top of page

The story after that. - ต้นน้ำ

     แล้วพวกเราก็กลับถึงบ้านพักจนได้ครับ แต่ละคนไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ผมเองก็เหนื่อยมากแล้วรู้สึกตัวรุมๆ ด้วย ก็เลยทานยากันไว้ก่อนขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน วันนี้ของผมนี่มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะจริงๆ แต่พออาบน้ำเสร็จแล้วก็เช็คโทรศัพท์ตามปกติ มีข้อความส่งมาบอกว่า เมย์รอผมอยู่ที่ชายหาดครับ ผมเลยโทรกลับไป เมย์ไม่ยอมรับโทรศัพท์แต่ส่งข้อความมาว่าจะรอจนกว่าผมจะออกไปหา ทำให้ผมต้องออกไปเหนียวตัวกับลมทะเลอีกรอบจนได้

 

     “เรียกเรามาทำไมเหรอ? มีอะไรรึเปล่า?”

 

     “ชวนต้นมานั่งเล่นไง มาชายหาดทั้งที”

 

     “เมย์มันดึกแล้วนะ เราเหนื่อย ไม่ไหวแล้วอยากนอน”

 

     “นะ อยู่เป็นเพื่อนเราแปปนึง ถือว่าเราขอร้องก็ได้ เราไม่เคยขอร้องอะไรนายมาก่อนเลย”

 

     เมย์ใช้น้ำเสียงอ้อนวอนกับผมเหรอเนี่ย ผมหูฝาดไปรึเปล่า?

 

     “อืม เธอไม่เคยขอร้อง เธอสั่งทุกครั้งอ่ะ”

 

     “เราคงแย่มากสินะในสายตานาย”

 

     “ก็ไม่หรอก ช่างมันเถอะ ว่าแต่เรียกเรามานั่งดูดาวนี่มีธุระอะไรล่ะ?”

 

     “ก็เรายังไม่ได้ขอบคุณที่นายช่วยเราไว้เลย ขอบคุณนะ”

 

     “อืม”

 

     “ทำไมถึงช่วยเราไว้ล่ะ คนพวกนั้นน่ากลัวออก”

 

     “ก็เพื่อนกัน แล้วอีกอย่าง การถูกสัมผัสจากคนที่เราไม่ต้องการหรือการถูกสัมผัสโดยที่เราไม่เต็มใจมันทรมานนะ เมย์เป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้เมย์เจอกับเรื่องน่ากลัวแบบนั้น ใครจะไปรู้มันจะทำอะไรเมย์ เกิดมันคว้าเมย์ได้แล้วดึงไปกอดหรือทำอะไรมากกว่านั้นล่ะ? เราก็เลย.. ไม่รู้สิ เท้ามันไปเองมั้ง กันไว้ก่อน”

 

     “ต้นนี่เป็นคนดีจังเลยเนอะ”

 

     “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเมย์”

 

     เมย์เงียบไปพักนึงแล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้น เสียงของเมย์ที่เคยดังคราวนี้กลับเบาจนแทบโดนกลบด้วยเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง

 

     “ถามจริงๆ เถอะ ต้นเป็นเกย์จริงๆ เหรอ”

 

     “เมย์ก็ได้ยินแล้วนี่ เราชอบผู้ชาย”

 

     “แต่ต้นก็รักแค่แฟนต้นคนเดียว กับผู้ชายคนอื่นต้นก็ไม่รู้สึกอะไรนี่ ถ้าต้นเลิกกับแฟน”

 

     “มันเป็นไปไม่ได้หรอกเมย์ เพราะเราจะไม่มีวันเลิกรักพี่ชัชและจะไม่ยอมเลิกกับพี่เขาด้วย จริงอยู่เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนอื่น แต่มันก็มีนะครั้งที่เราไม่ได้คิดรังเกียจผู้ชาย”

 

     “เป็นผู้หญิงไม่ได้จริงๆ เหรอ? เราจะไม่มีโอกาสเลยเหรอต้น”

 

     “เมย์ เราขอโทษนะ... แต่ต่อให้เป็นผู้หญิงได้ เธอก็ไม่ใช่คนที่เราจะเลือก”

 

     “ทำไมละ? ถ้างั้นก็แปลว่าต้นเองก็ชอบผู้หญิงบ้างเหมือนกันนี่ ทำไมอ่ะมีอะไรที่เราไม่ดีต้นบอกเราได้นะ เราจะได้ปรับปรุงตัว”

 

     “พอเหอะเมย์ มัน... เรื่องของเรามันซับซ้อน จริงอยู่ที่ถ้าเราไม่เจอแฟนเราบางทีในอนาคตเราอาจจะแต่งงานกับผู้หญิงโดยที่ไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้เรารักแฟนเรามาก และเราไม่คิดว่าเรา... เราจะสามารถกอดผู้หญิงคนไหนได้ เราเป็นคนที่ถูกกอดมาตลอดเธอเข้าใจมั้ยเมย์ ร่างกายเราพอใจแบบนั้นเพราะร่างกายเราเรียนรู้ที่จะถูกเติมเต็มแบบนั้นมาตั้งแต่แรก ส่วนหัวใจของเราก็มอบให้แฟนเราไปหมดแล้ว”

 

     “แล้วผู้หญิงคนนั้นละ? คนที่ต้นให้โอกาส”

 

     เมย์ยังคงพยายามต่อ ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกของเมย์นะ ถึงจะสู้กับผู้ชายที่ผมรักไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ถ้าเปรียบเทียบกับคนที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เมย์คงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม

 

     “เป็นคนรู้จักของครอบครัวน่ะ ตอนแรกเป็นเพื่อนกัน แต่ต่อมาถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วครอบครัวพวกเราสนิทกัน เขามาชอบเรา ถึงเราจะคิดกับเขาแบบเพื่อน แต่เรา... เธอก็เห็นว่าเราไม่ค่อยเปิดใจ เราคิดว่าถ้าเราไม่ได้เจอแฟน เราก็คงใช้ชีวิตเรียนไปวันๆ สุดท้ายก็คงแต่งงานกับคนที่เข้ามาใกล้เราได้มากที่สุดนั่นแหละ หรือไม่ก็อาจจะไม่แต่งงานกับใครเลยก็ได้ ตามแม่ไปอยู่เมืองนอกมั้ง?”

 

     “นายยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้นายมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

     “อืม อย่างน้อยๆ เขาก็ตื้อเราได้เกือบทุกครั้งนั่นแหละ ถึงจะน่ารำคาญไปบ้าง โดนเราหลบหน้าบางครั้ง แต่เขาก็จะกลับมาหาเราใหม่เสมอๆ แล้วก็ท่าทางสำนึกผิดอ้อนๆ แบบนั้นมันก็ทำให้เราใจอ่อน แถมเขายังรู้จักเราดีมากจนรู้ดีว่าจังหวะไหนที่เขาเข้ามาหาเราแล้วเราจะไม่ปฏิเสธ เขาทำให้เรายอมตามใจเขาได้ละมั้ง?”

 

     “งั้นถามได้มั้ยอะไรที่ผู้หญิงคนนั้นมีแล้วเราไม่มี”

 

     “เธอขาดทุกอย่างที่ไนน์มี เมย์ และไนน์มีทุกอย่างที่เธอไม่เคยมีให้เรา ถึงไนน์จะทำให้เราเซ็งบางครั้ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมไนน์ถึงทำให้เราเอ็นดูได้ตลอด ถึงแม้บางครั้งไนน์เองจะเผลอทำเรื่องจนเข้าหน้าเราไม่ติด แต่เราก็ไม่เคยถือโทษโกรธไนน์ได้เลยซักครั้ง แต่เรายอมรับว่าเธอทำให้เราโมโหอยู่หลายครั้งเลยเมย์ ถึงเราจะอดทนไว้ได้ก็จริง แต่เธอคงเข้าใจใช่มั้ย อะไรที่มันไม่ต้องทนคงมีความสุขกว่า มิหนำซ้ำเธอยังไม่เคยทำให้เรายิ้มหรือรู้สึกดีๆ ได้เลยซักครั้ง ถึงเราจะหัวเราะเวลาที่อยู่กับพวกเธอ แต่ตอนที่เธออยู่กับเราสองคน เธอไม่เคยทำให้เรารู้สึกอะไรได้เลยไม่ใช่เหรอ?”

 

     เมย์เงียบไปเหมือนกันครับ

 

     “เราอาจจะพูดแรงไป ขอโทษด้วยละกัน”

 

     “ไม่หรอก ดีแล้วล่ะที่ต้นพูดกับเราตรงๆ แบบนี้เราจะได้ตัดใจ เลิกคิดไปเองซะที”

 

     “อืม”

 

     “ต้น เราชอบนายนะ ชอบมากๆ”

 

     “ขอบคุณนะ แต่ขอรับไว้แต่มิตรภาพก็แล้วกัน เรามีคนที่เรารักอยู่แล้ว”

 

     ผมตอบเมย์ไปแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นยืนปัดทรายก่อนจะเดินหนีกลับเข้าบ้าน ผมไม่ได้ใจร้าย กลับกันผมกลับคิดว่าผมใจดีกับเมย์มากแล้ว กับคนอื่นๆ ผมเย็นชากว่านี้หลายเท่า อย่างน้อยๆ ผมก็ให้คำตอบกับเมย์ตรงๆ ซึ่งผมไม่เคยให้โอกาสใครแบบนี้มาก่อน

 

     เมื่อผมเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้งก็เจอเข้ากับบรรดาฟิสิกส์มุง ดูท่าคงรู้เรื่องที่เมย์สารภาพรักกับผมกันหมดแล้ว

 

     “ต้นแม่งโหดว่ะ เป็นกูๆ ยังไม่กล้าพูดถึงผู้หญิงคนอื่นแบบนี้เลย”

 

     “เออดิ โดนพูดแบบนั้นมันเจ็บนะเว้ยต้น เหมือนโดนด่าเลย แกน่าจะบอกปฏิเสธเมย์มันดีๆ ไงเมย์มันก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีหวัง แค่อยากสารภาพความรู้สึกกับแก”

 

     มิวนิคกับพัทสอดปากเรื่องส่วนตัวของผมทันที พวกเขาได้ยินเรื่องที่ผมพูดกับเมย์ได้ไง?

 

     “แล้วไง? จะให้เราปลอบใจว่า เธอดีเกินไปนะเมย์ แต่เราชอบผู้ชาย เป็นเพื่อนกันเถอะ แบบนั้นน่ะเหรอ”

 

     ผมพูดพร้อมกับเดินไปยึดโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะ มิน่าเมื่อกี้ตอนผมเดินเข้าบ้านถึงสวนกับป่านและแก้วที่เดินออกไป

 

     “ความคิดใคร?”

 

     “เอ่อ... พวกกูก็แค่”

 

     “ช่างเถอะ ถ้าเมย์ยอม เราก็ไม่ว่าไรหรอก”

 

     “มึงนี่โคตรโหดเลย เห็นปกติเงียบๆ ยอมเมย์มันมาตลอดแท้ๆ”

 

     “ก็นี่แหละตัวจริงเรา แล้วเราไม่คิดว่าเราโหดด้วย กลับกันเราคิดว่าเราใจดีที่สุดแล้ว”

 

     “นี่นะใจดีของมึง”

 

     “อื้ม”

 

     “แล้วถ้าใจร้ายนี่จะขนาดไหนวะแม่ง”

 

     “แล้วนายเคยเห็นเรายอมรับฟังคำสารภาพของใครมั้ยล่ะ? นายเคยเห็นเราเปิดโอกาสให้ใครมั้ย? ใครจะคิดจะรู้สึกยังไงกับเราก็ช่าง ถ้าไม่ทำให้เรารำคาญเราไม่ใส่ใจหรอก แต่ใครที่ทำให้เราอึดอัดพวกนายก็เห็นนี่ว่าเราทำยังไง เมย์เป็นคนที่สองที่มีโอกาสพูดแบบนี้กับเรา ส่วนคนแรกที่พูดน่ะเราตอบกลับไปด้วยคำโกหกว่าเรายังไม่อยากมีแฟน เพราะเรากลัวจะเสียเพื่อนทั้งๆ ที่ตอนนั้นเราคบกับแฟนเราแล้ว ถึงจะเป็นคำโกหกสีขาวแต่มันก็เหมือนให้ความหวังกัน แถมเรายังหนีห่างจากเขาอีกไม่สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน ปล่อยให้เขาทรมานอยู่กับความหวังจอมปลอม พวกนายว่าตอบปฏิเสธแบบนั้นมันดีกับคนอย่างเมย์มากกว่าจริงๆ น่ะเหรอ? ให้เมย์หวังลมๆ แล้งๆ ว่าซักวันเราอาจจะเลิกชอบผู้ชาย ซักวันเราอาจจะเห็นเมย์เป็นคนพิเศษ เราไม่อยากทำร้ายความรู้สึกใครแบบนั้นอีก บอกกันตรงๆ น่ะดีแล้ว เรามีบทเรียนจากการไม่พูดมาแล้ว และมันก็เจ็บมากเราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก ส่วนคนอื่นเราไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครได้พูดหรอก”

 

     พอพูดจบผมก็เดินหนีขึ้นชั้นสาม ง่วงอยากนอนเต็มที่แล้วครับ แต่มีตัวป่วนอีกจนได้ ไปป์วิ่งตามผมขึ้นมานอนตาแป๋วอยู่ข้างๆ

 

     “อะไรอีก?”

 

     “คนที่ต้นพูด หมายถึงแม็กซ์ใช่ป่ะ”

 

     “รู้อยู่แล้วละจะถามทำไม”

 

     “ต้นได้บทเรียนอะไรเหรอ?”

 

     “ไม่รู้ซักเรื่องได้มั้ยไปป์ เราง่วงแล้วจะนอน”

 

     “นะๆ เล่าหน่อย เราเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่เหรอ”

 

     ผมแพ้ลูกอ้อนแบบนี้ทุกที ไปป์จับทางผมเก่งขึ้นทุกวันๆ

 

     “ก็ไม่มีอะไรมาก เขาไปรู้ทีหลังว่าเรามีแฟนแล้วก็เลยทะเลาะกัน แต่มันดันเป็นการทะเลาะกันกลางห้องเรียนน่ะไปป์ นายคงคิดออกว่าถ้าถูกแฉความลับต่อหน้าคนทั้งห้องมันจะรู้สึกยังไง เราเข้าหน้าใครไม่ติดเลยช่วงนั้นมีแต่ข่าวลืองี่เง่าถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ แถมเรายังเสียเพื่อนไปอีกมองหน้ากันไม่ติด”

 

     “แต่นายก็ดีกับแม็กซ์แล้วนี่?”

 

     “อืมก็หลายอย่างนะ โชคที่แม็กซ์ทำใจได้แล้วเราเลยไม่อึดอัดอีก เลยกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”

 

     “ฟังแล้วเหมือนแม็กซ์ต้องเป็นคนง้อนายเลย นายนี่ใจร้ายชะมัด”

 

     “ก็ทำนองนั้นแหละ เราถึงคิดไงว่าตอบไปตรงๆ กับเมย์แบบนั้นดีที่สุด เชื่อสิคนอย่างเมย์ เดี๋ยวก็ตั้งตัวได้”

 

     “แล้วโอมอ่ะ ต้นจะเอาไงกับโอม”

 

     “ไม่รู้สิ มันขึ้นกับโอมจะเอาไงกับเรามากกว่า บางทีการที่โอมได้เห็นอะไรเกี่ยวกับตัวเรามากขึ้นแบบนี้โอมอาจจะเลิกชอบเราก็ได้นะ ตัวตนเราจริงๆ ไม่เหมือนกับที่แสดงออกนี่นา”

 

     “นั่นดิ ต้นเย็นชาชะมัด รู้ทั้งรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ สงสารโอมว่ะ ต้นใจร้าย”

 

     “ก็แล้วจู่ๆ จะให้เราไปบอกกับโอมรึไงว่าเรารู้นะว่าโอมชอบเราที่เป็นผู้ชาย แต่เราไม่ได้ชอบโอม เรามีแฟนแล้วเป็นผู้ชายเหมือนกัน บ้าสิ”

 

     “มันก็จริง โอมมันคงกลัวเหมือนกันแหละ เลยไม่กล้าพูดไรกับต้นได้แต่เงียบๆ แต่ถึงมันจะรู้มันก็คงไม่กล้าพูดอะไรกับต้นแล้วล่ะ ต้นเล่นดักทางมันซะขนาดนั้น ตอนอยู่ข้างล่างอ่ะจงใจพูดใช่มั้ยล่ะ?”

 

     ไปป์นี่เดาใจผมเก่งเกินไปแล้วครับ ถ้าโอมคือคนที่คิดคล้ายๆ ผม ไปป์ก็คือคนที่เดาทางผมถูกทุกอย่าง ผมจงใจพูดแบบนั้นไปจริงๆ นั่นแหละ ใครเป็นต้นคิดนะครับว่าควรสารภาพรักที่ริมทะเล ยิ่งเรื่องที่ผมชอบผู้ชายก็รู้กันทั่วแล้ว ผมละกลัวจริงๆ ประเภท “ขอแค่ได้พูดออกไปก็พอ” พวกนี้ก็ทำให้ผมอึดอัดนะครับ เพราะบางคนไม่ใช่แค่พูด แต่พูดด้วยความหวังแล้วก็รุกหนักขึ้นด้วย ผมไม่ชอบครับ รำคาญ แต่ที่ผมเลือกจะฟังเมย์เพราะเมย์เป็นคนใจแข็งครับ ผมรู้ว่าเมย์จะตัดใจได้ผมถึงกล้าเสี่ยง ส่วนโอมผมกลัวว่าผมจะพูดแล้วก็ตามติดผมมากขึ้น แบบนั้นผมจะมองหน้าโอมไม่ติดแน่ๆ  ให้โอมตัดใจเงียบๆ จะดีที่สุดครับ โอมจะได้ทำตัวเหมือนเดิม ส่วนพี่ณต ผมได้แต่หวังว่าพี่เขาจะเลิกสนใจผมซักที

 

     “รู้อีกนะ”

 

     “รู้ดิ เราเป็นแฟนคลับต้นนะ”

 

     “บ้าแล้ว แฟนคลับอะไร”

 

     “ฮ่าๆ เออ ว่าแต่บทเรียนจากการไม่พูดที่ต้นบอกว่าเจ็บนี่ มีแค่เรื่องแม็กซ์เหรอ?”

 

     “เดาเก่งเกินไปแล้วนะ”

 

     “เล่าต่อทีดิ”

 

     ผมมองไปทางบันไดดูว่ามีใครขึ้นมารึเปล่า แต่บนชั้นสามนอกจากผมกับไปป์ที่นอนคุยกันอยู่นั้นไม่มีคนอื่นครับ ผมเลยตัดสินใจเล่าให้ไปป์ฟัง นอกจากเมษแล้วไปป์เป็นคนที่สองที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอย่างหมดเปลือก

 

     “ก็... นายรู้เปล่า เซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเราคือการถูกแฟนตัวเองข่มขืน”

 

     “เฮ้ย จริงดิ!”

 

     “อืม เราไปหาแม็กซ์ที่ห้อง ตั้งใจจะไปขอโทษแล้วก็คุยกันดีๆ แต่เผอิญทะเลาะกัน พี่ชัชแอบตามมาได้ยินพอดี พี่ชัชรู้เรื่องที่เราเคยจะนอนกับแม็กซ์เพื่อประชดพ่อ พี่ชัชโกรธมากก็เลยทำร้ายเราแบบนั้น”

 

     “โห อย่างกับในละคร! นายเป็นนางเอกรึไงต้น”

 

     “ไม่หรอก พอดีวันนั้นเป็นวันเกิดเราน่ะ พี่ชัชเลยกะจะมาเซอร์ไพรส์ เราไม่รู้ว่าพี่ชัชมารอรับเราเลยโกหกไปว่ากลับเอง แล้วมันก็เกิดเรื่องอย่างที่เล่าไปนั่นแหละ”

 

     “แล้วนายทำไงอ่ะ”

 

     “หนีออกจากบ้านสิ ห้องก็อยู่ติดกันแม่เราก็ไม่อยู่เราเลยไม่กล้ากลับบ้าน เราเสียใจมากเลยนะที่เขาทำแบบนั้นกับเรา เราเลยไม่อยากเห็นหน้าเขา”

 

     “แล้วนายสองคนคืนดีกันยังไงอ่ะ”

 

     “พอดีวันที่เขามาตามเรากลับ รถที่เรานั่งไปกับพี่เขาโดนชนน่ะ เราเกือบตาย แต่ว่านะ... แม้แต่ตอนที่เรากำลังจะตายเรายังนึกเลยว่ายังไม่ได้เคลียร์กับพี่ชัช ไม่อยากตายไปทั้งๆ แบบนั้น เรานึกถึงแต่พี่เขา เราก็เลยรู้ตัวละมั้งว่าเรารักเขามาก แล้วพอเราฟื้นขึ้นมาได้ พี่เขาก็มาขอโทษแล้วก็ขอให้เราให้อภัย เราก็เลยให้อภัยพี่เขาเพราะเราอยากใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด เรากลัวตายกลัวจะเสียพี่เขาไปกลัวจะใช้เวลาในชีวิตไม่คุ้มค่าละมั้ง”

 

     “น่าสงสารว่ะ”

 

     “แล้วนายรู้มั้ย ทำไมอาร์มถึงได้คอยดูแลเราขนาดนั้น”

 

     “ทำไม? เรื่องนี้เกี่ยวไรกับอาร์มด้วยเหรอ?”

 

     “เกี่ยวสิ เพราะอาร์มเป็นคนที่บอกแม็กซ์ว่าเห็นเรากับแฟน อาร์มเลยโทษตัวเองมาตลอดว่าถ้าครั้งนั้นอาร์มไม่พูดมาก บางทีเรากับแม็กซ์ก็อาจจะไม่ได้ต้องทะเลาะกัน แล้วเรากับแฟนก็จะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน อาร์มเลยรู้สึกผิดกับเรามาตลอดจนคอยดูแลเราอยู่แบบนั้น แล้วไปๆ มาๆ ก็ซี้กันอย่างที่นายเห็นนั่นแหละ เราแพ้ทางคนแบบอาร์มอยู่แล้ว”

 

     “แบบเราด้วยใช่ป่ะ?”

 

     “มั้ง แต่อาร์มเป็นผู้ใหญ่กว่านายเยอะ ส่วนนายก็เจ้าเล่ห์กว่าอาร์ม”

 

     “ขอบใจที่ชม ฮ่าๆ”

 

     ผมกับไปป์คุยกันอีกนิดหน่อยก่อนที่ผมจะเพลียง่วงแล้วก็หลับไป ไปป์นี่ช่างคุยจริงๆ เลยครับ ผมรู้เลยที่เขาบอกว่าพูดจนลิงหลับเป็นยังไง แต่ผมไม่ใช่ลิงหรอกนะครับ!

 

     รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้วครับ โอมนั่งอยู่ข้างๆ ผม กำลังสะกิดผมอยู่

 

     “ต้นไหวมั้ย ป่านให้เรามาตามนาย”

 

     “กี่โมงแล้วโอม?”

 

     “สิบโมงกว่าแล้ว”

 

     “อ้าว ทำไมเราไม่ปลุก แล้วนี่คนอื่นๆ”

 

     “เห็นไปป์บอกว่าเมื่อคืนนายดูเพลียๆ นายกินยาก่อนนอนด้วยนี่ พวกเราเลยไม่อยากปลุก เมื่อเช้าพวกนั้นมันกินอะไรรองท้องกันก่อนแล้ว แต่... เราเป็นห่วงต้นเลยมาดู”

 

     “เราดีขึ้นแล้วล่ะ ไม่เป็นไรมากแล้ว ขอบใจนะโอม”

 

     “อื้ม”

 

     โอมยิ้มให้ผมซื่อๆ ตามปกติ ผมคิดว่าโอมคงตัดใจจากผมแล้ว เห็นแบบนี้แล้วผมก็สบายใจครับ ผมไม่ห้ามถ้าโอมยังจะชอบผมต่อ แต่ผมสบายใจที่รู้ว่าโอมจะไม่รุกผมต่อก็แค่นั้น

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

 

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page