
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ต้นน้ำ
ชีวิตนักศึกษาอย่างผมก็ต้องมาเรียนตามปกติในเช้าวันจันทร์แบบนี้ครับ ช่วงนี้ผมกำลังยุ่งๆ เพราะการสอบใกล้เข้ามาแล้วผมได้แต่หวังว่า คงไม่มีอะไรน่ารำคาญใจรอผมอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรอกนะครับ
พักนี้คงต้องหลบห้องชมรมซักพัก เบื่อหน้าพี่บอมครับ
หลังจากที่เราไปทานข้าวด้วยกันวันนั้นแล้วก็ปรับความเข้าใจกัน ผมกับแม็กซ์กลับมาคุยกันเหมือนเดิมแล้วครับ แต่อันที่จริงจะบอกว่าเหมือนเดิมมันก็ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ เพราะแม็กซ์ทำตัวดีแล้วก็สุภาพกับผมมากกว่าเดิม แถมยังยอมตัดใจเว้นระยะเป็น “เพื่อน” กับผมอย่างที่ผมต้องการ ผมชอบแม็กซ์ที่ดีกับผมแบบนี้ครับ ไม่อึดอัดแล้วก็สบายใจ
แต่ผมลืมนึกถึงใครบางคนไปซะสนิทใจ ผมลืมนึกถึงเมย์ครับ แล้วเมย์ก็กำลังคาดคั้นกับผมอยู่ ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นจากเพื่อนในกลุ่มของผม โดยมีโอมที่เก็บสีหน้าสงสัยไว้ไม่อยู่แต่ก็พยายามทำเฉยๆ เว้นระยะห่างให้ผมแล้วห้ามปรามเมย์สุดฤทธิ์
“ตกลงผู้ชายคนนั้นที่มาหานายวันก่อนนั่นเป็นใครเหรอต้น”
“เธอจะอยากรู้ไปทำไมล่ะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอนี่เมย์”
“บอกเรามาเดี๋ยวนี้นะ เห็นคนอื่นบอกว่า พวกนายไปซ้อมที่ห้องชมรมด้วยนี่ แล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันต่ออีก”
“คนอื่นน่ะใครล่ะ”
“เขาลือกันทั่วว่าแฟนนายมารับ แถมยังรวยมากๆ ขับเบนซ์ ผู้ชายคนนั้นใช่แฟนต้นจริงๆ รึเปล่า?”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครจะใช่แฟนเรารึเปล่ามันก็ไม่เกี่ยวกับเธอนะเมย์”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว ต้นก็รู้ว่าเรา! ช่างเถอะ ตกลงผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับนาย”
เมย์ขึ้นเสียงใส่ผมแรงมาก และผมก็เกลียดคนแบบนี้ที่สุด เท่าที่ผ่านมาผมคงยอมลงให้เธอมากเกินไป โอมที่เห็นบรรยากาศไม่ดีก็เลยช่วยห้ามทัพระหว่างผมกับเมย์ แต่มันสายไปแล้วครับ ผมคงนั่งอ่านหนังสือสงบๆ ใต้ตึกภาคไม่ได้แล้ว
“ขอตัวซักพักนะ เราไม่อยากอยู่กับคนไม่มีเหตุผล เธอควรจะรู้จักระงับอารมณ์แล้วก็ลดความเอาแต่ใจลงบ้างนะเมย์”
“ทำไมต้นพูดแบบนี้อ่ะ”
“แล้วทีเธอล่ะ เธอยังพูดทุกอย่างที่อยากพูดเลย แต่ที่เราไม่เคยห้ามก็เพราะเราไม่อยากหักหน้าเพื่อน แต่ถ้ามีเพื่อนที่คบแล้วคอยทำให้เราลำบากใจตลอดเวลาเราก็ไม่อยากคบหรอกนะ”
ถึงผมจะพูดด้วยระดับเสียงปกติ แต่เสียงของเมย์เมื่อตะกี้ก็ทำให้หลายๆ คนเริ่มหันมามองพวกเราแล้วครับ เพื่อนหลายคนนอกจากผม โอม ป่าน แก้ว แล้วก็ไปป์ กำลังมองเมย์อยู่ พวกผู้ชายบางคนทำหน้าสะใจด้วยซ้ำ บางคนก็มองมาด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางพายุอารมณ์ของเมย์หรอกครับ
“ลองหันดูรอบๆ ตัวมั่งนะเมย์ ถึงทุกคนเขาไม่พูดใช่ว่าไม่รู้สึก แต่ลองฟังความเห็นคนอื่นดูบ้างเถอะ ก่อนที่จะไม่มีใครฟังเธออีกต่อไป”
ผมไม่ชอบโดนคนอื่นกดดัน ผมเกลียดการถูกคนอื่นข่มขู่ ไม่ชอบถูกใครคุกคาม แล้วเกลียดการบังคับ เมย์ทำให้ผมอดความอดทนแล้ว และพอได้พูดออกมาผมก็อยากให้มันจบๆ กันไปเลย ถ้าเมย์ไม่ปรับตัวมิตรภาพของเราก็คงจะจบ เพราะผมขี้เกียจทนเมย์แล้ว แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำแบบนั้นอาร์มก็เข้ามาซะก่อน
อาร์มเดินเข้ามากอดคอผมซะงั้น ผมที่กำลังหงุดหงิดๆ อยู่เลยหันไปมองหน้าอาร์มด้วยความตกใจ ก็ลองนึกดูนะครับ คุณกำลังวีนแตกอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีมือใครไม่รู้มาพาดที่คอ คุณจะสะดุ้งมั้ยครับ?
“ไม่เอาน่าต้น ผู้ชายเขาไม่โหดร้ายกับผู้หญิงแบบนี้หรอกน้า”
อาร์มยิ้มให้เมย์อย่างประจบ คนอื่นอาจจะสงสัยที่จู่ๆ ก็มีคนนอกเข้ามาขัดจังหวะดราม่า แต่ผมรู้ดีอาร์มกำลังทำให้ดราม่ามันจบอยู่ แล้วก็ต้องจบลงอย่างสวยงามด้วย อาร์มเป็นคนไกล่เกลี่ยประจำกลุ่มของแม็กซ์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ
“ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยน้า พักนี้ต้นมันมีเรื่องเครียดเยอะอ่ะครับเลยอาจจะเผลอหงุดหงิดไปบ้าง ขอตัวมันซักครู่นะครับ”
อาร์มดึงแขนผมพลางแจกรอยยิ้มให้ชาวบ้านอย่างอารมณ์ดี ผมถอนหายใจแล้วก็ปล่อยให้อาร์มดึงแขนผมไปครับ อาร์มลากคอผมเดินไปร้านน้ำปั่นเจ้าประจำของพวกเรา ผมนั่งดื่มน้ำฟรีที่มีคนเลี้ยงแล้วก็เปิดปากถาม
“มาทำไม”
“ก็ที่ชมรมมันอยู่ยากอ้า”
“พวกพี่บอม?”
“อืม”
ผมก็กะไว้แล้วแหละครับ ถึงได้หนีจากห้องชมรมนั่งอยู่ที่ภาคตัวเอง แต่ใครจะไปคิดละครับ ว่าในภาคตัวเองก็มีคนรอสอบสวนผมอยู่แบบนั้น
“ว่าแต่ พักนี้ต้นหลุดบ่อยจัง ไม่สมกับเป็นนายเลย”
“ไม่สมกับเป็นเรา? เหอะๆ”
ผมเหยียดยิ้มให้อาร์มแล้วก็เริ่มบ่นให้เขาฟัง
“เราทนเขามาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยนะอาร์ม เอาแต่ใจสุดๆ อ่ะ เพื่อนในคณะนี่แทบจะส่ายหน้ากันหมดแล้ว ดีนะว่าผู้หญิงน้อยเลยยังพอมีคนเกาะกลุ่มกับเขาบ้าง แต่คนอื่นนี่แทบไม่มีใครเอาแล้ว เรื่องอื่นเราก็พอยอมให้ได้นะแต่เรื่องส่วนตัวเรานี่ขอเถอะ ทำอย่างกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเราแบบนั้นอ่ะ เราไม่ไหวนะผู้หญิงแบบนั้นอ่ะ”
“ไนน์ดีกว่าล่ะสิ”
ผมเงยหน้าขึ้นทันที เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้จากปากอาร์ม
“มั้ง”
“สงสารกายเนาะ มันยังว่างอยู่เลย”
นี่ก็เป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงเหมือนกันครับ ไนน์ไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอเป็นคุณหนูอยู่แล้วจึงไม่น่าแปลกใจ แต่ที่ผมแปลกใจคือกายต่างหากละครับ ไม่อยากจะเชื่อว่ากายยังไม่มีแฟน ถึงแม้ผมจะคิดว่านิสัยแย่ๆ แบบกายคงไม่มีผู้หญิงคนไหนหันมาสนใจก็เถอะ แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ ดูเหมือนกายเองก็ยังไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนไหนเหมือนกัน
“แล้วนายไม่สงสารตัวเองบ้างเหรอ อกหักตลอดเลยนี่”
“ม่ายอ่ะ หักก็ดาม หาใหม่ อัตราส่วนผู้ชายกับผู้หญิงมันสวนทางกันจะตาย เดี๋ยวเราก็ต้องมีแฟน ซักวันนึง ฮ่าๆ”
อาร์มตอบแบบอารมณ์ดีพลอยทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย บอกแล้วครับว่าอยู่กับอาร์มนี่สบายใจจริงๆ
“ว่าแต่ เมื่อคืนก่อนเป็นไงบ้าง”
“แม็กซ์ไม่ได้เล่าเหรอ?”
อาร์มส่ายหน้าครับ
“เล่า แต่เราอยากฟังจากปากต้นมากกว่า ถึงเราจะเป็นเพื่อนกับแม็กซ์แต่เราก็เป็นห่วงต้นด้วย ตอนนี้ต้นก็เหมือนเพื่อนเราคนนึงเหมือนกัน”
“ไม่เชื่อใจเพื่อนตัวเองเลยนะ”
“ก็เห็นมันเมาๆ อ่ะ เลยเป็นห่วง กลัวมันหน้ามืดเลี้ยวรถพานายเข้าโรงแรม ฮ่าๆ”
“บ้า แม็กซ์ไม่ใช่คนแบบนั้น... ก็ไม่มีไรพอแม็กซ์หายเมาก็ขับรถไปส่งเราที่คอนโด แล้วก็โทรคุยกันนิดหน่อยวันเสาร์แค่นั้นแหละ”
“แล้วแฟนนายล่ะ?”
“พี่ชัชก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
“ให้จริงนะ ไม่ใช่แฟนนายมาต่อยแม็กซ์มันทีหลังนะ”
“บ้าแฟนเราไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้นนะ”
“ก็ดีแล้ว ถ้านายมีความสุขดีไม่มีปัญหากับแฟน เคลียร์กับแม็กซ์ได้ เราในฐานะคนกลางก็สบายใจ”
อาร์มยิ้มให้ผมอีกแล้ว รอยยิ้มของอาร์มนี่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งโลกสดใสขึ้นได้เลยครับ จริงๆ นะ ผมชอบรอยยิ้มของอาร์มมาก ดูอย่างกับคนที่สบายใจไม่มีเรื่องกังวลใดๆ จะทำให้เขาทุกข์ใจได้
“ทำไมต้องเป็นห่วงเราขนาดนี้ด้วย นายคอยเป็นห่วงดูแลเรามาตลอดเลยนะ ตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพวกเราไม่ได้สนิทกันซะหน่อย”
ผมตัดสินใจถาม เพราะผมคิดว่าอาร์มไม่ได้ชอบผมแน่ๆ อาร์มชอบผู้หญิง แล้วระหว่างเราก็ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรกันเลย แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ผมกับอาร์มก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ต่อให้เมื่อก่อนจะเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมาแต่ตอนนี้เราก็อยู่กันคนละคณะ ถึงอย่างงั้นอาร์มก็ยังคอยอยู่เป็นเพื่อนผมบ่อยๆ
อาร์มหน้าเสียไปนิดนึงครับ ดูลังเลหน่อยๆ แต่แล้วอาร์มก็พูดออกมา
“ถ้าเราบอกว่าเพราะเรารู้สึกผิด ต้นจะโกรธเรามั้ย... เราคิดมาตลอดเลยนะ ถ้าวันนั้นเราไม่โทรบอกแม็กซ์ แม็กซ์มันก็คงไม่ไปอาละวาดกับนาย นายก็คงไม่ต้องมีปัญหากับแฟน แล้วก็ตอนที่นายรถคว่ำด้วย เรากลัวมาตลอดเลยว่าเป็นเรารึเปล่าที่เผลอเข้าไปยุ่งจนเกิดเรื่องขึ้น”
“บ้า นายไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ซักกะหน่อย”
“เกี่ยวดิ่ ตอนที่เห็นนายมาโรงเรียนวันนั้นนะ สภาพโครตน่าสงสารอ่ะ แม็กซ์เองแม่งก็อย่างกับคนหัวใจสลาย แล้วยิ่งตอนที่นายรถชนนะแม็กซ์มันอย่างกับศพเดินได้อ่ะ เราโครตสงสารมันเลย ถ้าเราไม่พูดมากนายกับแม็กซ์ก็คงไม่ต้องมีปัญหากัน”
“เพราะงั้นนายก็เลยมาทำดีกับเราน่ะเหรอ?”
“อื้อ อย่างน้อยๆ เราก็ยังดูแลนายแทนแม็กซ์มันได้ ตอนที่แม็กซ์มันไม่อยู่”
“แม็กซ์ยังไม่เห็นจะพูดไรเลย”
“โหย มันไม่กล้าหรอก ก็นายเล่นควงแฟนตลอดอ่ะ เราก็เลยอาสามาเข้าหานายแทนไง ฮ่าๆ”
“แล้วก็ส่งข่าวเราให้แม็กซ์ตลอดด้วยใช่มั้ย?”
“ใช่ๆ อุ๊บ! เปล่านะ คือเรา”
อาร์มโดนผมหลอกจนหลุดปากออกมา แต่พอรู้ตัวก็รีบหุบปากกลัวผมโกรธ แต่ไม่ทันแล้วละครับ ผมรู้แล้วว่าแม็กซ์รู้เรื่องของผมได้ยังไงทั้งๆ ที่ตลอดปีที่ผ่านมาเราส่งข้อความคุยกันแค่ 3 ครั้งเท่านั้น
“ช่างเถอะ นายนี่น้ารักแม็กซ์จริงๆ น่าอิจฉาแม็กซ์นะมีแต่เพื่อนดีๆ”
“ไม่รักได้ไงอ่ะ เห็นกันมาตั้งแต่ประถมเลยนะเว้ย ตอนเด็กๆ เราโดนคนอื่นรังแกบ่อยๆ ก็ได้แม็กซ์นี่แหละเป็นลูกพี่ รักมันมากอ่ะ แต่เราก็รักนายเหมือนกันนะ พอได้คบกับนายจริงๆ แล้วนายเป็นคนดีมากอ่ะต้น”
งี้แหละครับ อาร์มเพื่อนผม อารมณ์ดีร่าเริงตลอดเวลา มองอะไรๆ ในแง่ดีตลอด คิดอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
“ไม่ต้องยอเราขนาดนั้นก็ได้”
“เฮ้ย ไม่ได้ยอ เราชอบนายจริงๆ อยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจอ่ะ”
และครั้งนี้ก็เช่นกันที่อาร์มทำให้ผมอารมณ์ดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมขอเอาอาร์มเป็นกระสอบทรายหน่อยละกันครับ
“นายมากกว่าที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ยกเว้นตอนที่นายเอ๋อๆ อ่านบรรยากาศไม่ออกน่ะนะ”
“โห ต้นอ่ะ”
“ฮ่าๆ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++