
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ต้นน้ำ
เช้าวันนี้ผมกะจะตื่นตามนาฬิกาปลุกครับ ตั้งไว้ตอนหกโมง จะได้ตื่นมาเก็บของแล้วก็จัดการบ้านให้เรียบร้อยก่อนออก ไม่รู้เมื่อคืนเจ้าพวกนั้นมันทำรกอะไรไว้บ้าง แต่เอาเข้าจริงผมตาสว่างตั้งแต่ตีห้าครึ่งแล้ว มันปวดหัวจนนอนต่อไม่ไหวครับ เลยลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาดีกว่าจะได้สดชื่นขึ้น ก็ไม่เชิงว่าแฮงค์หรอกนะครับแต่ก็มึนพอสมควร
ถ้าพวกคุณสงสัยว่าทำไมผมถึงดื่มเป็นละก็ แม่น้ำของผมยังไงละครับ สมัยก่อนแม่ผมชอบดื่มมาก พวกไวน์หรือเบียร์นี่แทบทุกอาทิตย์เวลาที่แม่ผมนึกครึ้มทำอาหาร ตอนที่ผมสอบเข้ามัธยมต้นได้ แม่ผมทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศษฉลองแล้วก็มีไวน์แกล้มด้วยครับ ท่านเคยให้ผมลองชิมดู แม่ผมบอกว่าอยากให้รู้รสไว้ แล้วก็บอกให้ผมคอยสังเกตขีดจำกัดของตัวเองว่าดื่มแค่ไหนถึงเมา
แต่ผมไม่ได้ลองจนเมาหรอกนะครับ ชิมแค่คำเดียวก็ไม่เอาแล้ว ผมไม่ชอบไวน์ มันขมครับ เบียร์ก็ไม่ชอบ แต่บางครั้งแม่ผมเปิดวิสกี้ ผมกลับรู้สึกว่ามันรสดีสำหรับผมมากกว่า แต่ผมก็ไม่เคยดื่มมากกว่าหนึ่งหรือสองคำ คนที่ทำให้ผมรู้ขีดจำกัดของตัวเองก็คือแม็กซ์ครับ ครั้งแรกที่ผมไปที่ห้องแม็กซ์ตอนแม็กซ์จัดปาร์ตี้ ผมโดนแม็กซ์แกล้งเพราะตอนนั้นแม็กซ์ยังเกรียนใส่ผมอยู่
วันนั้นแม็กซ์หลอกผมให้ไปหา ผมนึกว่าคงให้ไปช่วยงานเหมือนทุกทีก็เลยไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่กลายเป็นว่าแม็กซ์เรียกผมไปปาร์ตี้ครับ เพื่อนของแม็กรวมแม็กซ์ด้วยก็ห้าคน ผมสังเกตว่าเพื่อนพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนในโรงเรียนของพวกเราแน่ๆ ครับ แถมในปาร์ตี้ยังมีผู้หญิงด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะทำอะไรกัน ซองถุงยางวางอยู่เป็นแผงขนาดนั้น ผมตกใจจะกลับแล้วแต่โดนแม็กซ์แกล้ง แม็กซ์ให้ผมช่วยงานจริงๆ ทั้งๆ ที่คนอื่นในห้องกำลังมั่วกันสุดฤทธิ์
แม็กซ์แกล้งผมชัดๆ แล้ววิธีของแม็กซ์ที่หามาครั้งนั้นก็ทำเอาผมเกือบคุมสติตัวเองไม่อยู่ แม็กซ์แกล้งชวนผมว่าจะอยู่ค้างด้วยกันไหมแต่ผมปฏิเสธ แม็กซ์ก็เลยขู่ผมแทนว่าถ้าทำไม่เสร็จไม่ให้ผมกลับ แต่ถ้าผมทำเสร็จแล้วจะมาส่งให้ถึงบ้าน แต่พอผมทำเสร็จแล้วแม็กซ์กลับไม่ยอมไปส่งผม พอผมจะกลับเองแม็กซ์ก็แกล้งรั้งผมไว้ชวนผมดื่มด้วยกัน พอผมปฏิเสธไม่ดื่มแม็กซ์ก็อ้างบอกว่ายังมึนขับรถไปส่งผมไม่ไหว เล่นตัวสุดๆ เลยครับ
ผมไม่อยากอยู่ในที่เสี่ยงๆ แบบนั้นหรอกก็เลยตั้งใจจะหนีกลับ ปรากฏว่าโดนแม็กซ์แกล้งจับกรอกเหล้าซะงั้น ผมสำลักจนแสบคอไปหมดเลยครับ แล้วก็มึนมากๆ ด้วย ผมถูกเพื่อนๆ ของแม็กซ์ล้อ แถมยัยผู้หญิงคนนั้นยังทำท่าอยากเปิดซิงผมซะอีกพอได้ยินจากแม็กซ์ว่าผมยังบริสุทธิ์อยู่ ผมขยะแขยงมากๆ แถมกลัวด้วย ก็เมื่อกี้ยัยนั่นพึ่งสวิงกิ้งกับผู้ชายอีกสามคนในห้องไปแท้ๆ แบบสดงดถุงด้วย ผมกลัวเอดส์นะครับ
พอแม็กซ์เห็นผมหน้าซีดๆ ทำท่าจะไม่ไหวก็เลยชวนพวกนั้นไปต่อกันที่อื่น แล้วทิ้งให้ผมอยู่ในห้องคนเดียว แต่ผมอยากกลับบ้าน ใครจะไปอยากนอนบนเตียงที่สกปรกเต็มไปด้วยคราบอะไรต่อมิอะไรจากคนอื่นละครับ ผมก็เลยเลือกนั่งพักบนโซฟาแทน แต่แม็กซ์บอกว่าพวกนั้นทำกันไปรอบนึงตรงนั้นด้วย ผมเลยรีบลุกทันทีแต่หน้ามืด เดือดร้อนแม็กซ์ต้องเอาที่นอนเฉพาะกิจมาปูให้ผม ซึ่งก็เป็นที่นอนปิคนิคที่แม็กซ์ซื้อให้ผมนั่นแหละ แม็กซ์บอกว่ามีแต่ผมคนเดียวแหละครับที่ใช้ คนอื่นก็นอนกันบนเตียงเดียวกับแม็กซ์นั่นแหละ
ผมนอนอยู่ที่ห้องแม็กซ์จนเผลอหลับไปครับ จริงๆ ผมแค่มึนนิดหน่อย แต่มันแสบคอไปหมดจนอยากหลับไปเลยดีกว่า
กว่าแม็กซ์จะกลับก็เกือบเที่ยงคืน แต่สภาพแม็กซ์เองก็ใช่ว่าจะดูดี ผมเลยตัดสินใจว่าคงต้องค้างที่ห้องแม็กซ์ แต่แม็กซ์ดันเดินมานอนบนเบาะผมด้วยกันซะงั้น
“ไม่ไปนอนบนเตียงตัวเองล่ะ?”
“ขี้เกียจเปลี่ยนผ้าปู”
“ทีงี้รังเกียจทีเมื่อกี้ เฮอะ! ถ้ารังเกียจแล้วจะชวนมาทำที่ห้องแต่แรกทำไม”
“กูไม่ได้ทำเว้ย กูแค่นั่งกินเหล้า พวกมันอยากทำกันเอง”
“แล้วนายก็ไม่ห้าม?”
“คนจะเอากันมึงห้ามได้เหรอ แล้วมึงอ่ะ ไม่เคยดื่มเลยดิ ไอ้คออ่อนเอ้ย”
“ใครบอก! เราเคยนะ แม่เราเคยให้ลอง แต่นายแหละจับเรากรอกเหล้าแบบนั้นเป็นใครก็ต้องสำลัก”
“หน้าอย่างมึงเนี่ยนะดื่มเป็น กูไม่เชื่อหรอก”
“เราไม่ชอบดื่มไม่ได้แปลว่าเราดื่มไม่เป็น!”
“งั้นดวลเหล้ากะกูป่ะ?”
“แข่งกันเรื่องไร้สาระ ทำไมต้องทำ”
“ไม่กล้าดิ”
“เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ความกล้า”
แต่แล้วแม็กซ์กลับลุกขึ้นไปเปิดไฟแล้วลากผมไปนั่งตรงที่เคยเป็นที่ตั้งวง ณ. ที่ตรงนั้นยังมีขวดเหล้าที่เหลืออยู่อีกครึ่ง กับแก้วเปล่าๆ วางไว้หลายใบ แม็กซ์เดินไปดูในตู้เย็นแล้วก็หันมาสั่งผม
“เปลี่ยนผ้าปูให้กูด้วย ถ้าขึ้นมามึงไม่ทำให้กู โดนเตะแน่”
“เฮ้ย! แม็กซ์”
แล้วแม็กซ์ก็หายไปอยู่ครู่นึงครับ แม็กซ์กลับขึ้นมาอีกทีก็ถืออุปกรณ์ก๊งเหล้าติดมือมาด้วยเพียบ
“เราง่วงแล้วอยากนอน”
“มาดื่มกับกูนี่”
“ทำไมต้องดื่ม นายกินไปเยอะแล้วไม่พออีกรึไง”
“กูอ่ะกินเยอะ แต่มึงอ่ะยัง”
“เกี่ยวไรกับเรา”
“เกี่ยวดิ มึงอ่ะไม่เคยเมาใช่ป่ะล่ะ มาดื่มกับกูนี่วันหลังจะได้ไม่โดนคนอื่นแกล้งเอาง่ายๆ อีกไง”
“หมายความว่าไง?”
“กูจะสอนมึงดื่มไง อยู่กับกู มึงต้องแดกเหล้าให้เป็น”
“เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องฝึก”
“เออน่า ดื่มกับกูกลัวไรกูไม่ทำไรมึงหรอก แต่ลองมึงไปเมาที่อื่นดิมึงแน่ใจเหรอว่าจะรอด หน้าอ่อนๆ อย่างมึงก็เป็นแค่เหยื่อเขาละว้า”
เหยื่ออะไรไม่ทราบ! ผมเคืองแม็กซ์ที่พูดแบบนั้นกับผมนะครับ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าแม็กซ์หมายความว่าอะไร ก็ไม่ใช่แม็กซ์รึไงที่ทำให้เหยื่ออย่างผมรู้จักระวังผู้ล่า สอนให้ผมรู้จักเอาตัวรอดเป็น
คืนนั้นผมโดนแม็กซ์มอมเหล้าไปเกือบขวด หลังจากหมดขวดแรกที่เปิดไปแล้ว แม็กซ์ก็ยังเอาพวกเหล้าขาวมาให้ผมลองด้วย รสชาติมันบาดคอมากๆ เลยครับ ผมที่มึนๆ อยู่แล้วเบ้หน้าทำท่าจะคายทิ้งด้วยซ้ำแต่แม็กซ์แกล้งผมปิดปากไม่ยอมให้คายซะงั้น รู้ตัวอีกทีตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนเบาะนอนตัวเอง ส่วนแม็กซ์ก็นอนสลบอยู่บนเตียง กว่าที่ผมกับแม็กซ์จะฟื้นแล้วคลานออกไปหาอะไรทานได้ก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้วครับ แม็กซ์พาผมไปหาอะไรทานก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งผมที่คอนโด ผมละกลัวแม็กซ์กลับไม่ถึงห้องตัวเองจนต้องโทรเช็คเลยครับ
แล้วผมก็ได้ใช้วิชาที่แม็กซ์สอนผมจริงๆ ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่แม็กซ์พูดถูกทุกอย่าง หน้าอย่างผมนี่มันน่าแกล้งมากนักรึไงครับ ถึงได้ถูกคนอื่นจ้องจะเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา จะว่าไปแม็กซ์ก็เป็นคนที่สอนให้ผมรู้จักอะไรหลายๆ อย่างเลยนะครับ ทั้งขี่มอเตอร์ไซค์ เล่นกีต้าร์ เล่นกีฬาบางอย่าง รวมทั้งเรื่องงี่เง่าของวัยรุ่นบางอย่างก็ด้วย แต่อะไรที่แม็กซ์ดูแล้วว่าไม่โอเคสำหรับผม แม็กซ์ก็จะกันผมไว้นอกวงครับ แค่พาผมไปเปิดหูเปิดตาเฉยๆ จะได้ไม่โดนคนอื่นหลอกเอาง่ายๆ
ส่วนตัวผมเอง ถึงจะรู้ว่าสิ่งที่แม็กซ์ทำมันไม่ดี แต่ในความรู้สึกของเด็กวัยรุ่นที่ทั้งชีวิตไม่เคยเดินออกนอกกรอบของตัวเองมาก่อนเลย ผมเองก็แอบสนใจอยากรู้อยากเห็นบ้างเหมือนกันครับ เพราะผมรู้ดีว่าอยู่กับแม็กซ์ผมปลอดภัยผมถึงได้กล้าก้าวเท้าเข้าไปในโลกสีเทาพวกนั้น เพราะฉะนั้นตอนที่ผมทะเลาะกับแม็กซ์ผมถึงได้เสียใจมากๆ เพราะแม็กซ์เป็นเพื่อนคนสำคัญเพียงคนเดียวของผมในตอนนั้น
ผมเดินลงมาข้างล่างแล้วก็จัดการทำเมนูข้าวต้มตามที่เตรียมไว้เมื่อวาน การทำข้าวต้มไม่ได้ลำบากอะไรผมก็เลยทำคนเดียวไม่ต้องให้ใครมาช่วย ยังไงซะก็แค่รองท้องกันนิดๆ หน่อยๆ อยู่แล้วละครับ เดี๋ยวสายๆ ก็คงแวะหามื้อเที่ยงทานระหว่างทางอีกอยู่ดี
ผมจัดการมื้อเช้าของตัวเองอยู่เงียบๆ คนเดียวในครัว คงเพราะว่าเมื่อคืนคงจัดเต็มกัน พวกนั้นถึงได้สลบกันไม่ตื่นแบบนี้ ผมเก็บกวาดชั้นล่างแล้วก็เช็คดูของที่เรายืมเขามา โชคดีที่ไม่มีอะไรแตกหักเสียหายมากนัก พอใกล้ๆ เจ็ดโมง ไม่นานนักพวกนั้นก็ทยอยตื่นกัน เพราะผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากชั้นบน ผมก็เลยกะขึ้นไปเก็บสัมภาระของผมบ้าง ตอนที่รถมารับจะได้ไม่ฉุกละหุกครับ
ที่นอนของโอมว่างแล้ว ประตูห้องน้ำปิดอยู่ ผมเดาเอาว่าคงเป็นโอมที่อาบน้ำอยู่ ผมได้ยินเสียงนันบ่นอะไรเบาๆ กับพัทที่กำลังลุกขึ้นมาท่าทางเหมือนคนยังไม่ตื่นดี ไปป์เองก็ตื่นแล้ว แต่ยังไม่ยอมลุก ผมเลยเดินไปนั่งข้างๆ เก็บของที่ผมวางไว้บนฟูก
“ตื่นเช้าจังต้น”
ไปป์ทักทายผมด้วยเสียงงัวเงีย เมื่อคืนไปป์ขึ้นมานอนพร้อมๆ กับผมนั่นแหละครับ แต่ดันขี้เซากว่าผมซะได้
“อืม”
“เช้านี้มีไรกินมั่งอ่ะ?”
“ข้าวต้ม ทำไว้ให้แล้วอยู่ข้างล่างโน่น”
“ต้นโคตรเทพเลย ดื่มไปขนาดนั้นยังตื่นก่อนคนแรกแล้วก็ทำข้าวเช้าเสร็จแล้วด้วย”
ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ไปป์มักจะชมผมด้วยเรื่องไร้สาระเสมอ เหมือนเด็กๆ เลยครับ
“ลุกไปอาบน้ำกินข้าวแล้วเก็บของรอไว้ก่อนก็ดีนะ ถ้าจะหลับแล้วเพลินตอนรถมาจะได้ไม่ฉุกละหุก”
“อือๆ ขออีกสามนาที เดี๋ยวลุก”
ไปป์พูดแบบนั้นแล้วก็มุดผ้าห่มนอนต่อ ผมเก็บของเสร็จแล้วก็เลยว่าจะลงไปดูข้างล่าง ยังต้องเอามอเตอร์ไซค์ไปคืนอีกครับ ผมแวะไปเคาะห้องสามสาว บอกเรื่องข้าวต้มแล้วก็กำชับให้สามคนนั้นช่วยดูแลเรื่องเช็คของในบ้านอีกรอบนึงด้วย พอลงไปถึงก็เห็นพวกรุ่นพี่ตื่นแล้ว กำลังนั่งทานข้าวต้มกันอยู่
ผมเลยแวะคุยกับพี่เบียร์เรื่องคืนรถเช่า พี่เบียร์เลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปกับผมเองสองคน เพราะขากลับต้องนั่งรถรับจ้างกลับ ไปกันน้อยๆ สะดวกกว่า
“ต้นนี่ อึดเหมือนกันเนอะ เมื่อคืนดื่มไปขนาดนั้นแล้วยังตื่นเช้ามาทำข้าวต้มให้คนอื่นได้อีก”
พี่ณตชวนผมคุยระหว่างที่ผมนั่งรอพี่เบียร์ทานข้าว เอ่อ... ผมไม่ชอบสายตาแบบนั้นเลยให้ตายสิ หวังว่าพี่เขาคงไม่รุกผมหนักมากกว่าเดิมนะครับ ตั้งแต่รู้ว่าผมเป็นพวกเดียวกันแล้วผมรู้สึกพี่เขาเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิมพิกล อุตส่าห่างๆ กันไปแล้วแท้ๆ แต่ยังไงซะตรงนี้ก็มีพวกรุ่นพี่อยู่ตั้งสามคน ผมก็คงต้องไว้หน้าเขาหน่อยนึง ก็เลยจำใจต้องหันไปยิ้มตอบ
“คงงั้นมั้งครับ”
“งั้นวันหลังไปดื่มกับพี่ป่าว?”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมดื่มได้ ไม่ได้แปลว่าชอบดื่มครับ”
“หึ ฮ่าๆ”
อะไรกัน ผมว่าผมอุตส่าตอบปฏิเสธอย่างสุภาพแล้วนะครับ แต่ทำไมพี่เบียร์กับพี่โอถึงได้หลุดขำแบบนั้นละครับ โดยเฉพาะพี่เบียร์หัวเราะเสียงดังมากเล่นเอาพี่ณตหน้าเจื่อนไปเลย ผมทำตัวไม่ถูกเลยครับแต่ก็นั่งคุยกับพวกพี่เขาไปเรื่อย จนกระทั่งพี่เบียร์ทานเสร็จ พวกเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์คนละคันกลับไปคืนร้านเช่ากันแล้วก็ขึ้นรถรับจ้างกลับครับ
ตอนที่เรากลับมาถึงกันคนที่เหลือก็ตื่นกันเกือบหมดแล้ว ไปป์ก็ตื่นแล้วครับ กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับโอมและสามสาว เหลือแต่พวกตื่นยากไม่กี่คน แล้วก็พวกที่แฮงค์จนลุกไม่ขึ้น ผมเห็นว่ายังพอมีเวลาเพราะพึ่งจะแปดโมงกว่าเลยไม่ได้ไปเร่ง แค่ขนของลงมากองรอไว้ข้างล่างแล้วก็นั่งเล่นกีต้าร์อยู่กับพัทที่มานั่งทำมิวสิคหน้าชายหาดส่งท้าย
ผมคิดไว้แล้วเชียว รถตู้มาถึงพวกเราตอนเก้าโมงครับ แต่ก็มีบางคนยังไม่ตื่น อย่างมิวนิคกับโค่แล้วก็อัฐ ก็เลยต้องไปสะกิดกันซักเล็กน้อย พอตื่นแล้วก็วิ่งวุ่นกันใหญ่เลยครับ ไหนจะแย่งห้องน้ำกันไหนจะเก็บข้าวเก็บของ ผมเองก็ยังต้องตรวจดูความเรียบร้อยขั้นสุดท้ายอีก กว่าพวกเราจะพร้อมขึ้นรถกันได้ครบขบวนก็เหนื่อยเหมือนกันครับ
แต่คราวนี้มีการเปลี่ยนผู้โดยสารเล็กน้อยพี่ณตลากพี่เบียร์ขึ้นมานั่งคันพวกผมแทนแล้วให้เอกกับนนไปนั่งอีกคัน บอกว่าจะคุยเรื่องเคลียร์งบกองกลางส่วนที่เหลือกับผม โชคดีที่ผมนั่งแถวกลางอยู่แล้ว พอคุยเสร็จผมก็เลยแกล้งหลับเกือบตลอดการเดินทางเลยครับ ยกเว้นตอนที่รถจอดแวะพักตามปั้มข้างทาง
พวกเราพักทานข้าวกันระหว่างทางแล้วก็ขับกลับยาวๆ จนถึงกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่พวกเราลงกันที่มหาวิทยาลัยนั่นแหละครับ มีไม่กี่คนที่ขอลงระหว่างทางเพราะใกล้บ้านมากกว่า แต่คนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นเป้ที่เป็นลูกเจ้าของกิจการรถเช่าโชคดีชะมัดเลยครับ นี่ดีนะที่ผมไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเยอะ ไม่งั้นคงพะรุงพะรังน่าดู แต่เอาเถอะครับถ้าผมเหนื่อยมากๆ ก็อาจจะขึ้นแท็กซี่กลับก็ได้
แต่ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ไปป์ก็เอนตัวมาซบไหล่ผมซะงั้น
“ทำไรอ่ะไปป์”
“ง่วง”
“เอนไปทางโน้นไป หัวเหม็นอ่ะ”
“ต้นใจร้าย”
นอกจากไปป์จะไม่ยอมเลิกพิงไหล่ผมแล้วยังคว้าแขนผมไปกอดอีก ไปป์นี่หาเรื่องจริงๆ เลย อย่าคิดนะครับว่าผมไม่รู้ว่าไปป์ตั้งใจทำอะไร ไปป์ตั้งใจยั่วโมโหพี่ณตชัดๆ เพราะว่าตอนพักทานข้าวกลางวัน ที่นั่งปกติของผมอยู่ข้างๆ ไปป์หรือไม่ก็โอมอยู่แล้ว แต่ผมดันโดนพี่เบียร์ดึงไปนั่งตรงหัวโต๊ะเพราะเป็นคนคุมเงินกองกลาง ก็เลยกลายเป็นว่าผมถูกขนาบด้วยพี่ณตกับพี่โอแทน
มื้อกลางวันที่ผ่านมาพี่ณตทานข้าวอร่อยครับ แต่ผมเซ็ง เลยทานอะไรไม่ค่อยลง พี่ณตแกเล่นคอยตักอาหารเสริฟผมตลอด แถมยังโดนพวกมิวนิคแซวอีกทอด อึดอัดครับ
“แขนต้นเนี๊ยนนียน กลิ่มก็หอมด้วย”
ไปป์พูดแบบนี้จงใจประกาศศึกชัดๆ แต่ผมไม่พูดอะไรหรอกครับ อยู่เฉยๆ ดีกว่า ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งไปมากกว่านี้
“ไปป์ แกเป็นหมาเหรอ อ้อนต้นอย่างกับลูกหมา”
“เกี่ยวไรกับแกวะเมย์ จะหมารึคนก็ช่าง ลองถามต้นดูดิว่าถ้าเราเป็นลูกหมาแล้วต้นมันจะรับเลี้ยงรึเปล่า?”
“แหวะ ลูกหมาแบบแกให้ฟรีแถมเงินฉันยังไม่เอาเลย ใช่มั้ยต้น”
“ไม่แน่นะ ถ้ารู้จักฉี่ให้เป็นที่เป็นทาง ไม่เห่าจนน่ารำคาญ รู้อาณาเขตของตัวเอง เลี้ยงง่ายไม่ทำให้เราเดือดร้อน เราก็อาจจะรับเลี้ยง หึ หึ”
“เห็นป่าว”
หลังจากนั้นพวกเราก็เลยแซวกันไปมาในรถอีกพักใหญ่ครับ ก่อนที่ข้าวเที่ยงในกระเพาะพวกเราจะเริ่มออกฤทธิ์ทำให้ง่วงจนหลับกันเกือบหมดทั้งคัน
กว่าพวกเราจะฝ่ารถติดถึงกรุงเทพก็บ่ายคล้อยแล้วครับ พอรถตู้วนมาจอดในมหาลัยใกล้ๆ ตึกภาคได้ พวกเราก็ขนของลงจากรถ คนอื่นๆ พากันลงจากรถเหลือแต่ผมที่ต้องอยู่เคลียร์เรื่องค่ายใช้จ่ายก่อน ไปป์ช่วยแบกกระเป๋ากีต้าร์ผมไปให้ ตอนแรกผมว่าจะเอากีต้าร์กลับวันอื่น เพราะวันนี้เหนื่อยมากแล้วขี้เกียจแบกของหนักๆ กลับ อยากกลับคอนโดเร็วๆ ครับเลยว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าเอา หวังว่าวางทิ้งไว้ในห้องภาคไม่น่าหายนะครับ
ผมเดินไปตกลงกับเป้และพี่คนขับเรื่องเงิน ปรากฏว่าเหลืออยู่นิดหน่อยครับ ก็เลยต้องไปเคลียร์กันว่าจะเอายังไงกับเศษสองร้อยที่เหลือนี่ แต่ตอนที่ผมเดินกลับไปที่โต๊ะม้าหินใต้ตึกภาคที่เพื่อนๆ ผมน่าจะอยู่กันแถวๆ นั้น ผมกลับเห็นผู้ชายคนนึงนั่งรอผมอยู่ พี่ชัชมารับผม!
พี่ชัชคงแวะมารับผมหลังเลิกงานมั้งครับ เพราะใส่ชุดทำงานตามปกติแต่พับแขนเสื้อขึ้นพร้อมทั้งปลดกระดุมคอถอดเนคไทใส่ไว้ในกระเป๋า พี่ชัชกำลังเล่นแท็บเลตเพลินเลยครับ พึ่งจะเงยหน้ามามองก็ตอนที่ได้ยินเสียงไปป์ตะโกนเรียกชื่อผมนั่นแหละ พี่ชัชเห็นผมแล้วและก็กำลังส่งยิ้มให้ผมด้วย ให้ตายสิผมไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี เขินชะมัด!
ในตอนที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปเลยดีหรือแกล้งเดินหนีก่อนนั้น พี่ชัชก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาผมครับ พี่ชัชตรงเข้ามาแย่งกระเป๋าเสื้อผ้าผมไปถือไว้ให้แทน แถมยังเอามือขยี้หัวผมอีก
“ไง ไปเที่ยวมาหนุกป่าวต้น”
น้ำเสียงขี้เล่นเป็นกันเองแต่ฟังแล้วอบอุ่นใจแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกดีเป็นบ้าเลย! ผมคิดถึงพี่ชัชชะมัด อ๊ะ! ไม่ได้สิ เพื่อนผมอยู่ตรงนั้นเพียบเลย
“สนุกครับ พี่ชัชเลิกงานเร็วเหรอครับวันนี้”
“เออ กลับกันเลยป่าว?”
“เอ่อ ผมขอไปเคลียร์เรื่องเงินกับเพื่อนอีกแปปนึงได้มั้ยครับ”
“เอาดิ ให้พี่ไปด้วยป่าว”
“มะ ไม่ต้องครับ! พี่ชัชรอผมตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมมาครับ”
แล้วผมก็เดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเดินไปหาป่านแล้วก็ฝากเงินที่เหลือไว้ให้ เสร็จแล้วพอคว้ากระเป๋ากีต้าร์ได้ก็กะจะเผ่นออกมาให้เร็วที่สุดครับ ตอนนี้ยังโชคดีที่พวกมิวนิคไปเข้าห้องน้ำกันอยู่ เหลือแค่ไม่กี่คนตรงโต๊ะซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นแก๊งค์ผม ถ้าให้คนอื่นๆ มาเห็นเข้าละก็... ผมอายครับ แต่ไปป์ดันพูดมากอีกแล้ว
“ต้น ใครมารับอ่ะ?”
น้ำเสียงของไปป์ฟังดูก็รู้ว่าอยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด แถมยังฟังแล้วน่าหงุดหงิดด้วยครับ ผมมั่นใจว่าตอนนี้หน้าของผมต้องแดงมากอยู่แน่ๆ
“รู้แล้วยังจะถามอีกเหรอ คิดว่าใครก็คนนั้นแหละ”
ผมจำได้ว่าตอบไปแบบนั้นแล้วก็รีบเผ่นออกมาเลยครับ ผมอาย แต่โชคร้ายมิวนิคเดินออกมาพอดี เสียงตะโกนเลยดังไล่หลังผมมา
“เฮ้ยต้น ใครมารับมึงวะ?”
โคตรเขินเลยครับ พี่ชัชที่หันมามองผมอยู่ก็ทำท่ากลั้นหัวเราะเต็มที่เลย
“พี่คร๊าบ พี่เป็นแฟนต้นป่าวคร๊าบ”
นายจะยุ่งมากเกินไปแล้วไปป์! พอผมเดินมาถึงตัวพี่ชัชผมก็รีบคว้ามือพี่ชัชกะจะลากหนีจากพวกบ้าพวกนั้นครับ แต่พี่ชัชกลับชิงขยี้หัวผมก่อนแล้วก็ดึงตัวผมมาโอบไหล่ไปซะงั้น ถึงท่าทางการโอบไหล่ของพี่ชัชมันไม่ได้โอบแบบคนรักกันหวานชื่นอะไรแบบนั้น ดูเหมือนการเอาแขนพาดไหล่กันซะมากกว่า แต่พวกข้างหลังที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ส่งเสียงเป่าปากแซวผมซะดังลั่นเลยครับ
การไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนในรุ่นครั้งนี้มันจะดีเกินไปแล้วครับ อะไรจะแกรนด์โอเพ่นนิ่งผมได้ดีมากไปกว่านี้อีก ตอนไปเที่ยวความลับเรื่องที่ผมเป็นเกย์ถูกเปิดเผย ตอนกลับจากไปเที่ยวเปิดตัวแฟนผม ให้ตายสิ!
พอขึ้นรถได้เท่านั้นแหละ ขอบ่นหน่อยเถอะครับ
“พี่ชัชอ่ะ ถ้าจะมารับผมทำไมไม่บอกกันก่อนละครับ เกิดผมลงรถไปกลางทางแล้วจะทำยังไง?”
“ก็พี่รู้อ่ะดิว่าต้นไม่ทำงั้นหรอก ต้นถือเงินใช่มั้ยล่ะ ยังไงก็ต้องอยู่ถึงที่สุดอยู่แล้ว”
“รู้ได้ยังไงครับ ผมอาจจะไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องนี้ก็ได้”
“หึ ไม่มีทางหรอก เมียพี่งกจะตาย ฮ่าๆ”
“พี่ชัชบ้า! ดูสิครับทำให้ผมโดนคนอื่นแซวใหญ่เลย”
“แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาไม่ใช่เหรอ? ท่าทางเพื่อนเข้าใจต้นดีนี่”
“รู้ได้ยังไงครับ?”
“ก็หน้าต้นมันบอกว่าอายมากกว่าลำบากใจนี่”
อีกแล้ว ตอนที่พี่ชัชพูดแบบนี้ก็หันมายิ้มแล้วก็ขยี้หัวผมอีกแล้ว แต่ผมชอบนะครับ พี่ชัชของผมรู้ใจผมที่สุด
“แล้วถ้ากลับกัน ผมมีปัญหากับเพื่อนๆ ละครับจะทำยังไง”
“หือ ไม่หรอก ถ้าคนอื่นยังไม่รู้นะ เมียพี่ก็จะทำหน้านิ่งๆ ใส่หน้ากากแล้วก็บอกคนอื่นๆ ว่าพี่เป็นผู้ปกครอง คนที่บ้าน อะไรก็ว่าไป นี่ดันมัวแต่เขินแถมยังกันพี่ไม่ให้เข้าไปหาเพื่อนเราอีก แปลว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างดิ”
“ทำเป็นพูดดีไป ความลับผมแตกเพราะใครละครับรู้ตัวรึเปล่า?”
“หือ? หมายความว่าไง พี่ทำไรเหรอครับ?”
“ฮึ๊ ยังไม่รู้ตัวเหรอครับว่าพี่ชัชลืมลบไฟล์วันที่พี่ชัชลองกล้อง”
“เฮ้ยจริงดิ!”
“โอ๊ย!”
พี่ชัชตกใจมากจนเผลอเหยียบเบรคสะดุดกึ๊กเลยครับ ผมเชื่อแล้วล่ะ ลืมจริงๆ ด้วยสินั่น
“แล้วอย่าบอกว่าว่าพวกนั้นมันเห็น?”
“แล้วไม่งั้นคิดว่าเขารู้กันได้ยังไงละครับ มีหลักฐานขนาดนั้นจะให้ผมปฏิเสธยังไง”
“แล้วไม่มีใครมาทำอะไรแปลกๆ กับต้นใช่มั้ย? ไม่มีใครมามองเมียพี่ด้วยสายตาลามกนะ? พวกมันคงไม่ได้เก็บคลิปพวกนั้นไว้ใช่ป่ะ?”
เชื่อเขาเลย ในเวลาแบบนี้ดันสนใจหึงผมมากกว่าอีก
“ผมลบไปหมดแล้วครับ โชคดีที่คนที่เห็นเป็นเพื่อนสนิทผู้หญิงผม”
ผมไม่บอกเขาหรอกว่าไปป์เองก็เห็นด้วย เพื่อความสงบสุข บอกแค่นี้ดีกว่าครับ
“ผมไม่ได้ดูหรอกครับ แต่เพื่อนผมบอกว่ามันมีแต่เสียง ไม่เห็นภาพอะไรนอกจากภาพโต๊ะก็แค่นั้น”
“เฮ้อแล้วไป”
“แหม แต่แค่เสียงก็มากพอจะทำให้คนอื่นรู้แล้วนะครับว่าอะไรเป็นอะไร เป็นเพราะพี่ชัชนั่นแหละ”
“อืม นั่นสิ ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้นครางดังมากๆ”
ยังมีหน้ามาเล่นมุขใส่ผมอีก!
“พี่ชัชบ้า ไม่ตลกนะครับ”
“ฮ่าๆ”
แฟนผมนี่ จริงๆ เลย ให้ตายสิ อยากโกรธอยู่หรอกนะครับ แต่ไหนๆ เรื่องก็ผ่านไปแล้ว แถมดูท่าแล้วพี่ชัชก็ไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่องพี่ชัชก็ได้ครับ
“ทีหลังแบบนี้ไม่เอาแล้วนะครับ จะมารับกันก็บอกกันหน่อย เกิดเซอร์ไพรส์แล้วพลาดขึ้นมา มันเสียเวลาครับ”
“น่าๆ ก็พี่คิดถึงต้น อยากเจอหน้าอยากได้ยินเสียงอยากสูดกลิ่นต้นเร็วๆ นี่นา”
พอพูดจบพี่ชัชก็เอี้ยวตัวมาหอมแก้มผมซะงั้น
“อ๊ะ พี่ชัช! แบบนี้มันอันตรายนะครับ”
“อันตรายไร ถนนออกจะโล่ง”
“ถึงงั้นก็เถอะ”
“ก็พี่คิดถึงต้นจริงๆ นี่นา อยากโทรไปหาใจจะขาด แต่ไม่กล้ากลัวต้นกำลังสนุกกับเพื่อนอยู่”
“สำหรับพี่ชัชโทรมาได้เสมอแหละครับ”
“คร้าบๆ แต่ถ้าต้นไม่ว่าง ติดธุระ หรือยุ่งอยู่ ต้นก็แค่ไม่รับ ฮ่าๆ”
“พี่ชัชบ้า”
พี่ชัชนี่รู้ทันผมไปซะหมดเลย ไม่รู้จะเถียงกลับยังไงแล้วครับ
พวกเราขับรถกลับบ้านกันแบบไม่แวะที่ไหนครับ เพราะในรถยังมีอาหารเหลือจากเลี้ยงหมออยู่ ผมทานง่ายอยู่แล้ว เราอุ่นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ทานแล้วผมก็ขอตัวหลับยาวเลยครับ เพลียจริงๆ ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยเล่าให้พี่ชัชฟังก็ได้ว่าผมไปเที่ยวมาสนุกมากแค่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่คงต้องเป็นตอนเย็นนั่นแหละครับ เพราะพี่ชัชของผมต้องไปทำงานหาเงินให้ผมใช้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++