top of page

The story after that. - ต้นน้ำ

     ผมกำลังหลับเพลินๆ อยู่เลยครับ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงอ้อมกอดที่โอบผมเข้าไปรัด สงสัยพี่ชัชจะกลับมาแล้วมั้งครับ ช่วงนี้พี่ชัชงานยุ่งกลับดึกเกือบทุกวัน ถ้าคืนไหนที่พี่ชัชกลับดึกมากๆ ผมก็ไม่รอหรอกครับเพราะมีเรียนเช้า กลิ่นสบู่จางๆ ที่คุ้นจมูกผมกับผิวเนื้อเย็นๆ จากการอาบน้ำบอกให้รู้ว่าคนที่กำลังทำตัวเป็นผีอำผมอยู่คือแฟนผมเอง

 

     “อื้อ พี่ชัช”

 

     “กลับมาแล้วครับ”

 

     พี่ชัชหอมผมเบาๆ แล้วก็ทำท่าจะนอนกอดผมทั้งคืนซะงั้น เอาเถอะครับปล่อยๆ ไปซักคืนก็ได้ ก็แฟนผมอุตส่าอ้อนซะขนาดนี้แล้ว แต่ปกติแล้วผมไม่ชอบนอนกอดกันแบบนี้เท่าไหร่หรอกครับ พี่ชัชนอนดิ้นมาก

 

     ผมรู้สึกตัวตื่นราวๆ ตอนตีห้า แต่เสียงนาฬิกาปลุกของผมทำอะไรพี่ชัชไม่ได้หรอกครับ แฟนผมนอนดิ้นเลื้อยไปไกลแล้ว โดยที่แขนข้างนึงยังอยู่ใต้หลังของผมอยู่เลย แต่ขาอีกสองข้างกับแขนข้างที่เหลือนี่ชี้ไปคนละทิศละทาง เป็นคนกอดผมก่อนแล้วก็นอนดิ้นจนมีสภาพแบบนี้ทุกที แล้วการเป็นฝ่ายถูกกอดแบบนี้ใช่ว่าจะหลับสบายนะครับ บางทีตื่นมาปวดหลังก็มี เหมือนอย่างผมตอนนี้ยังไงละครับปวดหลังเป็นบ้าเลย

 

     ผมขยับตัวลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพราะกลัวจะทำให้พี่ชัชตื่น เวลาที่พี่ชัชนอนไม่พอแล้วจะนิสัยงี่เง่ามากครับ ผมคว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมตัวอาบน้ำ เช้านี้ผมมีเรียนวิชายากๆ ด้วย แค่คิดถึงหน้าอาจารย์คนสอนที่ไม่ค่อยจะสนใจว่าลูกศิษย์จะตามทันมั้ยผมก็เซ็งแล้ว

 

     ผมล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำตามปกติเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละครับ เอ๊ะแต่พอดูดีๆ แล้วโกนหนวดซักหน่อยดีกว่า ถึงผมจะไม่ค่อยมีขนหน้าแข้งหรือขนตรงส่วนอื่นมากเท่าไหร่แต่ยังไงเสียผมก็เป็นผู้ชายนะครับ เรื่องหนวดเครามันก็ต้องมีบ้าง แต่หนวดผมเป็นเส้นเล็กๆ ขึ้นไม่หนามากแถมยังกระจุกเป็นหย่อมๆ ไม่แผ่เป็นปื้นแบบผู้ชายคนอื่นๆ เขา ถ้าปล่อยให้ยาวแล้วไม่โกนผมรู้สึกว่ามันดูไม่เรียบร้อยครับ แต่คงไว้หนวดตามเทรนแฟชั่นไม่ได้แน่ๆ

 

     พอผมอาบน้ำเสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินกลับเข้าห้องนอนครับ  ถึงคอนโดนี้ห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัว แต่มันก็เป็นห้องน้ำขนาดพอประมาณเองครับ ไม่ใหญ่มากขนาดที่มีพื้นที่ให้ยืนแต่งตัวในนั้นได้ แล้วบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเล็กๆ นั่นก็มีแต่ของใช้ของพี่ชัชกับผมเต็มไปหมด แต่ก็เอาเถอะครับ คอนโดขนาดสองห้องนอนที่พอจะมีพื้นที่กว้างขวางขนาดนี้ก็ใช่ว่าหาได้ง่ายๆ นะครับ แถมยังมีระบบสาธารณูปโภคครบด้วย

 

     พูดถึงเรื่องคอนโดนี้แล้วก็นึกขึ้นได้ ห้องที่ผมเคยอยู่กับแม่เมื่อก่อนนั้นแม่โอนกรรมสิทธิ์ให้ผมแล้วครับ แต่ห้องนี้ที่ผมอยู่กับพี่ชัชนั้นเมื่อก่อนเป็นห้องที่พี่ชัชกับพี่ฟ่างช่วยกันเก็บเงินซื้อ ถึงจะผ่อนหมดแล้วเป็นชื่อพี่ชัชก็จริงแต่พี่ชัชก็ต้องจ่ายเงินคืนให้พี่ฟ่างไปเหมือนกันครับ ผมไม่รู้ว่าพี่เขาตกลงกันยังไงแต่ก็คงคุยกันได้ด้วยดีมั้งครับ

 

     คงเพราะคิดอะไรเพลินๆ รู้ตัวอีกทีผมก็แต่งตัวเกือบเรียบร้อยแล้วครับเหลือแต่ผูกไทด์ จะว่าไปตอนที่ผมต้องใส่ชุดนิสิตเต็มยศแล้วผูกไทด์เองครั้งแรกนั้นพี่ชัชก็เป็นคนสอนผมครับ แต่วิธีสอนของพี่ชัชนั้นทำเอาผมใจเต้นไปพอสมควรเลย เพราะพี่ชัชให้ผมยืนอยู่ข้างหน้าแล้วก็สอนวิธีผูกไทด์ด้วยตัวเองให้ในระยะประชิดแบบนั้น มันเขินนะครับ

 

     แต่เพราะแฟนผมอ้างว่าผูกให้คนอื่นไม่เป็นๆ แต่ผูกเองเลยต้องสอนด้วยท่านั้น เล่นเอาผมไม่มีสมาธิเลยเพราะมัวแต่อาย ก็ตอนนั้นผมยังเด็กๆ อยู่เลยนี่ครับยังไม่ชินชากับความหื่นของพี่ชัชหรอก ส่วนตอนนี้นะเหรอครับ เฉยๆ แล้วครับ อยู่กับพี่ชัชนานๆ เข้าระดับภูมิต้านทานในตัวผมมันก็สูงตามไปเองแหละครับ นึกถึงตัวเองเมื่อก่อนที่ขี้อายขนาดหนักแบบนั้นแล้วก็อายตัวเองชะมัดเลย

 

     เสียงพลิกตัวดังมาจากบนเตียงผมหันไปมองดูว่าแฟนของผมตื่นแล้วหรือยัง ปรากฏว่าพี่ชัชยังไม่ตื่นครับ แค่ดิ้นเฉยๆ แต่ใกล้หกโมงแล้ว ถ้าพี่ชัชไม่ตื่นตอนนี้ละก็อาบน้ำแต่งตัวไม่ทันแน่ๆ ครับ ออกหลังเจ็ดโมงรถติดสุดๆ เชียวนะครับ พอผมแต่งตัวเสร็จก็เลยตัดสินใจปลุกพี่ชัช

 

     “พี่ชัชครับ ตื่นเถอะครับ หกโมงแล้ว”

 

     “อือ”

 

     “อือก็ตื่นสิครับ”

 

     ผมพูดพลางเขย่าตัวพี่ชัชเบาๆ ผมรู้ดีว่าผมยังต้องใช้ความพยายามอีกเยอะครับ

 

     “ขออีกห้านาทีนะต้น”

 

     “ไม่ได้ครับ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”

 

     “ตื่นได้แล้วครับ”

 

     “พี่ชัชอ่ะ อย่าขี้เกียจสิครับ”

 

     “พี่ชัชครับ ลุกได้แล้วครับ”

 

     “ไม่ตื่นเดี๋ยวผมไม่อยู่ปลุกแล้วนะครับ”

 

     “คร้าบๆ ตื่นแล้วคร้าบ”

 

     เฮ้อ กว่าจะตื่น เล่นเอาผมเปลืองน้ำลายไปเยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย พอมานั่งนึกดูแล้วนี่ผมต้องเหนื่อยปลุกผู้ชายขี้เซาคนนี้มาตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมาเลยเหรอเนี่ย พี่ชัชนี่เกินเยียวยาแล้วครับ พอมีผมมาอยู่ด้วยแล้วก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยเกินไปแล้ว หรือเพราะผมเอาใจพี่ชัชมากเกินไปนะ? ผมควรจะเลิกบริการพี่ชัชซักอาทิตย์ดูดีมั้ยครับ?

 

     อ๊ะ.... เหมือนผมจะบ่นพี่ชัชอีกแล้วสินะครับ อย่าถือสาผมเลย คือ... คนเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีบ้างแหละครับที่เกิดเบื่อข้อเสียของกันและกันขึ้นมาแบบนี้ เพียงแต่ถึงผมจะหงุดหงิดหรือบ่นว่าพี่ชัชในใจขนาดไหนยังไงผมก็ยังทำทุกอย่างให้เขาอยู่ดีนั่นแหละครับ ก็ทำไงได้มันรักไปแล้ว

 

     พี่ชัชลุกขึ้นจากที่นอนกระเด้งตัวมาจูบผมแบบไม่ทันตั้งตัว

 

     “ตื่นละครับ ต้นนี่ขี้บ่นเป็นบ้าเลยว่ะ”

 

     เมื่อกี้? พี่ชัช... เมื่อกี้พี่ชัชว่าผมนี่ครับ! พี่ชัชหาว่าผมขี้บ่น

 

     “พี่ชัชอ่ะ”

 

     พี่ชัชบ้า! คิดว่าผมขี้บ่นขึ้นเพราะใครกันละครับ ใครกันที่ชอบทำให้ผมต้องบ่นปากเปียกปากแฉะ เมื่อก่อนผมไม่ใช่คนแบบนี้ซักหน่อย!

 

     เพราะไม่สามารถระบายอารมณ์ใส่คนที่อยู่ในห้องน้ำได้ผมก็เลยมาลงกับกาแฟในแก้วแทน ตอนที่พี่ชัชแต่งตัวเสร็จอาหารเช้าก็พร้อมแล้วครับ เหมือนพี่ชัชจะรู้ตัวว่าผมงอนก็เลยรีบมาอ้อนผมด้วยการขโมยหอมแก้ม เช้านี้ผมโดนพี่ชัชลวนลามแล้วสองที!

 

     “มีไรทานมั่งครับเนี่ย”

 

     “ไส้กรอกทอด ไข่ดาวกับขนมปังปิ้งครับ แต่แยมหมดนะครับ ทานกับเนยอย่างเดียวก่อนได้มั้ยครับ?”

 

     “อื้อ งั้นเย็นนี้เราไปซื้อของกันป่ะ?”

 

     “อ้าว วันนี้พี่ชัชไม่ออกต่างจังหวัดเหรอครับ?”

 

     “ไม่อ่ะวันนี้พี่เข้าออฟฟิศ คงเลิกบ่ายๆ แหละ”

 

     ตารางงานพี่ชัชนี่บางทีก็เปลี่ยนเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยครับ หรือผมจะชินซะแล้วกับการที่แฟนตัวเองกลับบ้านดึกๆ หรือบางวันก็ไม่ได้กลับ แต่น่าเสียดายที่วันนี้ผมไม่ว่าง

 

     “เอ่อ ผม... เย็นนี้ผมมีนัดแล้วครับ”

 

     “เหรอ? ไปไหนอ่ะ ขากลับให้พี่ไปรับมั้ย?”

 

     “ไม่ต้องหรอกครับ ผมนัดกับแม็กซ์เอาไว้ เดี๋ยวแม็กซ์คงมาส่งครับ”

 

     พี่ชัชชะงักไปนิดหน่อยแต่แล้วก็ทานอาหารเช้าต่อเหมือนไม่ใส่ใจ พี่ชัชไม่ค่อยชอบใจที่ผมไปกับแม็กซ์เท่าไหร่ผมรู้

 

     “งั้นพี่หาไรกินนอกบ้านเลยละกันนะ ต้นจะได้ไม่ต้องห่วงพี่”

 

     “ครับ”

 

     พอเราจัดการมื้อเช้าเสร็จพี่ชัชก็ขับรถไปส่งผมขึ้นรถไฟฟ้าครับ ผมยกมือไหว้ลาพี่ชัชก่อนจะลงจากรถเหมือนทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะเพราะท่าทางหงอยๆ ของพี่ชัชมั้งครับผมก็เลยขยับตัวไปหอมแก้มพี่ชัชเบาๆ หนึ่งที พี่ชัชยิ้มให้ผมแล้วก็ขยี้หัวผมเป็นการบอกว่า “ไม่เป็นไร” โชคดีนะครับที่รถพี่ชัชติดฟิล์มกรองแสงค่อนข้างมืด ผมถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้

 

     การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไม่ใช่แค่ทำให้ภูมิต้านทานความลามกของผมสูงขึ้นนะครับ ยังช่วยลดความเขินอายของผมลงไปเยอะทีเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเรื่องให้เป็นฝ่ายกระทำก่อนแบบนี้ผมไม่กล้าหรอกครับ แต่อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้วจะมานั่งเหนียมอายอะไรอีกก็ไม่ไหวแล้วครับ ถ้าผมตามพี่ชัชไม่ทันผมจะแย่เอา

 

     เพราะพี่ชัชขี้โมโหมากๆ เจ้าอารมณ์พอสมควร แล้วก็ขี้หึงสุดๆ ถึงจะเพราะสัญญาที่เคยให้ไว้กับผม พี่ชัชก็เลยไม่เคยอาละวาดใส่ผมอีก แต่บางครั้งสังเกตสีหน้าเอาก็รู้ครับว่าพี่ชัชไม่พอใจ เพียงแต่พี่ชัชไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวผมโกรธ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีบ้างที่ผมต้องคอยหาวิธีเอาใจแฟนของผม

 

     ละผมสังเกตดูแล้วก็พบว่าพี่ชัชชอบให้ผมอ้อนมากๆ ถ้าผมออเซาะพี่ชัชหน่อยละก็เดี๋ยวพี่ชัชใจอ่อนทุกทีนั่นแหละครับ เพราะพี่ชัชรู้ดีว่าผมทำแบบนี้กับพี่ชัชคนเดียว พอพี่ชัชรู้ว่าตัวเองสำคัญที่สุดสำหรับผมแล้วก็หายโกรธยิ้มออกมาได้ทุกทีครับ โชคดีที่แฟนผมไม่ใช่พวกคิดมาก หลอกง่ายดีครับ เหมือนด็กๆ ที่ต่อให้โมโหอะไรมาก็ตามแต่พอหายโมโหแล้วก็จะลืมทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

 

     ผมไปเรียนตามปกติครับยังคงอยู่กลุ่มเดียวกับแก๊งค์ของผมเหมือนเดิม ถึงแม้ผมกับเมย์จะมองหน้ากันน้อยลงแต่เราสองคนก็ยังนั่งโต๊ะม้าหินร่วมกันอยู่ดี ก็แค่พูดคุยกันน้อยลงมั้งครับ โชคดีที่บ่ายนี้ผมไม่มีเรียนแล้วก็นัดกับแม็กซ์ไว้แล้วพอเรียนเสร็จผมก็เลยนั่งรอแม็กซ์ไม่ได้ไปทานข้าวกลางวันกับเพื่อนคนอื่นๆ

 

     “ไม่ไปกินข้าวเหรอต้น?”

 

     ไปป์ที่ไม่ได้ไปทานข้าวกับเพื่อนคนอื่นๆ ในแก๊งค์เดินมาทักผมที่นั่งอยู่คนเดียว ผมว่าจะรอแม็กซ์ครับก็เลยไม่ได้ไป ส่วนไปป์นี่คงไปทานข้าวกับสาวมาแล้วมั้งครับ เพราะพอหมดคาบปุ๊ป เจ้าตัวก็หายแว๊บออกจากห้องเรียนทันที

 

     “ไม่อ่ะ เรารอเพื่อนเราอยู่ เดี๋ยวจะไปทานข้าวด้วยกัน”

 

     “ไม่หิวเหรอ?”

 

     “ไม่หรอก เรารองท้องแล้วนิดหน่อย”

 

     “รอใครอยู่อ่ะ ใช่เด็กวิดวะคนนั้นป่ะ?”

 

     “ยุ่งแล้ว”

 

     “ก็อยากรู้นี่นาว่าใครกันที่ทำให้ต้นอุตส่าอดข้าวรอ”

 

     “มันใช่เรื่องของนายมั้ย? ว่างนักก็เอาเลคเชอร์เราไปลอกไป หลับตลอดคาบอีกแล้วนะนาย”

 

     “ก็มันง่วงนี่”

 

     ผมนั่งอธิบายเนื้อหาที่พวกเราเรียนวันนี้ให้ไปป์ได้อีกซักพัก พวกเพื่อนๆ เราบางคนก็เริ่มกลับมารวมตัวกันแล้วที่ใต้ตึกภาค พวกเราเรียนหนักครับ วิชาแต่ละวิชาก็ยากด้วย นอกจากการบ้านในแต่ละวันแล้วรายงานก็เยอะ ก็เลยมักจะรวมตัวกันทำให้มันเสร็จๆ ไปเลยก่อนจะกลับบ้าน แน่นอนว่าผมนะครับที่ทำ ส่วนคนอื่นรอลอก

 

     เพื่อนบางคนก็มาให้ผมช่วยอธิบายเรื่องเนื้อหาบางอย่างที่ตัวเองไม่เข้าใจ ใกล้สอบแล้วครับ อะไรที่ยังไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจให้ได้ ผมกลายเป็นสารานุกรมประจำรุ่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จริงๆ ที่คนเก่งๆ เหมือนผมก็ยังพอมีอีกหลายคนนะครับ แต่ว่ามักจะอธิบายไม่เก่ง ส่วยเมย์ก็มักจะชอบวีนใส่ทำท่ารำคาญเวลามีคนถามเซ้าซี้ ไม่เหมือนผมที่ใจเย็นอธิบายจนกว่าเจ้าตัวจะเข้าใจ โอมยังชมผมอยู่เสมอๆ เลยครับว่าผมสอนเก่ง ผมมาคิดๆ ดูแล้วไม่แน่ผมอาจจะอยากเป็นอาจารย์ก็ได้ครับ

 

     ผมนั่งติวอยู่กับเพื่อนๆ อีกพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สองล้อขนาดใหญ่ดังเข้ามาใกล้ พอหันไปดูก็เห็นผู้ชายคนนึงขับบิ๊กไบค์เข้ามาใกล้

 

     แม็กซ์นายกล้ามากขับเข้ามาจอดถึงตรงนี้เลย!

 

     ไม่มีคนอื่นอีกแล้วครับ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าต้องเป็นแม็กซ์แน่ๆ ตั้งแต่ที่รถเลี้ยวเข้ามาใกล้ๆ จนแล่นมาจอดหน้าตึกก็ตกเป็นเป้าสายตาทันที

 

     ผมไม่อยากเป็นจุดสนใจให้คนในคณะมากไปกว่านี้หรอกนะครับ แต่ดูท่าคงเลี่ยงไม่ได้แล้ว แม็กซ์ถอดหมวกกันน็อคแล้วรูปซิบเสื้อแจ็กเก็ตออกก่อนจะลงจากรถ ได้เวลารีบหายตัวจากตรงนี้แล้วครับ

 

     “เอ่อ เราขอตัวก่อนนะต้องกลับแล้ว”

 

     “อ้าว มึงจะไปไหนวะต้น”

 

     “มีธุระน่ะ ไปก่อนนะ”

 

     “อ้าว แล้วคณิตฯ กูล่ะ?”

 

     ไม่ทันแล้วครับ แม็กซ์ตรงมาทางนี้แล้ว แม็กซ์เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับเสียงทักที่ดังขึ้นในเชิงขอโทษ

 

     “รอนานป่าวต้น โทษทีรถติด”

 

     “ไม่หรอก นายไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้”

 

     ผมตอบแม็กซ์เสร็จแล้วก็หันมาขอโทษบรรดาฟิสิก์มุงที่กำลังรอผมติวให้อยู่ สีหน้าแต่ละคนนี่เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่แล้วครับ

 

     “ขอโทษนะพวกนาย ไว้พรุ่งนี้ละกัน วันนี้เราติดธุระขอตัวก่อน”

 

     ผมรีบเก็บของด้วยความรวดเร็วเพราะรำคาญสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนๆ ผม นี่ดีแค่ไหนแล้วที่เมย์ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น พวกที่เหลือก็อันตรายพอกันครับ ชอบพูดไปเรื่อยทั้งนั้น พอผมเก็บของเสร็จก็เดินไปหาแม็กซ์ที่เว้นระยะรอผมอยู่ใกล้ๆ โต๊ะม้าหิน

 

     “โทษนะ เรามาช้าไปเกือบชั่วโมง นายกินไรยัง?”

 

     “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เราหาอะไรรองท้องเรียบร้อยแล้วล่ะ กะอยู่แล้วว่านายคงมาช้า”

 

     “โหย นี่แม็กซ์ก็บิดสุดๆ แล้วนะ ต้นใจร้ายว่ะ”

 

     “แล้วใครให้ซิ่งขนาดนั้น มันอันตรายนะ แล้วนี่คิดยังไงขับมอเตอร์ไซต์มา?”

 

     “ก็กลัวต้นรอนานเลยเอาคันนี้มากะจะได้ซิ่งมาเร็วๆ ที่ไหนได้แม่งรถโครตติดเลย”

 

     “ก็ขับซะคันขนาดนี้มันคงซิ่งได้หรอก ถนนในกรุงมันไม่กว้างเหมือนแถวรังสิตนะ”

 

     แม็กซ์ยิ้มออกมาก่อนจะตอบกลับผมแบบยิ้มๆ

 

     “เออ ไอ้เด็กในเมือง ใช่ดิ่แม็กซ์มันพวกชานเมือง”

 

     “แม็กซ์ ธรรมศาสตร์รังสิตน่ะอยู่ปทุมนะ”

 

     เราสองคนเดินกลับมาถึงเจ้าสองล้อคันใหญ่ของแม็กซ์แล้วครับ นี่อย่าบอกนะว่าวันนี้ผมจะต้องซ้อนท้ายดูคาติคันนี้จริงๆ ถึงผมจะชินกับการซ้อนมอเตอร์ไซต์แม็กซ์แล้วก็เถอะ แต่บิ๊กไบค์นี่มัน... ผมยังไม่เคยแตะมาก่อนในชีวิตเลยครับ

 

     “เออๆ ใส่หมวกด้วย เดี๋ยวแม็กซ์โดนไถตังค์”

 

     แม็กซ์พูดแล้วก็ล้วงเอาหมวกกันน็อคอีกใบขึ้นมาใส่ให้ผม หมวกกันน็อคแบบเต็มใบอย่างนี้ใส่ลำบากจังครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะเหรอ แม็กซ์ไม่แตะเลยด้วยซ้ำ ขนาดเจอตำรวจจับยังยัดเงินเลยครับ ผมเห็นแบบนี้ก็เลยขำออกมานิดหน่อย

 

     “ขำไรต้น”

 

     “เปล่า”

 

     “รู้นะว่าคิดไร คันนี้มันแรงใส่หมวกไว้ปลอดภัยกว่า”

 

     แม็กซ์พูดพลางขึ้นคร่อมรออยู่ที่ตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้วครับ

 

     “ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

 

     “เออๆ ขึ้นๆ มาได้แล้ว หิว”

 

     “คิดว่าหิวเป็นคนเดียวรึไงเล่า”

 

     ผมพูดแบบนั้นไปแล้วก็ขึ้นคร่อมบ้าง แต่มันยากกว่าซ้อนมอเตอร์ไซต์ปกตินิดหน่อยครับด้วยความที่มันคันใหญ่กว่ากันเยอะ แถมตำแหน่งที่ซ้อนยังสูงกว่านิดหน่อยด้วยต่างจากมอเตอร์ไซต์ปกติ

 

     “จับแม็กซ์ไว้ด้วย ระวังหล่นล่ะ”

 

     ตอนที่แม็กซ์พูดแบบนั้นผมยังไม่ทันได้เตรียมตัว แต่พอแม็กซ์สตาร์ทเครื่องเท่านั้นแหละครับผมสะดุ้งเลย ผวากอดแม็กซ์ไปเต็มที่เพราะความสูงที่นั่งอยู่

 

     “จับก็พอต้นไม่ต้องกอด แม็กซ์เขิน ฮ่าๆ”

 

     “บ้าดิ่ เราตกใจนิดหน่อยหรอก”

 

     ผมไม่ได้ตั้งใจกอดแม็กซ์ซักหน่อย ผมพยายามปรับตำแหน่งตัวเองแล้วก็เกาะแม็กซ์เอาไว้หลวมๆ แต่แม็กซ์กลับดึงมือผมให้กอดตัวเองกระชับเข้าไปอีก และแล้วแม็กซ์ก็ควบคุมเจ้ายักษ์คันนี้ให้พาผมออกไปสู่ถนนข้างหน้าครับ วิวที่ผมเห็นวันนี้มันต่างกับวันอื่นจริงๆ ขนาดวันที่ผมนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลยนะ

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

 

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page