต้นด้วย ต้นลองดูสิว่าชอบรึเปล่า?”

 

     พี่ษาเธอส่งถุงของฝากมาให้ผมถุงใหญ่ ในนั้นนอกจากจะมีพวกขนมกับช็อกโกแลตแล้วก็ยังมีถุงเล็กๆ ด้วยอีกหนึ่งถุง ปั้มตราโลโก้อะไรซักอย่าง ดูหรูเชียวครับ พอผมเปิดถุงดูของข้างในแล้วก็เห็นนาฬิกาผู้ชายเรือนนึง สวยทีเดียว ถึงจะเป็นสายหนังกับตัวเรือนเรียบๆ แต่รายละเอียดบนหน้าปัดก็ประณีตมาก และคงจะแพงมากด้วย

 

     “มันแพงเกินไปมั้งครับ เด็กอย่างผมคงไม่เหมาะจะใส่ของหรูๆ ขนาดนี้”

 

     “ไม่หรอก เหมาะกับเธอดีออก ไม่แพงหรอกนะ แม่พี่ซื้อกลับมาเยอะเลยเพราะคุณพ่อก็ชอบนาฬิกาเหมือนกัน”

 

     “ผมใส่เรือนนี้ก็ดีอยู่แล้วครับ”

 

     “แต่เรือนนั้นมันเก่าแล้วนี่นา แถมยังใหญ่กว่าข้อมือเธอเยอะด้วย หน้าปัดก็ดูเทอะทะไปสำหรับข้อมือเธอ แขนต้นเล๊กเล็ก พี่ว่าเธอใส่แล้วไม่สวยเลย พี่อุตส่าบอกให้คุณแม่ซื้อกลับมาเผื่อเธอนะ”

 

     จะไม่ให้ใหญ่ได้ยังไงละครับ ก็นี่มันของเก่าของพี่ชัชที่ผมหยิบมาใส่นี่นา มือผมกับมือพี่ชัชมันก็ต้องต่างไซส์กันอยู่แล้ว

 

     ความจริงหลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันแล้ว ผมพบว่าพี่สาวผมเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวแม่ครับ แม้จะไม่ถึงขนาดว่าต้องใช้ของหรูแบรนด์เนมทั้งตัวหัวจรดเท้า แต่ก็ต้องมีเทรนด์ตลอดเวลา อะไรอิน อะไรเก๋ พี่สาวผมเธอรู้ทุกอย่าง น่าทึ่งนะครับ ได้ข่าวว่าพวกหมอนี่เรียนกันหนักไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมพี่สาวผมยังมีเวลาไปนั่งอัพเดทเรื่องแฟนชั่นอีก? หรือเป็นเพราะว่าเรียนหมอมันเครียดครับ พี่ผมเลยต้องหาของสวยๆ งามๆ มาผ่อนคลายขนาดนี้

 

     “นาฬิกามันมีไว้ใช้ดูเวลาครับพี่ษา ถ้ามันบอกเวลาได้ก็โอเคแล้วครับ”

 

     “ใครบอก บางคนเขาก็ใส่นาฬิกาเป็นเครื่องประดับด้วยนะ ต้นเป็นเกย์แท้ๆ น่าจะใส่ใจเรื่องแต่งตัวบ้าง”

 

     ให้ตายสิ ตรรกะอะไรของเขาเนี่ย! แล้วแบบนี้ผมจะสนิทกับคุณเธอได้ยังไงละครับ ไม่ทันไรก็มาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวผมซะแล้ว

 

     “ผมแค่รักพี่ชัชแล้วบังเอิญเราสองคนเป็นผู้ชายเหมือนกันครับ ถึงการที่ผมเป็นแบบนั้นมันจะทำให้ผมเป็นเกย์ แต่ก็ใช่ว่าผมจะต้องชอบแต่งตัวอะไรทำนองนั้น”

 

     “พี่ขอโทษ พี่ก็แค่...”

 

     “ครับ ผมเข้าใจครับ พวกคุณอยากชดเชยให้กับผม อาจจะคิดว่าผมคงต้องลำบากมากเพราะพี่ชัชเป็นแค่เซลล์ขายยา ส่วนคุณแม่ของผมก็ไม่อยู่ที่เมืองไทยแล้ว แถมผมยังขอทุน แต่ผมขอยืนยันเลยนะครับว่าผมไม่ได้ลำบากอะไร พี่ชัชดูแลผมดีมากๆ เพียงแต่ผมไม่ชอบข้าวของฟุ่มเฟือยเองครับ”

 

     “แต่พี่ว่าต้นก็น่าจะแต่งตัวซะหน่อยนะ เสียดายออก ต้นออกจะหล่อ ถ้า”

 

     “แล้วเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่ผมใส่นี่มันดูแย่มากเหรอครับ ผมว่านัดกับคนกันเองแบบนี้เสื้อผ้าชุดลำลองแบบนี้ก็พอแล้วมั้งครับ หรือผมดูโทรมมากจนพี่ษาอายที่จะนั่งคุยกับผม”

 

     “เปล่านะ พี่ได้ไม่... พี่ขอโทษนะต้น พี่ก็แค่... คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ”

 

    เพราะผมเผลอขึ้นเสียง พี่ษาเลยตกใจ เธอทำหน้าเลิกลั่กแล้วรีบขอโทษผม เหมือนเธอจะรู้ตัวว่าตัวเองล้ำเส้นเลยเงียบไปแล้วใช้สายตามองผมอย่างน่าสงสารแทน เจอแบบนี้ถึงผมจะยังหงุดหงิดอยู่แต่ก็โกรธไม่ลงแล้วครับ

 

     “เอาเถอะครับ ผมเองก็ผิดเหมือนกัน ขอโทษนะครับที่เผลอขี้นเสียงใส่พี่”

 

     “จ้ะ ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นพี่น้องกัน เถียงกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาจะตาย”

 

     เธอพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มให้ผมใหญ่ แล้วก็ลงมือหว่านล้อมผมต่อ

 

     ใส่เสื้อยืดของแจกจากบริษัทยามันผิดตรงไหนครับ? ก็แฟนผมเป็นผู้แทนนี่นา บางทีพี่ชัชก็มีพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ปั้มโลโก้บริษัทยาเอาไว้แจกหมอ ผมก็แค่... หยิบมาใช้บ้าง ไม่เป็นเป็นอะไรเลย มันมีเยอะนี่ครับ ตั้งแต่ปากกายันเสื้อผ้าเลย แล้วทำไมผมจะต้องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุด้วย!

 

     ตลอดเวลานั้นเตอร์นั่งทานเค้กไปฟังผมเถียงกับพี่ษาไปโดยไม่กล้าแทรก อย่างน้อยๆ ก็ยังนับว่ารู้จักกาลเทศะครับ

 

     จนกระทั่งผมเถียงกับพี่ษาเสร็จนั่นแหละ ซึ่งก็ปรากฏว่าผมแพ้ลูกตื้อของเธอ ต้องรับเอานาฬิกาเรือนนั้นมาใส่จนได้ พี่ษาเธอยิ้มจนตาหยีเชียวที่ผมรับของฝากของเธอ พอเราคุยกันเสร็จ เราก็แยกกัน เธอมีธุระของเธอต่อ ส่วนผมก็ต้องพาเตอร์ไปดูหนังตามสัญญา ผมตามใจให้เตอร์เป็นคนเลือกเรื่องและรอบ

 

     ผมยังแอบหงุดหงิดอยู่นิดหน่อยครับ ไม่เคยมีใครมาว่าผมเรื่องนี้เลยนะ ผมเชยจริงๆ น่ะเหรอ? เพื่อนที่คณะก็ไม่เห็นมีใครพูดอะไร... ไม่สิ ส่วนใหญ่เวลาผมไปมหาวิทยาลัยผมมักจะใส่แต่ชุดนักศึกษา หรือไม่ก็กางเกงขายาวกับเสื้อยืดโปโล เพราะมันดูสุภาพเหมาะกับสถานที่ นอกนั้นเวลาที่ผมไปไหนกับแม็กซ์ อืม... ไม่เห็นแม็กซ์จะว่าอะไรผมซักคำ ผมไม่ได้แต่งตัวแย่หรือมีสภาพเป็นลุงเชยมากขนาดนั้นซักหน่อย ถ้าผมดูแย่มากขนาดนั้นจริงๆ เมษก็ต้องพูดอะไรบ้างแหละครับ แม้แต่เมษยังไม่เห็นว่าอะไรผมเลย ผมเผลอคิดวกวนในสมองจนเกือบได้เวลาเข้าโรงเลยครับ เตอร์ต้องสะกิดผมบอกว่าได้เวลาแล้ว ผมถึงจะรู้สึกตัวแล้วก็เดินตามเตอร์เข้าโรง

 

     เตอร์ท่าทางดูหนังสนุกมากแต่ผมนี่สิครับเบื่อจะตายอยู่แล้ว ผู้ชายคนข้างๆ ดันคุยกับผู้หญิงที่มาด้วยกันตลอด สปอยจนน่ารำคาญสุดๆ นับถือเตอร์เลย สมาธิสูงจริงๆ เวลาที่ทำอะไรซักอย่างโดยตั้งใจมากๆ แล้วจะปิดกั้นโลกภายนอกหมดแบบนี้นี่เหมือนพี่ชัชชะมัดเลยครับ แฟนผมน่ะนะ ถ้าเวลาเช่า DVD มาดูที่ห้อง หนังยังไม่จบพ่อคุณไม่ยอมขยับหรอกครับ

 

     “สนุกจังเลยพี่ต้น”

 

     “ขนาดนั้นเลย?”

 

     เตอร์เดินออกจากโรงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เห็นเตอร์ยิ้มแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกสดใสตามไปด้วยได้ไม่ยากครับ ผมลืมเรื่องงี่เง่าเมื่อตะกี้ไปหมดแล้วแหละ

 

     “อื้ม เสียงก็กระหึ่มกว่า ภาพสามมิติก็แจ๋ว แอร์ก็เย็น ที่นั่งก็สบาย”

 

     เด็กน้อ... เด็ก

 

     “แหงสิ ราคาตั๋วแพงขนาดนั้นนี่”

 

     “โห ยังบ่นอีก เลี้ยงน้องแค่นี้เอง แต่ว่า ผมหิวแล้วอ่ะพี่ต้น ไปหาไรกินกัน”

 

     “ไร เราน่ะทานเค้กไปตั้งสามชิ้นนะ”

 

     “ก็ผมเป็นเด็กกำลังโตนี่”

 

     เตอร์พูดพร้อมกับทำหน้าอ้อนๆ ขอความเมตตา

 

     “เฮ้อ... เอาสิ ไปดูละกันว่าเราอยากทานอะไร แต่บอกไว้ก่อนนะ แพงมากพี่ไม่มีเงินหรอก”

 

     “เย้! ฮ่าๆ”

 

     “เบาๆ อายเค้า”

 

     เตอร์ทำท่าดีใจซะโอเวอร์จนผมอายคนแถวนั้น แถมยังเอาหัวมาไถไหล่ผมอีก

 

     “พี่ต้นใจดีที่สุดเลยคร้าบ”

 

     ผมเดินนำเตอร์ลงไปยังชั้นล่างที่มีอาหารขาย เตอร์เดินวนดูร้านต่างๆ ด้วยความสนใจก่อนจะสะกิดผม

 

     “อะไร จะเอาร้านนี้เหรอ?”

 

     “เปล่า พี่ต้น คือ... ผมรู้สึกเหมือนมีคนตามเรามา”

 

     “พูดบ้าๆ”

 

     “จริงๆ ไม่เชื่อพี่ลองหันไปดูสิ ผู้ชายสามคนนั้นเดินตามพี่ต้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

 

     พอผมหันกลับไปดูก็พบว่าเป็นคนรู้จักจริงๆ ด้วยครับ

 

     “ใช่พี่ต้นจริงๆ ด้วย กูบอกพวกมึงแล้ว”

 

     รุ่นน้องในภาคผมเองครับ ผมเคยคุยด้วยบ่อยๆ แต่เด็กพวกนี้สนิทกับแก๊งค์ของมิวนิคมากกว่าแก๊งค์ผม

 

     “หวัดดีคร้าบพี่ต้น”

 

     “ดี มาเที่ยวกันเหรอพวกเรา”

 

     ผมทักตอบเด็กๆ ที่เดินมาทักทายผม แต่ละคนทำสีหน้าสงสัยสุดๆ เลยครับ สายตาทุกคู่มองไปทางเตอร์แบบไม่เก็บอาการเลย ผมว่าดูท่าข่าวเรื่องผมเป็นอะไรคงแพร่ไปไกลเกินควบคุมแล้วละครับ

 

     “ครับพี่ พอดีนัดกันทำงานนิดหน่อย เสร็จแล้วเลยมาหาไรกินแถวนี้ แล้วพี่ต้นละครับ”

 

     “พี่พาน้องชายมาดูหนังน่ะ”

 

     ผมเห็นพวกเด็กๆ มองไปทางเตอร์แบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ให้ตายสิ เดี๋ยวได้มีข่าวอีกแน่ๆ งี่เง่าที่สุด!

 

     “พี่ขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกัน”

 

     “ครับพี่”

 

     พวกเราแยกออกมาซักพักแล้ว แต่เตอร์กลับมองผมด้วยสายตาประหลาดๆ แทน

 

     “มีอะไรเหรอเตอร์?”

 

     “เอ๊อะ บ่อมีอะหยัง”

 

     ผมนิ่วหน้าตีแขนเตอร์เบาๆ

 

     “ทะเล้นนะเรา ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องจงใจพูดคำเมือง แถมยังแกล้งทำเสียงสูงอีก”

 

     “เวลาพี่ต้นอยู่กับคนอื่นเป็นงั้นตลอดเลยก๊ะ?”

 

     “ยังไง?”

 

     “ก็ไม่ยิ้ม ดูเย็นชายังไงก็ไม่รู้”

 

     “ก็ไม่ได้สนิทกันนี่”

 

     “แต่กับพี่สาวคนสวยตะกี้ก็ด้วย เขาเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพี่ต้นไม่ใช่เหรอ? ทำไมพี่ต้นดูห่างเหินกับเขาจัง”

 

     ตรงเกินไปแล้วเตอร์ แล้วผมควรจะแก้ตัวว่ายังไงดีครับ?

 

     “อยู่กับคนอาวุโสกว่าพี่ก็ต้องสุภาพด้วยสิ”

 

     “เอ๊อะ ม่ายจริงอ่ะ เวลาพี่ต้นอยู่กับแม่รึอานัน พี่ต้นยังดูผ่อนคลายมากกว่านั้นเลย แล้วทำไมพี่ต้นไม่เคยบอกเลยว่ามีพี่สาว?”

 

     “เรื่องมันยาวน่ะเตอร์ ไว้ว่างๆ พี่จะเล่าให้ฟัง หิวไม่ใช่เหรอ หาอะไรทานกันก่อนเถอะ อยากซื้อเค้กกลับไปด้วยรึเปล่า? ที่นี่มีเค้กอร่อยๆ หลายเจ้านะ”

 

     “แหมเลาะ จุ๊เปิ้นแหมเลาะ”

 

     ท่าทางตอนยิ้มๆ แล้วทำตาวิบวับว่ารู้ทันผมแบบนี้เหมือนพี่ชัชเลยครับ ให้ตายเถอะ! แบบนี้ผมจะเหลืออะไรให้เด็กมันเกรงใจละเนี่ย

 

     “จะเอาเค้กกลับมั้ย?”

 

     “อ๊ะ เอาคร๊าบ พี่ต้นอย่างอนดิ่ ไม่ล้อแล้วก็ได้ อ่ะๆ”

 

     งี้แหละครับเรื่องกินเรื่องใหญ่ แล้วผมก็ต้องควักเงินเกือบพันซื้อเค้กก้อนใหญ่ให้ลูกหมาป่ายักษ์ตัวนี้ แถมยังต้องพาไปเลี้ยงชุดอาหารญี่ปุ่นอีกแถมพ่วงด้วยโดนัทเทพที่เจ้าตัวอยากทานนักหนาเป็นของหวานล้างปาก เชื่อเค้าเลย! เด็กอะไรกินจุจริงๆ เอาไปไว้ตรงไหนหมดเนี่ย? เตอร์แฮปปี้แต่ผมนี่สิครับ ซีด! สงสัยต้องกลับไปเบิกเงินพี่ชัชเพิ่มซะแล้ว แต่เตอร์ก็มีส่วนน่ารักเหมือนกันนะครับ ขากลับเตอร์ขอถือกล่องเค้กเอง ยิ่งตอนที่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วคนบนรถแน่นๆ นี่เตอร์ยิ่งตลกสุดๆ ไปเลยครับ มือนึงเกาะที่จับ อีกมือประคองเค้กท่าทางระมัดระวังกล่องเค้กตัวเองสุดชีวิต แต่พอเก้าอี้ว่างก็ไม่กล้านั่งเสียสละให้สาวนั่งแทนแล้วทำยืนเก๊ก ดูแบบนี้ก็สมเป็นเด็กดีครับ เด็กที่หลอกง่ายๆ เลี้ยงง่ายแบบนี้แหละ ผมชอบ

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page