
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ต้นน้ำ
ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัวลงมาข้างล่าง พวกเรากำลังเถียงกันเรื่องมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นคืนสุดท้ายของการเที่ยวทะเลอยู่ จำนวนเงินกองกลางและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้พวกเราเซ็งนิดหน่อย แต่สุดท้ายพี่เบียร์ก็เป็นฮีโร่จนได้ครับ บริจาคเพิ่มให้พวกเรา โชคดีจริงๆ เลยที่มีพี่เบียร์มาด้วย เป็นผู้ใหญ่ สปอร์ต แล้วยังใจดีอีกต่างหาก
ผมขอออกไปซื้อของทำกับข้าวเองโดยไปกันเฉพาะผู้ชาย เนื่องจากไม่อยากให้สามสาวออกไป กลัวเจอคู่กรณีเมื่อคืนครับ ผมเลยได้ไอ้ยักษ์มิวนิคไปช่วยถือของโดยมีเป้กับนันตามไปด้วย
“เมื่อคืน มึงคุยไรกับไอ้ไปป์”
“อ้าว ไปป์ไม่ได้เล่าเหรอ?”
“ไม่อ่ะ แม่งเชี่ยไปป์กั๊ก”
ผมยิ้มไม่ได้ตอบอะไรตามสไตล์ผม
“เชี่ยต้นแม่งยิ้มเจ้าเล่ห์ว่ะ”
“เจ้าเล่ห์ยังไง?”
ผมถามพร้อมกับเลือกกุ้ง
“เฮ้ย ซื้อกุ้งด้วยเหรอ แพงนะ”
“อันนี้เราออกเอง”
มิวนิคหันมามองหน้าผมควับเลย แม้แต่เป้ยังอดไม่อยู่สอดปากแซวผม
“โห ต้นเลิกงกว่ะ ฝนตกแน่ๆ ต้องเกิดสึนามิ”
“จะกินมั้ย?”
“ถามจริง ไมจู่ๆ มึงใจดีงี้วะ”
“ก็มาเที่ยวทั้งทีก็อยากกิน จะทำเลี้ยงพี่เบียร์ด้วย พี่เบียร์อุตส่าใจดีกับพวกเรา ไปป์เล่าให้ฟังแล้วนะเรื่องเมื่อวาน เราอยากขอบคุณพี่เบียร์”
“เรื่องนั้นพวกกูก็มีส่วนผิด กูขอโทษนะ”
เสียงอ่อยๆ ของมิวนิคทำให้ผมรู้สึกได้ถึงการสำนึกผิดจริงๆ ผมก็เลยหันไปยิ้มให้ สบายใจจังเลยครับ
“เราหายโกรธพวกนายตั้งนานแล้ว”
“เออค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าไม่มีมึงกูตายแน่ๆ ใครจะเป็นติวเตอร์ตัวพ่อให้พวกกู”
“ทำดีหวังผลนะ”
“เออ ฮ่าๆ”
“ว่าแต่มึงนี่คล่องจังว่ะ อยู่บ้านเดินตลาดบ่อยเหรอ?”
“อืม เพื่อนพาไปละมั้ง เมื่อก่อนเราก็เดินแต่ซุปเปอร์มาเก็ต แต่เพื่อนสนิทเราบ้านเป็นร้านขายกับข้าว เขาก็เลยชอบพาเราเดินตลาดมากกว่า บอกของถูกกว่า แต่เราว่าบางอย่างก็ถูกบางอย่างก็แพง แต่อย่างน้อยๆ เราก็เลือกของสดเป็น ต่อราคาเป็นเพราะเพื่อนเราสอนนั่นแหละ”
“เพื่อนมึงสอนทำอาหารด้วยดิ?”
“เออ นั่นดิ ปกติกูไม่ชอบกินน้ำพริกนะ แต่น้ำพริกเมื่อวานนายทำอร่อยดีว่ะต้น”
“เราชอบไก่ทอดนะ อร่อยดี”
“ไก่ทอดนั่นสูตรเมย์เขา เรายืนทอดเฉยๆ”
“แต่นายก็ทอดเก่งดีนะ ไม่ไหม้ด้วย ขนาดเราเจียวไข่ยังไหม้อ่ะ”
นันยังยอผมต่อไม่ยอมหยุด เจอแบบนี้ก็ตัวลอยนิดหน่อยแหละครับ
“จะทำของทอดต้องใจเย็นน่ะแม่เราสอนมา แต่พวกสูตรอาหารไรพวกนั้นเราหาจากเน็ทเอา มีบ้างที่ๆ บ้านเพื่อนสอนมา ส่วนใหญ่เป็นเคล็ดลับอ่ะ เขาไม่บอกสูตรเราหมดหรอก อาศัยครูพักลักจำเอา”
“โคตรเจ๋งอ่ะ วันหลังสอนกูมั่งดิ ผู้ชายทำอาหารได้เท่ดีว่ะ สาวๆ กรี๊ด แบบเชฟกระทะเหล็กไงมึง”
ผมมองมิวนิคที่คิดอะไรแต่ละอย่างงี่เง่าทั้งนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“อย่างนายน่ะ ทอดไข่ดาวให้ไข่แดงไม่แตก ไข่ไม่ไหม้ฟูกรอบทั้งใบก่อนดีกว่ามั้ง?”
พอผมกัดไปแบบนั้นเจ้าตัวก็เริ่มเถียงผมทันที พวกเราเลยต่อปากต่อคำอีกนิดหน่อย พอผมได้ของครบแล้ว พวกเราก็กลับบ้านพัก พวกมันได้ไปพักแต่ผมยังต้องทำงานต่อ ผมทำอาหารกับพวกผู้หญิงเหมือนเดิมครับ แต่โชคดีคราวนี้ไม่มีของทอด
“ต้นๆ ชิมต้มยำนี่หน่อยสิ นายว่ารสโอเครึยัง?”
ผมมองต้มยำน้ำใสที่อุดมไปด้วยเห็ดมากกว่ากุ้งและปลาหมึกแล้วตอบ
“เราว่าเปรี้ยวอีกนิดน่าจะดีกว่านะแก้ว”
“ไปป์ มาเอาซี่โครงหมูนี่ไปเสริฟ แล้วเฝ้าไว้ให้ดีด้วยนะแก ฉันนับชิ้นไว้ละ อย่าให้ใครมันแตะได้นะ ไม่งั้นแกอด”
เสียงป่านเอ็ดตะโรเรียกทาสผู้ซื่อสัตย์ของตัวเอง ไปป์ประท้วงเล็กน้อย ผมก็เลยหัวเราะ แต่มือยังต้องหั่นผักอยู่ แน่นอนอยู่แล้วครับผัดผักนั่นเอง จะมีเมนูไหนทำได้ง่ายๆ และราคาถูกมากไปว่าผัดผักละครับ?
อาหารมื้อเที่ยงวันนี้บรรยากาศดีกว่าเมื่อวานมาก คงเพราะผมสบายใจขึ้นละมั้งครับ นี่แหละครับที่เขาบอกว่า บรรยากาศช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหาร เอกกับนนมาตักอาหารแล้วก็แยกไปนั่งทานกันตรงอื่น ถึงยังไงโต๊ะหน้าบ้านที่เรายกมาต่อกันนี้ก็มีจำนวนเก้าอี้ไม่พออยู่แล้ว บ้างคนก็เลยถือจานไปนั่งจับกลุ่มทานกันตรงอื่นอยู่ดี และผมก็ไม่ได้สนิทกับพวกเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จนกระทั่งช่วงบ่ายพวกพี่ณตมาชวนผมออกไปข้างนอก บอกจะไปซื้อของกินเล่นมาส่งท้ายคืนสุดท้ายที่พวกเราจะค้างด้วยกัน แต่ผมขี้เกียจไปครับก็เลยขอตัว ผมนั่งเล่นกีตาร์เป็นเพื่อนพัทอยู่ที่ริมหาด พวกมิวนิคกับโค่ออกไปซื้อของกับพี่ณต แก๊งค์ของผมก็ออกไปกับเขาด้วยยกเว้นไปป์ เหลือพวกเราเฝ้าบ้านอยู่ไม่กี่คน
ผมนั่งเล่นกีต้าร์เพลินๆ อยู่หน้าบ้านมีอัฐนั่งหลับอยู่ใกล้ๆ บนเปลยวน เห็นแล้วเชื่อเขาเลยครับ หลับได้หลับดีจริงๆ แต่อยู่ๆ ไปป์ก็สะกิดผม และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นผมก็เห็นนนกับเอก
“กูขอคุยกับมึงหน่อย”
“มีอะไรจะคุยก็คุยกันตรงนี้แหละ”
ผมบอกเอกไปแบบนั้น เอกดูอึดอัด ส่วนนนก็ยืนเฉยไม่พูดอะไร พัทมองหน้าผมสลับกับมองเอกไปมา เกิดความเงียบขึ้นจนในที่สุดไปป์ก็ทนไม่ได้
“เฮ้ย ถ้ามึงจะมาขอโทษต้นก็อย่าลีลา”
“กูไม่ได้”
“ถ้านายไม่มีธุระอะไรก็อย่ามายุ่งกับเราเลยเอก เรารู้ว่านายเกลียดเรา ต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน”
“ต้น ฟังเอกมันหน่อยเหอะ”
ถึงนนจะพูดแบบนั้นแต่ถ้าเอกไม่ยอมพูดแล้วจะให้ผมฟังอะไรละครับ ผมหันหน้าหนีสนใจหนังสือเพลงในมือไปป์ต่อ พอเอกเห็นผมทำแบบนั้นก็สบถออกมาสองสามคำแล้วเดินหนีไป
“ต้น มึงน่าจะฟังเอกมันหน่อยนะเว้ย มันอยากมาขอโทษมึงนะ”
“เอกไม่เห็นจะพูดอะไรนี่”
“ก็คนอยู่ตั้งเยอะ มันจะกล้าพูดได้ไง ตามมันไปหน่อยเหอะ”
“ถ้าเราตามไปแล้วเอกโมโหจนทำอะไรเราล่ะนน? เอกอาจจะเกลียดเกย์จนอยากทำร้ายร่างกายเราก็ได้”
ผมยอมรับนะว่าผมงี่เง่า บางทีรู้ทั้งรู้แต่ผมก็ห้ามทิฐิตัวเองไม่ได้ซักที
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคิดมากไปแล้วต้น มันก็แค่อายเลยอยากจะขอโทษมึงตัวๆ ก็แค่นั้น”
“ไม่หรอก คนบางคนก็เกลียดเพศที่สามมากจนทำอะไรร้ายๆ ได้นี่ แถมตรงนี้ก็อยู่กันแค่สามคน ไม่เยอะซักหน่อย ทีเมื่อวานอยู่กันตั้งเยอะ เอกยังไม่เห็นแคร์อะไรนี่”
“มึงโกรธที่เอกทำแบบนั้นกับมึงเหรอ?”
“ไม่ได้โกรธ แต่เสียใจ เสียใจจนไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรอีก”
ผมตอบไปเรียบๆ ด้วยสีหน้านิ่งสนิทจนนนเดาใจผมไม่ถูก
“ไม่ต้องห่วงหรอกนน ถ้าอยากได้ชีทเราก็มาขอไปได้เสมอแหละ แต่เราคงไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเอกอีกก็แค่นั้น ส่วนนายเราเฉยๆ”
“นี่นะเฉยของมึง หน้ากูมึงยังไม่มองเลยต้น”
พอนนพูดแบบนั้นผมก็เลยต้องหันไปแข่งจ้องตากับนน คิ้วที่เริ่มผูกโบว์ของผมทำให้นนยอมแพ้
“เออ กูผิดๆ ไอ้เอกมันก็ผิด มึงพอใจยัง ที่เอกมันเกลียดเกย์มันก็มีเหตุผลนะเว้ย มันเคยเล่าว่าตอนเด็กๆ มันถูกเกย์ลวนลาม มันกลัวมากๆ ก็เลยฝังใจ แล้วเอกมันก็ค่อนข้างสนิทกับมึงไม่ใช่เหรอไง มันคุยกับมึงบ่อยกว่าคุยกับไปป์อีก มันเสียใจนะที่มึงหลอกมันแบบนั้น”
“เราเนี่ยนะหลอก? เราไปหลอกอะไรเอก?”
“ก็มึงก็รู้ว่าเอกมันชอบเมย์ แต่เมย์ชอบมึง แล้วแถมมึงยังไม่ยอมเปิดเผยว่ามึงเป็นเกย์ มันก็เลยสับสน โมโหมึง”
“นั่นมันคนละเรื่องเลยนะ! แล้วเราไปแสดงออกตอนไหนว่าเราชอบเมย์ เรื่องที่เราเป็นอะไรมันก็เรื่องส่วนตัวของเราแท้ๆ พาลชัดๆ”
“เออ กูพาล พอใจยัง!”
เอกเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ นน เอกจ้องหน้าผม สีหน้าของเอกอึดอัดพอๆ กับความรู้สึกของผม ผมขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้นหนี แต่ไปป์ดึงแขนผมไว้ก่อน
“เฮ้ยๆ จะไปไหนต้น?”
“ไปให้พ้นๆ หน้าคนที่เกลียดเรา”
“มึงอย่าเรื่องมากน่า ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้”
ถูกพูดแบบนี้ใส่จากคนพาลนี่มันโมโหนะครับ ผมหันกลับไปเอาเรื่องเอก ไม่ยอมแน่ๆ
“อ๋อเหรอ แต่นายลืมไปแล้วรึไง เราเป็นเกย์”
“ต้น เลิกประชดได้แล้ว นั่งลงก่อน”
เสียงของอัฐที่ตื่นมาร่วมวงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ดังขึ้นห้ามผม พร้อมๆ กับแรงดึงจากไปป์ให้ผมนั่งจนผมล้ม
“โอ้ย ไปป์!”
“โทษๆ นั่งดีๆ น่าต้น”
ให้ตายเหอะ! แม้แต่อัฐยังลุกขึ้นมานั่งขนาบข้างผมไว้เลย ผมที่หนีไปไหนไม่ได้เลยได้แต่นั่งหันหน้าไปอีกทาง ไม่อยากมองหน้าเอก
“ต้นแม่งขี้งอนชะมัด เฮ้อ... ลืมถามวิธีง้อจากอาร์มแฮะ ตอนที่แฟนต้นง้อต้นเมื่อตอนรถคว่ำนี่เขาทำไงนะ”
“ไปป์!”
“โอ๊ะ โทษที เผลอพูดมากไป”
ถึงนายจะพูดแบบนั้นแต่หน้านายไม่ได้สำนึกเลยนะไปป์
“กูขอโทษที่กูทำไม่ดีกับมึง ให้อภัยกูนะต้น เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเหอะ เรื่องเมื่อคืนกูก็เสียใจเหมือนกัน กูไม่น่าทำแบบนั้นกับมึงเลย”
“จะดีเหรอครับ ผมเป็นเกย์นะ คุณเกลียดเกย์ไม่ใช่เหรอ”
“แม่ง ต้นดราม่าได้อีกอ่ะ เสียงโคตรตัวอิจฉาเลย”
“ไปป์!”
ไม่ตลกนะครับ! ไปป์ทำเอาเรื่องซีเรียสของผมกลายเป็นตลกขำขันไปเลย แม้แต่อัฐยังแอบยิ้ม
“ก็จริง กูเกลียดเกย์ มันฝังใจกูมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่พอคิดดูดีๆ แล้ว กูไม่ได้เกลียดมึง ตอนนั้นกูแค่โมโหเลยทำไม่ดีกับมึง แต่ตอนนี้กูสำนึกแล้ว มึงหายโกรธกูนะ”
“ผมไม่ได้โกรธอะไรคุณ”
“งั้นมึงให้อภัยกูยัง”
ผมยังไม่รู้สึกดีร้อยเปอเซ็นต์เพียงแค่คำขอโทษง่ายๆ แบบนี้หรอกนะครับ ผมยังไม่สามารถขจัดอารมณ์ขุ่นมัวพวกนั้นไปได้ แต่สายตารอลุ้นจำนวนสี่คู่ที่เอาใจช่วยเอกและกดดันผมอยู่นี่สิ เฮ้อ!
“โอเค เราให้อภัยนาย แต่ความรู้สึกคนเรามันไม่ได้เปลี่ยนได้ง่ายๆ หรอกนะ สิ่งที่นายทำไว้มันไม่ได้หายทันทีที่นายเอ่ยปากขอโทษหรอก ขอโทษด้วยที่คงยิ้มให้นายตอนนี้ไม่ได้”
“เออ ไม่เป็นไร กูรู้ว่ากูทำมึงเสียใจ กูผิดเอง”
แล้วไปป์ก็เอาแขนมาพาดคอผมซะงั้นอ่ะ แถมยังส่งยิ้มกวนๆ มาให้ผมอีก
“อะไรอีกล่ะ?”
“เปล่า แค่คิดว่าต้นนี่ใจดีจริงๆ ด้วย แต่ขี้งอน แล้วก็ง้อยาก มิน่า อาร์มถึงบอกว่าห้ามทำให้ต้นเสียใจ ฮ่าๆ”
“อย่าไปเชื่ออะไรอาร์มมาก มั่วประจำแหละ”
“จริงอ่า? ต้นหน้าแดงด้วยเว้ย”
“บ้าแล้ว”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++