
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ต้นน้ำ
ผมกำลังทำความสะอาดห้องอยู่ครับ อันที่จริงผมทำความสะอาดเก็บกวาดห้องตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว แต่ว่ายังไงมันก็ไม่มั่นใจครับ วันนี้ผมก็เลยลุกขึ้นมาเก็บกวาดบ้านแต่เช้าอีกรอบ ผมพยายามตรวจดูทุกซอกทุกมุมให้แน่ใจว่าไม่มีเศษผงหรือฝุ่นเกาะติดอยู่ โดยเฉพาะในห้องนอนเล็กที่พี่ชัชวางโซฟาเบดกับโต๊ะทำงานเอาไว้ ปกติแล้วมันจะรกมากๆ เพราะพี่ชัชชอบเอาของแจกหมอมากองสุมๆ กัน พวกถุงกับโบรชัวร์ลายบริษัทยาก็ด้วย ผมถือวิสาสะเข้าไปรื้อเก็บใส่ตู้หมดแหละครับ แต่เพื่อความมั่นใจผมก็เลยต้องจัดในตู้อีกหน่อย ไม่อยากให้สวยแต่ภายนอก ในตู้ผมก็อยากให้ดูเป็นระเบียบด้วย
ผมว่าผมล้างห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ทั้งห้องน้ำในห้องนอนแล้วก็ห้องน้ำเล็กด้านนอก ในห้องนอนผมก็เป็นระเบียบแล้ว ผมว่าผมไปเช็คในครัวอีกรอบดีกว่า ...
โอเค ไม่มีจานชามวางทิ้งไว้ ... ใบไหนที่แห้งผมก็เก็บเข้าตู้แล้ว ...
เมื่อวานผมเช็ดหน้าเตาซะสะอาดเลยครับ โชคดีที่ห้องพี่ชัชใช้เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบที่ผิวหน้าเป็นกระจกเลยทำความสะอาดง่าย ...
อ๊ะนั่นไง! ผมว่าละผมพลาดจริงๆ ด้วย ตรงมุมของเครื่องดูดควันยังมีคราบอยู่นิดหน่อย สงสัยเมื่อวานผมเช็ดไม่สะอาดพอ
นี่ผมยังเหลือตรงไหนอีกมั้ยนะ? ให้ตายสิ ตื่นเต้นชะมัดเลยครับ!
“พอเหอะต้น เชื้อโรคมันจะไม่มีที่อยู่แล้วครับ”
ผมหันไปค้อนให้พี่ชัชที่นั่งเอกเขนกดูทีวีอยู่ตรงโซฟาด้วยความหงุดหงิด จะไม่ให้ผมเครียดได้ยังไงละครับ ก็ครอบครัวพี่ชัชจะไปเที่ยวทะเลกัน แต่จะแวะมานอนที่นี่ก่อนหนึ่งคืน แล้วเขาก็จะมาวันนี้แล้วด้วย ถ้าเกิดแม่พี่ชัชมาแล้วเห็นบ้านช่องห้องหับไม่สะอาดแล้วตำหนิผมๆ จะทำยังไง มันกลัวนะครับแม่พี่ชัชยิ่งดุๆ อยู่ ผมไม่ยอมเสียตำแหน่งสะใภ้คนเล็กบ้านพรหมโรจน์หรอก!
“โห พี่แซวแค่นี้ต้องทำหน้าหงิกขนาดนั้นเลย?”
คงเพราะเห็นผมคิดมากพี่ชัชก็เลยเดินมากอดปลอบผม โอ๋ผมเหมือนเด็กๆ เลย ผมไม่ใช่เด็กซักหน่อย!
“อย่าเครียดน่าต้น สบายๆ”
“ก็กลัวถูกแม่พี่ชัชดุนี่ครับ”
“น่า แม่พี่ถึงจะขี้บ่นแต่ก็ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดจะให้พี่เลิกกับต้นเพราะบ้านมีฝุ่นหรอก อย่าเครียดสิครับ”
“ก็ผมกลัวนี่ครับ มากันตั้งเยอะ ไม่รู้ที่หลับที่นอนจะพอรึเปล่า? แล้วไหนจะยังห้องนี้อีก ทุกคนอยากมาดูห้องพี่ชัชเต็มแก่ ถ้ามาแล้วผิดหวังจะทำยังไง เกิดมีตรงไหนไม่เรียบร้อยแล้วผมถูกดุว่าทำไมไม่รู้จักเก็บกวาดบ้านผมก็แย่สิครับ”
ครั้งแรกตอนที่พี่ชัชพาผมไปรู้จักกับที่บ้าน ผมยังเป็นแค่เด็กน่าสงสารคนนึงที่กำลังจะต้องอยู่คนเดียวเพราะแม่จะไปเมืองนอก พี่ชัชพาผมไปกราบแม่ของพี่ชัชและขอให้อนุญาติให้เราคบกัน ถึงแม่พี่ชัชจะอนุญาติจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้ผม แต่เวลามันผ่านมานานแล้วครับ ผมอยู่กับพี่ชัชมาเกือบสองปีแล้ว ผมไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไป แถมยังอยู่ด้วยกันในสภาพที่พี่ชัชเลี้ยงดูผมทุกอย่าง ผมมีหน้าที่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียวไม่ได้ช่วยออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย เงินเดือนที่พี่ชัชหามาได้ก็ไม่ต่างอะไรกับสินสมรส ซึ่งทางบ้านพี่ชัชก็รู้เรื่องนี้ด้วย มันก็คือๆ กันกับผมแต่งเข้าบ้านพี่ชัชแล้วเป็นแม่บ้านอย่างเดียวนั่นแหละครับ ต่างกันแค่ผมมีลูกให้พี่ชัชไม่ได้
ทางนั้นก็พอทราบเรื่องผมกับญาติฝั่งพ่ออยู่เลยไม่ว่าอะไรที่พี่ชัชจะตัดสินใจแบบนี้ แต่ผมกังวลนะครับ ไม่อยากให้ใครคิดไม่ดีว่าผมมาหลอกพี่ชัช หรืออาศัยความรักของพี่ชัชแลกกับเงินและที่ซุกหัวนอน ผมอยากแสดงให้ทุกคนรู้ว่าผมรักพี่ชัชจริงๆ แล้วก็ตั้งใจจะดูแลพี่ชัชเต็มที่ด้วย ผมอยากเป็นภรรยาที่เพียบพร้อม ผมไม่อยากมีปัญหากับแม่สามี ผมยังอยากให้พี่ๆ เอ็นดูผมอยู่
“คิดมากน่าต้น พี่ศักดิ์ซกมกกว่าพี่อีก ต้นเป็นสะใภ้อันดับหนึ่งของแม่พี่แล้ว”
“แต่อย่างน้อยๆ พี่นาก็มีหลานให้แม่พี่ได้ ส่วนผมนอกจากอยู่ด้วยกันแล้วก็ทำอะไรไม่ได้เลย”
“คิดมากเรื่องนี้อีกแล้ว แม่พี่แกมีครบแล้วทั้งหลานสาวหลานชาย เผลอๆ จะได้เหลนเร็วๆ นี้อีก ลูกชายลูกสาวแต่งงานแต่งการแฮปปี้ขนาดนั้น ลูกชายคนเล็กจะเป็นเกย์ไปซักคนแกไม่ถือหรอก บ้านแกก็มีอยู่แก่ตัวก็มีคนเลี้ยง ชีวิตแกไม่คิดไรแล้วละต้น”
“แล้วพี่ชัชละครับ ไม่คิดเรื่องอนาคตบ้างเหรอ?”
ผมแอบเครียดเหมือนกันนะครับ ชีวิตวันนี้ผมมีความสุข แต่ว่าถ้าแก่ตัวไปล่ะ? ผมนึกถึงลุงพลของผมที่นานๆ ครั้งเราจะโทรคุยกันบ้างเพราะตั้งแต่ที่คุณพ่อคุณแม่ของลุงพลเสีย ลุงพลก็ย้ายไปอยู่เมืองนอกซะเป็นส่วนใหญ่ ลุงพลเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแม่น้ำครับ ท่านเปรียบเสมือนพ่อแท้ๆ ของผมเลย นอกจากจะช่วยดูแลผมตอนเล็กๆ แล้วยังมีพระคุณที่ท่านช่วยเตือนสติให้แม่น้ำเลิกคิดเอาผมออกทำให้ผมได้มีโอกาสเกิดมาบนโลกใบนี้ด้วย ท่านเอ็นดูผมมากรักผมเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเองจนเคยจะรับผมเป็นลูกบุญธรรม เคยอยากแต่งงานกับแม่ของผมเพื่อที่ผมจะได้มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่แม่น้ำไม่ยอมครับ แม่รับไว้แค่น้ำใจและยอมให้ท่านดูแลพวกเราในฐานะเพื่อนสนิทของครอบครัว เพราะไม่อยากเอาเปรียบลุงพลมากไปกว่านั้น ลุงพลเป็นคนดีมากๆ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแม่ผม และลุงพลท่านเป็นเกย์
ดังนั้นชีวิตของลุงพลจึงค่อนข้างจะโดดเดี่ยวและทุ่มเทกับงานซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเคยได้ยินท่านเปรยกับคุณแม่ของผมว่า “ความรักของเกย์มันไม่ยั่งยืน พลก็ต้องทำงานเก็บเงินไว้เยอะๆ สิ ไม่งั้นอีกหน่อยแก่ตัวไปไม่มีลูก ใครจะมาดูแลพล เพราะน้ำนั่นแหละ ไม่ยอมให้ตาต้นมาเป็นลูกพล” ตอนนั้นผมยังเด็ก ก็เลยตอบออกไปว่า “งั้นผมจะเลี้ยงดูลุงพลเองครับ อีกหน่อยถ้าลุงพลกับแม่น้ำแก่ ผมจะดูแลลุงกับแม่เอง” ผมจำได้ว่าแม่น้ำกับลุงพลหัวเราะแล้วกอดผมด้วยความเอ็นดู แต่ผมคิดจริงจังนะครับ ถ้าลุงพลไม่มีใครดูแลผมจะดูแลลุงพลเอง แต่ตอนนี้ลุงพลกับแม่น้ำอยู่เมืองนอกสบายดีกันทั้งคู่ แล้วผมก็ยังรับผิดชอบตัวเองไม่รอดด้วย ผมเลยตั้งใจว่าอยากจะดูแลพี่ชัชให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกลัวครับ ผมจะอยู่กับพี่ชัชแบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่?
“คิดดิครับ ถึงต้องส่งตังค์ให้ที่บ้านทุกเดือนแบบนี้ไง พี่นาเป็นข้าราชการก็จริง โชคดีใช้สิทธิ์เบิกได้ แต่เงินเดือนก็น้อย พี่รงค์ทำนาก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เตอร์มันโตแล้วจะเข้าโรงเรียนดีๆ พี่ศักดิ์ก็ต้องใช้เงินเยอะ ไหนจะยังเงินหมุนในอู่อีก โชคดีที่พี่ปลูกบ้านให้แม่ได้แล้ว เลยไม่ต้องส่งตังค์กลับไปเยอะๆ เหมือนเมื่อก่อน พี่น้องคนอื่นก็รับผิดชอบครอบครัวของตัวเองไป ส่วนพี่ก็มีหน้าที่ดูแลส่งเสียแม่”
พี่ชัชเล่าให้ฟังพลางโอบกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นแล้วก็หอมแก้มผมเบาๆ ก่อนจะเล่าต่อ
“ตอนแรกพี่คิดว่าตัวเองจะหาเมียไม่ได้ซะแล้ว เคยคิดถึงขนาดว่าพอแก่แล้วจะกลับไปทำนากับพี่รงค์ด้วยซ้ำรู้ป่าว ถึงได้ปลูกบ้านหลังใหญ่แบบนั้น แม่แกก็ดีใจนึกว่าพี่จะกลับไปอยู่โน่น แต่พอดีพี่จีบฟ่างติด อะไรๆ มันก็ยากว่ะ พี่เริ่มอยากมีครอบครัวเป็นของตัวเอง แล้วพี่ก็คิดว่าฟ่างคงไม่กลับไปอยู่โน่นกับพี่แน่ ไหนจะยังห้องนี่อีก เรื่องใช้เงินมันโคตรเยอะพี่ต้องทำงานหัวหมุนแทบตาย รู้ตัวอีกทีก็โดนทิ้งซะละ”
“เพราะแบบนี้รึเปล่าครับ เลยทำให้มีปัญหากับพี่ฟ่าง?”
“อืม ก็นิดหน่อย แต่พี่ดีใจนะที่ต้นเข้าใจพี่ ขอบคุณนะครับที่รักญาติๆ พี่เหมือนครอบครัวของตัวเอง”
“ทำไงได้ละครับ ผมผูกข้อมือเป็นสะใภ้บ้านพรหมโรจน์แล้วนี่ แล้วอีกอย่างผมต่างหากที่กลายมาเป็นภาระเพิ่มให้พี่ชัช แค่ที่บ้านพี่ไม่รังเกียจผมๆ ก็ดีใจแล้วครับ”
“ภาระไรกัน ต้นไม่ใช่ภาระพี่นะครับ ต้นแบ่งเบาภาระพี่ได้เยอะเลย”
ว่าแล้วพี่ชัชก็หอมผมอีกแถมยังแกล้งเอาจมูกไซ้หูผมด้วย มันจั๊กกะจี้นะครับนั่น! แต่อ๊ะ... ไปๆ มาๆ ผมว่ามือพี่ชัชเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว
“พี่ชัช ปล่อยนะครับ”
“ซักรอบหน่อยเป็นไง?”
พี่ชัชถามผมด้วยเสียงทะเล้นเชียว แถมยังทำสายตาหื่นวิบวับอีก ผมเลยต้องย้ำกับตัวเองว่าต้องใจแข็งเข้าไว้
“เราเพิ่งทำไปเมื่อสองวันก่อนเองนะครับ”
“ก็ตุนไว้ไง ต้นอนุญาติเตอร์ให้อยู่ยาวใช่มั้ยล่ะ พี่ก็อดอีกนานดิ”
“แต่เขาจะมากันแล้วนะครับ”
“แปปเดียว รับรอง”
พี่ชัชบ้า! ผมละเคืองจริงๆ เลย ถ้าแปปเดียวพี่เสร็จแล้วผมละครับ? แต่จะให้ผมถามแบบนั้นมันก็น่าอายจะตาย
“ไม่เอา ปล่อยผมเลย ไปจัดการเองคนเดียวเลยครับอย่ามากวนผม”
“น่า ไปเที่ยวสวรรค์ชั้นเจ็ดกับพี่หน่อยนะ เดี๋ยวพี่ตีตั๋วเครื่องบินเจ็ทด่วนพิเศษให้ รับรองดูแลตลอดเส้นทางการบินไม่มีทิ้งอ่ะ พี่เคยทิ้งต้นไว้กลางทางเหรอ? แล้วที่สำคัญพี่รู้ แฟนพี่ชอบแบบตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะครับ เวลาเร่งๆ แบบนี้ทีไรต้นไวกว่าปกติทุกครั้งนั่นแหละ”
โอ้ยเขินครับ! แฟนผมหื่นเกินไปแล้ว พี่ชัชรู้ทันผมตลอด อายจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วครับ เขินก็เขินอยู่นะครับแต่มันก็... ดังนั้นพอพี่ชัชรุกผมมากๆ แล้วอุ้มผมไปทางห้องนอนผมก็เลยไม่ดิ้น
ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองตอบรับสัมผัสของพี่ชัชอย่างเร่าร้อนต่างจากตอนปกตินิดหน่อย พี่ชัชหัวเราะผมนิดหน่อยก่อนจะถอดเสื้อตัวเองแล้วเลื่อนตัวมาจูบผมต่อ ปกติแล้วผมมักจะเป็นฝ่ายถูกสัมผัสเพราะพี่ชัชมือปลาหมึกมากกว่าผม แล้วผมก็อายด้วยครับ แต่วันนี้ผมบอกตัวเองให้กล้าๆ หน่อย แล้วเอามือไปไว้ตรงอื่นนอกเหนือจากการโอบรอบคอพี่ชัชบ้าง ผมไล้มือไปตามแผ่นหลังของพี่ชัชตอนที่พี่ชัชพรหมจูบลงบนหน้าอกผม มือพี่ชัชซนจนผมต้องยอมแพ้จริงๆ
แต่ในตอนที่พี่ชัชกำลังจะถอดเสื้อผม จู่ๆ โทรศัพท์มือถือพี่ชัชก็ดังขึ้น ตอนแรกพี่ชัชไม่สนใจมันเลยดังจนเงียบไป แต่แล้วมันก็ดังอีกติดๆ กัน พี่ชัชเลยหลุดสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดจนผมสะดุ้ง!
“แม่งเอ้ย!”
พี่ชัชโมโหอีกแล้ว ผมตกใจเหมือนกันนะ ก็เวลาที่พี่ชัชโมโหมันน่ากลัวมากนี่ครับ จากที่ลูบหลังพี่ชัชด้วยอารมณ์ใคร่เมื่อตะกี้ผมเลยต้องเปลี่ยนมาลูบแขนปลอบอารมณ์พี่ชัชให้เย็นลงแทน
“รับหน่อยดีกว่ามั้งครับ?”
พี่ชัชนิ่วหน้ามองผมเล็กน้อยก่อนจะขยับลุกออกไปหยิบมือถือที่วางไว้ในห้องนั่งเล่น ผมเลยขยับตัวจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกตามไปดู
“คับๆ หาเถิงละก๊ะปี้! ตางใดกะ? ตังลุ่ม!”
เสียงซาวด์แทร็คแบบนี้ บ้านพี่ชัชแน่ๆ ครับ พอพี่ชัชหันมาเห็นผมก็หันกลับไปคุยต่ออีกนิดหน่อย
“คับๆ เดวหื้อต้นลงไปฮับเน้อ เอ่อ... บ่อได้ก่าเปิ้นลุต้อง รอเปิ้นแหมน้อยก่า คับๆ”
อย่าบอกนะครับว่ามาถึงกันแล้ว? ทักษะภาษาเหนือผมดีขึ้นเยอะครับ พอฟังออกแม้จะยังพูดไม่ได้เลยก็ตาม
“ต้น เขามาถึงกันแล้ว ลงไปรับให้พี่ทีดิ พี่... เดินไม่ไหวว่ะ”
แหงละครับ พร้อมรบขนาดนั้นพี่ชัชคงไหวหรอก! ดีนะครับที่ผมยังไม่... ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่เลยพอจะสงบๆ ลงได้เร็วกว่า แล้วคงเพราะผมใจเย็นกว่าพี่ชัชด้วยมั้งครับ ผมเลยควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่า
“พี่ชัชเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมลงไปรับให้เอง”
“อืม ฝากด้วยนะครับที่รัก พี่ขอจัดการตัวเองแปป”
พี่ชัชยิ้มแห้งๆ ให้ผมแล้วก็หอมแก้มผมตอนเดินผ่านไปทางห้องน้ำในห้องนอน ผมเดินกลับไปจัดเตียงให้เข้าที่ก่อนจะสำรวจดูตัวเองหน้ากระจก หัวผมยุ่งนิดหน่อยแต่นอกนั้นไม่มีอะไรผิดสังเกตถ้าไม่นับหน้าที่กำลังแดงๆ อยู่นี่ผมก็ดูปกติครับ ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งจะโรมรันอยู่กับแฟนบนเตียง ผมสางหัวตัวเองลวกๆ แล้วก็หยิบกุญแจเดินลงไปรับญาติพี่ชัชที่หน้าล็อบบี้คอนโด
หวังว่าหน้าผมคงจะเลิกแดงก่อนที่จะลงไปถึงข้างล่างนะครับ!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++