
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ต้นน้ำ
ผมมองเห็นพวกเขาแล้วครับ แม่พี่ชัชกับพี่นานั่งรออยู่บนโซฟาตรงล็อบบี้ ส่วนพี่นันเดินตามน้องรันที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ผมไม่เห็นพี่ศักดิ์ แต่แล้วเสียงของเตอร์ก็ดึงดูดความสนใจผมไปซะก่อน
“พี่ต้น!”
เตอร์วิ่งเข้ามาหาผมที่เดินออกจากลิฟต์พลางเรียกชื่อผมซะดังเลย จนผมต้องเอ็ดเข้าให้
“เบาๆ ครับเตอร์ คนมองใหญ่แล้ว”
“ขอโทษคร้าบ”
เตอร์แลบลิ้นให้ผมแล้วก็กอดคอผมซะงั้น เหมือนจะอวดๆ ไม่เจอกันแปปเดียว สูงขึ้นอีกแล้ว บ้านนี้ผู้ชายสูงกันทั้งบ้านรึไงนะ เตอร์พึ่งจะ 14 เอง แต่ดูท่าคงเกิน 175 แล้วแน่ๆ เพราะเลยหัวผมไปแล้วนิดหน่อย เห็นแล้วก็อดไม่ได้เลยเอาศอกถองไปเบาๆ ทีนึงครับ ได้ผลเตอร์รีบเอาแขนลงจากคอผมทันที สาบานเลยนะครับว่าไม่ได้ทำเพราะหมั่นไส้เด็ก ผมแค่จะสอนให้เตอร์รู้จักมารยาทครับ ยังไงผมก็แก่กว่าเตอร์ตั้ง 5 ปี
“โห พี่ต้นอ่ะ แค่นี้ต้องศอกกันด้วย”
“พี่แก่กว่าตั้งเยอะเอาแขนมาพาดคอพี่แบบนี้ได้ไง”
“ดุจัง”
“งั้นก็อย่ามาอยู่กับพี่”
“คร้าบๆ”
เหมือนกันทั้งอาทั้งหลาน พี่ศักดิ์ก็ไม่ใช่คนกระล่อนซะหน่อย ทำไมเตอร์ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ สองปีก่อนยังเงียบๆ ขี้อายวิ่งตามผมอยู่เลย ผมเดินเข้าไปยกมือไหว้แม่พี่ชัชก่อนเป็นอันดับแรกแล้วค่อยหันไปทักทายพี่นากับพี่นัน
“สวัสดีครับแม่ มาถึงนานแล้วยังครับ?”
“เออๆ ดีก่ะ เพิ่งเถิงได้กำเดียว ท่าบ่อเมินเตื้อ”
“แล้วพี่ศักดิ์ไปไหนละครับ?”
“บ่าศักดิ์มันไข้เยี่ยว วิ่งไปพู้นละเลาะ”
“พ่อไปเข้าห้องน้ำทางโน้นครับ เดี๋ยวก็มา”
โชคดีจังเลยครับที่เตอร์พูดกลางเก่งขึ้นมาก ไม่งั้นผมคงปวดหัวกว่านี้ ถึงผมจะพอฟังออกแต่สำเนียงของแม่พี่ชัชก็ฟังยากมาก แถมแกยังพูดเร็วอีก ปกติแล้วเวลาคุยกับผมทุกคนจะพูดภาษากลางด้วยครับ ถึงจะปนๆ คำเมืองบ้างแต่ก็ยังมีภาษากลางให้จับใจความได้ แต่แม่พี่ชัชนี่ไม่ไหวจริงๆ ครับ แกเล่นซาวด์แทร็คซะรัวเลย ผมเลยยังมีงงๆ บ้างนิดหน่อย
พอพี่ศักดิ์มาผมก็พาทุกคนขึ้นมาบนห้องครับ แม่พี่ชัชขนของฝากมาเยอะแยะเลย ผมเลยช่วยแกถือ เป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ต้องขี้ประจบและต้องขยันครับ ขืนทำตัวนิ่งๆ ไม่ยอมหยิบจับช่วยอะไรใครแม่พี่ชัชไม่ปลื้มหรอกครับ แต่ปัญหาใหญ่ที่ผมกังวลก็คือพี่ชัช ผมได้แต่หวังว่าตอนที่ผมพาทุกคนเข้าไปในห้องแล้วพี่ชัชจะจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วนะครับ
โชคดีที่มันไม่เป็นอย่างที่ผมกังวล พี่ชัชเปิดประตูรับพวกเราแล้วก็ช่วยผมถือของไปเก็บ แม่พี่ชัชดีใจมากที่เห็นลูกชายตัวเอง ส่วนพี่ชัชก็ยิ้มประจบเต็มที่ไม่เหลือแววหื่นเมื่อตะกี้เลยครับ
แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ นอกจากเตอร์ที่ดูแค่ตื่นเต้นเฉยๆ ตามประสาเด็กแล้ว ทั้งแม่พี่ชัช พี่นัน พี่ศักดิ์ แม้แต่พี่นา ทุกคนเดินสำรวจห้องของเราแทบทุกซอกทุกมุมเลยครับ เรียกว่าตู้มีกี่บานก็ถูกเปิดออกมาดูหมด โชคดีชะมัดที่ผมรอบคอบทำความสะอาดไว้แล้วทุกซอกทุกมุม
“ห้องงามเน่อ ตั๋วผ่อบ้านดีขนาด บ่อมีขี้เปอะเหี่ยซักเตื้อ”
“เอ่อ... ครับ?”
เอาละสิแม่พี่ชัชหันมาพูดกับผม แต่ว่า ประโยคหลังนั่นมันแปลว่าอะไรละครับนั่น? ยังดีที่พี่นันคงเห็นสีหน้างงๆ ของผมก็เลยช่วยอธิบายให้ฟัง
“แม่แกชมว่าห้องสวยดีน่ะต้น สะอาดเรียบร้อยดี แกนึกว่าที่ชัชมันไม่ยอมให้มาดูห้องซักทีก็เพราะห้องคงรกเป็นรังหนู”
“ครับ”
ผมจะพูดอะไรได้นอกจากยิ้มละครับ ต้องขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่ผมลุกขึ้นมาทำความสะอาดอีกรอบตอนเช้า
“ยะหยังไปจุ๊เปิ้นจะอั้นก่ะอีปี้ อีแม่บ่าได้ว่าเปิ้นซักกำ”
“ฮึ๊ บ่าวอก ถ้าตั๋วบ่อมีต้นบ้านตั๋วตึงมีขี้เหยื้อเหี่ยเต๋มบ้านละเลาะ”
ผมควรจะทำตัวยังไงดี? ผมพอแปลออกจากบริบทนะครับ แต่เอาตรงๆ ก็ไม่เข้าใจนักหรอก รู้แต่พี่ชัชกับพี่นันเถียงอะไรกันซักอย่าง แต่อย่างพี่ชัชโดนซะบ้างก็ดีครับ พอพี่ชัชอยู่ต่อหน้าพี่ๆ คนอื่นก็โดนข่มอยู่ตลอดคงเพราะเป็นน้องคนเล็ก เลยค่อนข้างเกรงใจพี่ศักดิ์แล้วก็มักจะเถียงสู้พี่นันไม่ได้ โดนซะบ้างก็ดีครับ แต่ถึงผมจะแอบสะใจแค่ไหนก็ห้ามแสดงออกยังคงต้องปั้นหน้ายิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ดี ปล่อยให้พี่ๆ น้องๆ เขาเถียงกันไป จนได้ยินเสียงเตอร์เรียกนั่นแหละครับ
“พี่ต้นๆ ตรงนี้เห็นสระด้วย มาดูสิครับ ผมไปว่ายน้ำได้ป่าว?”
ผมเดินไปหาเตอร์ที่ยืนชะเง้อมองสระว่ายน้ำอยู่ตรงระเบียง โดยมีน้องรันวิ่งตามมาติดๆ ปีนี้น้องรัน 4 ขวบแล้วครับกำลังซนเลย ผมเลยต้องรีบคว้าตัวแกไว้ก่อนกลัวแกจะไปปีนระเบียงแล้วจะเกิดเรื่อง พอน้องรันแกเห็นสระก็ตาโตตื้ออยากลงสระซะเดี๋ยวนั้น แถมเจ้าเตอร์ก็ด้วย พรุ่งนี้ก็จะไปทะเลแล้วแท้ๆ สรุปว่าเลยต้องเป็นหน้าที่ผมพาเด็กๆ ลงไปว่ายน้ำ โดยปล่อยให้พี่ชัชรับมือกับคนอื่นๆ ไป
แต่ทางผมเองก็ใช่ย่อยนะครับ เด็กตั้งสองคน! ถึงเตอร์จะโตแล้วก็เถอะ แต่ซนอย่างกับอะไรดี ชอบดื้อตาใสอีกต่างหากถอดแบบอาตัวเองมาเปี้ยบเลย ส่วนน้องรันรายนี้ก็เหลือเกิ๊น ผมนึกมาตลอดว่าเด็กผู้หญิงคงจะเรียบร้อยไม่ค่อยซน แต่น้องรันนี่ทำเอาผมปวดหัวเลย เผลอแป๊ปเดียววิ่งไปไหนแล้วไม่รู้ ผมต้องคอยจับไว้ตลอด แถมยังช่างพูดด้วยครับ ดีว่ามีเตอร์มาด้วยเลยพอช่วยเป็นล่ามให้ได้บ้าง แล้วคงเพราะผมกลับลำปางกับพี่ชัชบ่อยๆ น้องรันเลยพอฟังภาษากลางได้บ้างและรู้ว่าต้องพูดกลางกับผม
เพราะมีแต่ผมที่ลงมาดูแลเด็กๆ ผมก็เลยต้องลงสระด้วย คอนโดไม่มีส่วนของสระเด็กครับ ถึงจะโชคดีที่น้องรันว่ายน้ำเก่งแล้วก็เถอะ ผมก็ยังกลัวอยู่ดี ไม่อยากประมาทครับ พี่นันมาคนเดียวเพราะสามีของพี่นันต้องอยู่เฝ้าบ้านที่โน่น และตอนนี้พี่นันก็กำลังวุ่นวายกับพี่ชัชอยู่ ก็เลยปล่อยให้ผมพาน้องรันลงมาเอง พี่นันคงไว้ใจผมมาก แต่ผมไม่ไว้ใจตัวเองเลยซักนิด ถึงน้องรันจะใส่พวกเสื้อชูชีพกับห่วงยางเตรียมพร้อมสุดๆ ก็เถอะ แกดื้อจะปล่อยมือผมให้ได้เลยโดนผมดุไปนิดหน่อย ดีนะครับ ผมยังปรามน้องแกได้บ้าง
ส่วนเตอร์น่ะเหรอครับ? ว่ายไปน้ำไปกลับเพลินได้เกือบสิบรอบแล้ว ไม่รู้มันสนุกตรงไหน สระก็เล็กๆ เอง วิวก็ไม่ได้สวยซักหน่อย
“จะไปตางพู้น”
“ไม่ได้ครับ ทางนั้นลึก ไหนน้องรันสัญญาว่าจะเล่นน้ำกับพี่ตรงขอบสระนี่ไงครับ”
“ทีอีปี้ยังไปได้เลาะ”
“พี่เตอร์ไปได้เพราะโตแล้วครับ น้องรันยังเด็กอยู่กับอาต้นตรงนี้ดีกว่า”
“เปิ้นจะไปหาอีปี้”
“ไม่ให้ไปครับ”
“อาต้นใจ๋ฮ้าย”
“อย่าดื้อสิครับ ถ้าดื้ออาพาขึ้นห้องนะ ไม่ให้เล่นน้ำแล้ว”
คงเพราะน้องรันโวยวาย คนเลยเริ่มมองเราสองคน คุณแม่ที่พาลูกชายวัยประถมมาว่ายน้ำยังส่งยิ้มมาให้กำลังใจผมเลยครับ รวมถึงผู้ชายคนนั้นด้วย นักศึกษาที่เช่าห้องของผมอยู่ ผู้ชายคนนั้นหันมายิ้มให้ผม เขาคงมาว่ายน้ำเหมือนกัน
ตอนแรกที่รู้ว่าคนที่จะมาเช่าห้องที่ผมเคยอยู่กับแม่เป็นนักศึกษาผมยังแปลกใจเลยครับ คิดว่าคงเป็นลูกคนมีเงินถึงได้จ่ายค่าเช่าเดือนละหมื่นไหว ผมมารู้ทีหลังว่าเขาแบ่งหารค่าห้องกับเพื่อนอีกสองคน หารค่าเช่ากันสามคนก็ตกคนละสี่พัน อยู่ในห้องกว้างๆ มีพื้นที่นั่งเล่น แถมมีครัว นอกจากนั้นคอนโดยังมีสาธารณูปโภคครบอีกผมว่าคุ้มครับ
“จะไปหลึกนักก่ะ เดวอิอาบ่อหื้อสูว่ายน้ำละหนา”
โชคดีจังที่เตอร์มาช่วยผมอีกแรง
“นายแหละ อยู่เล่นน้ำกับน้องตรงนี้ ไปว่ายตรงอื่นแบบนั้นน้องก็จะตามไปสิ”
“อ้าว ทำไมผมซวยงี้ล่ะ?”
“ก็ยังอยู่อีกนานไม่ใช่เหรอ ไว้วันอื่นเถอะ พี่ไม่อยากลงสระ อยากขึ้นแล้ว”
“อ่ะแนะๆ พี่ต้นไม่อยากลงสระหรืออายคนอื่นครับ ผมเห็นผู้ชายคนนั้นมองพี่ต้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ส่งยิ้มให้พี่ตลอดเลย อาชัชรู้มั้ยเนี่ย”
“บ้า! ดูน้องไปเลยเตอร์”
ผมดุเตอร์ไปแบบนั้นแล้วก็หนีไปนั่งใกล้ๆ คุณแม่ที่มานั่งเฝ้าลูกชายดีกว่าครับ ได้ผล! พอผมไปนั่งใกล้ๆ เธอก็ชวนผมคุยทันที
“พาน้องมาเล่นน้ำเหรอจ้ะ?”
“ครับ”
“แหม เป็นพี่ชายที่ดีจังเลยนะ อีกคนก็ดูซนๆ แต่ก็ช่วยดูน้องด้วย นี่ป้าว่าสระที่นี่ไม่ดีเลยเนอะ น่าจะมีสระเด็กด้วย ตอนป้าซื้อที่นี่ป้าก็ลืมดูไป ว่าแต่หนูอยู่ห้องไหนละลูก”
ผู้หญิง! สิ่งมีชีวิตที่อัธยาศัยดีเป็นเลิศ ผมทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ผมคุยไม่เก่งซักหน่อย แต่ทำไมใครต่อใครชอบหาว่าผมเหมือนผู้หญิงนะ? ถ้าผมคุยเก่งแบบเมษก็ว่าไปอย่าง สรุปแล้วผมก็เลยนั่งคุยกับคุณป้าแกสลับกับหันไปดูสองพี่น้องนั่นเป็นระยะๆ
พี่นันแต่งงานช้าเพราะกว่าพี่รงค์แกจะเก็บเงินมาสู่ขอพี่นันได้ก็นานพอดู พี่นันต้องร้องห่มร้องไห้ว่าตัวเองจะสามสิบแล้วถ้าไม่รีบแต่งงานรีบมีลูกอีกหน่อยจะอันตราย แม่ของพี่ชัชถึงใจอ่อนยอมให้แต่งครับ โชคดีที่พี่รงค์เป็นคนขยันขันแข็งถึงจะไม่รวย มีที่นาทำให้พอได้ข้าวกินในแต่ละปีเหลือขายได้ไม่มาก แต่สุดท้ายความดีก็ชนะใจแม่ยายได้ไม่ยาก ผมถึงได้รู้ยังไงละครับว่าแต่งเข้าบ้านพรหมโรจน์ต้องขยันเท่านั้น! เพราะแบบนั้นเตอร์กับรันก็เลยอายุห่างกันเกือบสิบปี ส่วนพี่ชัชของผมน่ะเหรอครับ แม่แกเล่าว่าตั้งใจจะมีแค่สองคนแต่พี่ชัชดันหลงมาซะได้ เพราะแบบนั้นพี่ชัชก็เลยห่างกับพี่ศักดิ์เกือบสิบปี ดังนั้นถึงผมจะเรียกพี่นันว่า “พี่” แต่ความจริงแล้ว พี่นันอ่อนกว่าแม่ผมปีเดียวเองครับ แต่ก็นะ... ผู้หญิง แกไม่ยอมให้ผมเรียกอย่างอื่นครับ ผมก็เลยต้องเป็น “อาต้น” ของน้องรันไป ส่วนพี่ศักดิ์นี่เป็น “ลุง” ผมได้เลยด้วยซ้ำ
เพราะแบบนี้รันเลยเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนครับ ผมก็เลยต้องดุหน่อย ไม่งั้นจะซนจนได้เรื่องเอา จะว่าไปเด็กสองคนนั้นก็เล่นน้ำนานแล้วนะครับ ไม่เหนื่อยบ้างรึยังไง เล่นน้ำมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ไม่ได้การละ ผมชวนเด็กๆ ขึ้นห้องดีกว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++