
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ต้นน้ำ
แค่เศษข้าวผัดไม่พอยาไส้ไอ้พวกผีโหยข้างนอกจริงๆ ครับ ตอนเช้าก็ซัดกันขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ยังจะหิวอะไรกันอีก ผมมองจำนวนไข่ในแพ็คที่เหลืออยู่ไม่กี่ใบแล้วตัดสินใจโทรหาสาวๆ ทันที ผมฟังรายการของสดที่พวกนั้นซื้อมาแล้วก็สั่งเพิ่มไปเยอะเหมือนกัน เดาว่าอาจจะต้องเก็บกองกลางเพิ่มกันซะหน่อยแล้ว เพราะมีพวกกินล้างกินผลาญอยู่เยอะ ทำไงได้ ผู้ชายทั้งแก๊งค์นี่ครับ
แล้วตอนเที่ยงกว่าๆ สามสาวก็กลับมาถึงบ้านพักจนได้ ไม่รู้ไปถึงไหนมา ช้าจริงๆ เลยครับ ผมมองของที่สั่ง มื้อเที่ยงนี้คงต้องหาอะไรแบบด่วนๆ ให้พวกมันกันก่อนแล้ว โชคดีที่ในกลุ่มมีผู้หญิงอยู่บ้าง เราเลยแบ่งหน้าที่กันครับ เมนูง่ายๆ กินกันตายอย่างผัดผัก ไก่ชุปแป้งทอด น้ำพริกกะปิกับผักชุบไข่ทอด ถูก ปรุงง่าย ได้คุณค่า ประหยัดเวลา เหมาะมากๆ กับสถานการณ์ครับ
โชคดีนะครับ ที่ผมไปขอยืมครกมาแล้ว ป้าแกบอกว่าที่นี่มีคนมาพักแบบครอบครัวบ่อย บางคนก็ชอบทำน้ำจิ้มซี้ฟู๊ดเอง โขลกพริกกระเทียมเอง แกเลยมีครกเล็กๆ ไว้ให้ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่โอถึงแนะนำมาพักที่นี่ แม้จะไกลความสะดวกสบายอยู่บ้างเดินตั้งไกลกว่าจะถึงที่เที่ยว หาดทรายก็ใช่ว่าจะสวย แต่มันสะดวกสบายและราคาประหยัดครับ เหมาะกับแก๊งค์เรื่องมากแบบพวกเรา
โอมช่วยผมหุงข้าว ในขณะที่ป่านกับแก้วช่วยกันจัดการกับผัก ผมบอกสองสาวว่าอันไหนที่จะเอาชุบไข่ทอดให้พวกเธอแยกไว้ เดี๋ยวผมจะทอดเอง ส่วนเมย์ก็กำลังหมักไก่กับแป้งชุบทอดอยู่ครับบอกว่ามีสูตรเด็ด ส่วนผมน่ะเหรอโขลกน้ำพริกน่ะสิครับ แล้วผมก็กำลังเขินมากๆ ด้วยเพราะพวกเราตื่นกันหมดแล้ว มีคนแวะเวียนมาวุ่นวายในครัวพอสมควร คนที่พอมีประโยชน์ช่วยได้มันก็มีครับ แต่ไอ้พวกไร้ประโยชน์แล้วยังถ่วงแข้งถ่วงขาสิเยอะกว่า ก็พวกมันมาหาเรื่องแซวผมซะงั้น ผู้ชายทำกับข้าวมันประหลาดมากรึยังไงครับ แล้วใครเขาโขลกน้ำพริกบนโต๊ะกัน ผมก็ต้องนั่งกับพื้นโขลกสิ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้นั่งพับเพียบซะหน่อย ทำไมต้องแซวกันขนาดนั้นก็ไม่รู้
“เฮ้ย รำคาญว่ะ เกะกะ พวกแกออกไปก่อนเลย ครัวแคบจะตาย มาอัดกันอยู่นั่นแหละ ไม่เคยเห็นคนทำกับข้าวเหรอ”
ในที่สุดป่านก็ทนไม่ไหวครับ ไล่ตะเพิดไอ้พวกนั้นออกไปหมด แม้แต่โอมที่ไม่รู้จะช่วยอะไรแล้วยังออกไปเลยครับ เหลือแต่ผมนี่แหละ
น้ำพริกกับผัดผักเสร็จแล้ว เหลือแต่ทอดผักชุบไข่กับทอดไก่ ผมกำลังล้างกระทะให้เมย์อยู่ เพราะมีกระทะอยู่ใบเดียว แต่สงสัยเมย์คงใจร้อนเกินไป เช็ดกระทะยังไม่ทันแห้งดีก็เอาตั้งไฟใส่น้ำมัน มันก็ปะทุขึ้นมาน่ะสิครับ น้ำมันกระเด็นวี๊ดว๊ายกันได้แผลพองๆ ไปคนละตุ่มสองตุ่มกับป่าน
“เมย์กับป่านไปหายาใส่เหอะ เดี๋ยวเราทำต่อเอง เหลือแต่ของทอดไม่กี่อย่าง นิดเดียว”
“จะดีเหรอต้น นายไหวเหรอ มันกระเด็นมากเลยนะเว้ย”
“อืม เราไม่เป็นไรหรอก รีบพาเมย์ไปทำแผลเหอะ”
แล้วก็เหลือผมกับแก้วเป็นทัพหน้ารบกับน้ำมันเดือดๆ ในกระทะต่อครับ แย่ชะมัด วันนี้ผมใส่เสื้อไม่มีแขนด้วย แต่เอาเถอะครับ ผู้ชาย นิดๆ หน่อยๆ คงไม่เป็นไรมาก ดีกว่าให้พวกผู้หญิงเจ็บตัว แล้วอีกอย่างผมชินกับน้ำมันกระเด็นพวกนี้แล้วครับ ตอนฝึกทำอาหารทานเองใหม่ๆ เจ็บกว่านี้เยอะ เพราะตอนนั้นผมยังเด็กยกกระทะไม่ค่อยไหว ลำบากกว่านี้เยอะครับ
ยังดีที่แก้วเองก็ใจเย็น เราเลยช่วยกันทำเมนูที่เหลือได้ไม่ยาก ไม่นานนัก ไก่ทอดหอมๆ ก็สุก ส่วนสารพัดผักชุบไข่ทอดเครื่องเคียงน้ำพริกนั้นมีคนมายกไปเสริฟนานแล้วครับ ตอนที่ผมยกจานไก่ทอดออกมานั้นก็พบว่า ไอ้พวกผีโหยมันตั้งวงโซ้ยกันไปแล้ว
พอพี่ณตเห็นผมทำหน้าเซ็งๆ ก็ยิ้มให้ผมทันที
“เอ้าๆ แม่ครัวเอกมาแล้ว ขอที่ให้ต้นหน่อย”
พี่ณตขยับที่ให้ผมนั่งข้างๆ พี่เขา แต่ไม่เอาหรอกครับ ผมแกล้งเดินไปวางจานตรงกลางโต๊ะก่อนจะไปรับจานข้าวจากไปป์ที่คงจะตักเผื่อไว้ให้ผมนานแล้ว เพราะข้าวเย็นชืดมากๆ
“ขอบคุณนะ”
ผมพูดขอบคุณแล้วก็เนียนนั่งลงข้างๆ ไปป์
“เฮ้ยต้น มึงทำอาหารอร่อยดีว่ะ มาเป็นเมียกูป่าว มีมึงเป็นแม่บ้านให้นี่คงสบายไปทั้งชาติเลย ทำไรก็เก่งมึงยังเป็นคนอยู่ป่าววะ”
จู่ๆ พัทก็พูดแซวผมแบบนั้น เล่นเอาขำไม่ออกกันรอบวงเลยครับ ผมรู้นะว่าพัทแค่ตั้งใจแซวเล่นๆ แต่ว่าผมคงมีชนักปักหลังไว้มั้งครับ เลยรู้สึกข้าวมันฝืดๆ คอพิกล
“ขอบใจนะ แต่เรายังไม่คิดจะเปลี่ยนแฟน”
ผมจำได้ว่าผมตอบไปแบบนั้น แล้วก็ยิ้มให้พัท หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวครับ พอทานเสร็จผมก็ขอตัวไปพักผ่อนบ้างล่ะ ผมมาเที่ยวนะ ไม่ได้มาเป็นคนใช้พวกมัน ให้พวกมันแบ่งเวรล้างจานกันเองบ้างเถอะครับ ผมตัดสินใจหนีไปเดินเล่นที่หาดเงียบๆ คนเดียว มันถึงเวลาแล้วรึเปล่านะ ที่ผมควรจะยอมรับกับเพื่อนคนอื่นๆ ว่าผมชอบผู้ชาย
ไม่ใช่ว่าผมอายที่ตัวเองเป็นเกย์ เพียงแต่ผมไม่มั่นใจ ผมก็แค่กลัว ไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปแล้วเพื่อนๆ จะมีปฏิกิริยายังไง จะรับได้เหมือนไปป์รึเปล่า หรือจะรังเกียจผม? บางคนอาจจะล้อเลียนเห็นผมเป็นตัวประหลาดก็ได้ แล้วไหนจะโอมอีก ผมไม่อยากให้ช่วงเวลาดีๆ ที่ผมมีเพื่อนแบบนี้จบลง ผมยังอยากมองหน้าเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มของผมได้อยู่ ... ไม่สิ ผมยังอยากเป็นเพื่อนกับทุกๆ คนในคณะนั่นแหละ ถึงผมจะเคยชินกับความโดดเดี่ยว ถึงผมจะมีเมษ แม็กซ์ และอาร์ม แต่ผมก็กลัวที่จะไม่มีใคร ผมอาจจะไม่ได้สนิทกับคนอื่นๆ ในคณะมากนัก แต่ถ้าวันนึงกลายเป็นเหตุการณ์แบบที่ผมต้องทนอยู่ภายใต้สายตาหรือท่าทีที่เฉยชาจากคนอื่นๆ แล้วละก็ผมคง....
“ต้นอยู่นี่เอง”
โอมเดินมาขัดจังหวะความคิดผม ทำให้ผมรู้สึกตัว ผมเดินมาไกลเหมือนกันแฮะ
“ต้นหายมานาน เราเลยเป็นห่วง”
“เดินเล่นน่ะ”
ผมยิ้มให้โอมแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไร โอมเองก็ไม่ได้พูดอะไร เรานั่งมองทะเลกันอยู่เงียบๆ แบบนั้นซักพักนึง เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ไปป์โทรมาตามครับ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องยุ่งๆ ที่บ้านพักอีกแล้ว ผมเลยชวนโอมเดินกลับบ้านพัก
“มีไรเหรอไปป์?”
“เชี่ยนันแม่งทำจานแตกอ่ะต้น”
“ไอ้ขี้ฟ้อง”
เซ็งครับ
“เลิกเถียงกันเป็นเด็กๆ ได้แล้วน่า เดี๋ยวตอนเช็คเอ้าท์ก็บอกป้าเขาละหักกองกลางละกัน”
“ไรว้า กูไม่ได้ทำอ่ะ นี่ป่านก็บอกว่ามึงจะเก็บกองกลางเพิ่มอีกเพราะตังค์ค่ากับข้าวไม่พอ มึงใช้ไปไปนักหนาวะ แถมต้องไปจ่ายค่าจานให้นันมันอีก”
ผมขึ้นทันทีเลย โมโหนะครับ ผมหันไปทางทางโค่แล้วก็สวนกลับแบบนิ่มๆ
“ผมก็ไปซื้อของมาให้พวกคุณกินกันไง ดูซะมั่งสิครับว่ากินกันกี่คน ค่ากองกลางที่ผมใช้ไปจนถึงตอนนี้นอกจากค่ารถแล้วก็มีแต่ค่าอาหารที่พวกคุณกินกันนั่นแหละ ของแถวนี้มันไม่ได้ถูกนะครับ ป่านก็ทำรายการอยู่ ถ้าคุณคาใจจะดูก็ได้พวกเราจดไว้หมด ส่วนขนมพวกนั้นกับเบียร์ที่คุณเห็นน่ะเงินพวกพี่ณตครับ ทีคุณยังกินไม่จ่ายเลย อย่าเห็นแก่ตัวให้มันมากนักเลยโค่”
“โดนเลยมึง เงียบๆ ก็ดีอยู่แล้ว”
“ไม่ตลกครับมิวนิค มีใครมีปัญหาอะไรอีกมั้ยครับจะได้เคลียร์กันไปเลย ใครไม่เต็มใจจ่ายก็ตามสบายครับ เพื่อนคนอื่นๆ ที่เต็มใจจ่ายเต็มใจจะควักเนื้อเผื่อเพื่อนคนอื่นๆ ที่มาเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว”
ผมโมโหนะ เรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้ทำคนตีกันมาเยอะแล้ว แล้วก็เพื่อนจะแตกคอกันได้ง่ายที่สุดก็เรื่องนี้แหละครับ เรารู้ได้ไม่ยากหรอกว่าใครเห็นแก่ตัวและใครเป็นพวกไม่คิดมาก ใครที่ไม่ได้เห็นแก่ตัวแต่ก็ไม่รู้จักยอมเสียสละให้คนอื่นสนแต่สิทธิ์ของตัวเอง!
“แรงไปแล้วมั้งต้น พวกกูก็ไม่ได้จะไม่จ่าย แค่สงสัยว่าเงินรอบแรกที่เก็บไปทำไมมันหมดไว”
อัฐพูดเตือนสติผม
“ขอโทษ เราโมโหมากไปหน่อย เดี๋ยวเราไปเอาบัญชีมาให้พวกนายดู ป่านเธอเอาส่วนที่เธอใช้เมื่อตะกี้มาด้วยนะ”
ผมบอกป่านไปแบบนั้นแล้วเราก็ไปชั้นสองกันครับ แต่พอดีทางที่ผมจะเดินมีเอกนั่งขวางอยู่ ผมก็เลยเอามือไปสะกิดบอกให้เอกขยับ แต่เอกกลับปัดมือผมออกอย่างแรง
“เหี้ย อย่ามาโดนตัวกู”
ผมช็อก เกิดความเงียบไปชั่วขณะ ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก ช่างหัวมันเถอะครับ สิ่งที่ผมควรทำตอนนี้คือเดินขึ้นไปหยิบใบรายการบัญชีรายรับรายจ่าย ผมพยายามบอกตัวเองแล้วก็ฝืนส่งยิ้มไปขอโทษเอก
“โทษที ขอเดินผ่านหน่อย”
พอผมเคลียร์เรื่องบัญชีเสร็จแล้วผมก็ขอตัวจากคนอื่นๆ ครับ ผมกำลังรู้สึกแย่สุดๆ ผมเลยหนีขึ้นไปชั้นสาม ไปนั่งเล่นอยู่ตรงนั้น เพราะห้องข้างบนนี่ร้อน ส่วนใหญ่คนอื่นๆ นั่งเล่นกันอยู่หน้าบ้าน ไม่ก็คงสุมกันอยู่ห้องแอร์ชั้นสอง ไม่มีใครเข้าหน้าผมติดหรอกครับในเวลาแบบนี้ นิสัยแย่ๆ ที่ชอบโมโหแล้วพูดจาแรงๆ ยังแก้ไม่หายซักที ผมไม่น่าประชดเพื่อนๆ ไปแบบนั้นเลย แล้วไหนจะยังเอกที่...
“ร้องไห้ทำไมต้น”
“พี่ณต”
“เครียดไร ขำๆ น่า พวกมันก็จ่ายกันครบแล้วนี่ ต้นไม่ต้องคิดมากหรอก”
“เปล่าครับ”
นี่ผมเผลอน้ำตาไหลอีกแล้วเหรอเนี่ย แถมยังโดนพี่ณตเห็นด้วย อุตส่าหลบมาอยู่บนนี้แล้วแท้ๆ ยังจะตามขึ้นมาอีก พี่ณตเดินมานั่งข้างๆ ผมตรงระเบียงเล็กๆ นั่น คงเป็นเพราะระเบียงที่เล็กเกินไป เราเลยต้องนั่งชิดกัน วันนี้ผมใส่เสื้อไม่มีแขนซะด้วย แขนของพี่ณตก็เลยแนบอยู่กับผิวผม ขนลุกครับ
“ข้างบนนี่ร้อนเนอะ ไม่ไปนอนห้องแอร์กับพี่อ่ะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ห้องนั้นเล็ก อยู่กันตั้งเยอะแล้ว เบียดกันแย่”
ผมตอบพี่ณตไปแบบนั้นแต่ในใจกำลังคิดหาทางออกว่าจะหนียังไงดี ผมไม่อยากอยู่กับพี่ณตสองต่อสองในสถานการณ์แบบนี้ครับ มันอึดอัด น่ารำคาญ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่อยากลงไปเจอคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++