
Drama Queen & Dump King
The story after that. - ไปป์
อยากรู้มั้ย ว่าอาร์มหายไปไหน? อาร์มเดินกลับไปส่งไปป์ทำไม มีแรงจูงใจอะไร อ๊ะๆ อย่าเชียร์เลย ก็บอกแล้วว่าอาร์มน่ะ “นอมอล”
มาสิไปป์จะเล่าให้ฟัง
ต้นกับแม็กซ์เดินเข้าไปในห้องพักอาจารย์แล้ว ทำไงดี! ผมอยากรู้จัง? แต่ผมไม่กล้าเข้าไปเสือก เพื่อนต้นคนนั้นโคตรน่ากลัวเลย เป็นเด็กที่อื่นแต่กล้าเข้าห้องพักที่ปรึกษาตามต้นเข้าไปติดๆ ผมสังหรณ์ใจว่าเพื่อนต้นต้องรู้จักอาจารย์ต้นตระการมาก่อนแน่ ไม่งั้นไม่ทำท่าแบบนั้นชัวร์
อ้าวต้นเข้าไปแล้วออกมาเร็วจัง แต่ต้นเดินไปทางห้องว่างห้องข้างๆ แทน เพื่อนต้นคนนั้นกับอาจารย์ต้นก็ตามออกมาแล้วเข้าไปในห้องนั้นด้วย ผมอ่ะอยากตามไปด้วยจริงๆ แต่พอหันไปมองคนที่ชื่ออาร์มที่นั่งรออยู่ตรงข้างๆ ผมแล้วก็...
“นายไม่ตามไปเหรอ”
“ตามไปทำไม?”
“ไม่เป็นห่วงต้นเหรอ?”
“ห่วงทำไม?”
“ก็ต้นชอบโมโหใส่อาจารย์”
“มีแม็กซ์อยู่ด้วยแล้ว เราไม่ห่วงหรอก”
“เพื่อนนายเป็นใครอ่ะ ท่าทางสนิทกับต้นจัง เห็นมารับกันหลายทีแล้ว เพื่อนนายเป็นแฟนต้นเหรอ”
“ต้นมันก็บอกไม่ใช่เหรอ ว่าแม็กซ์เป็นเพื่อน”
“งั้น เราเปลี่ยนเป็น เพื่อนนายคนนี้ใช่ป่ะที่นายบอกว่าเคยจีบต้น”
“เซนส์ดีนี่นา ใช้ได้เลย”
“งั้นก็แปลว่านายรู้ทุกเรื่องของต้นมันจริงๆ ด้วยใช่ป่ะ เล่าหน่อยดิ่”
“จะรู้ไปทำไม ไม่รอถามต้นเอาเองอ่ะ”
“โหย อย่างกับต้นจะบอก นายก็รู้นิสัยต้น”
“ถ้านายรู้นิสัยต้นนายก็ต้องรู้ดิ่ว่าถ้าขืนเราพูดมาก ต้นต้องโกรธเราแน่ๆ”
“แต่เราอยากรู้นี่ ต้นบอกนายแล้วทำไมไม่บอกเรามั่งว้า อยู่กันมาตั้งสองปีแล้ว”
ผมเห็นคนชื่ออาร์มส่ายหัวก่อนจะตอบผม
“ต้นไม่เคยบอกอะไรเรา เรารู้เอง”
“จริงดิ่ งั้นต้นก็เป็นพวกเก็บเงียบกว่าที่คิด”
“อื้อ ต้นเป็นคนแบบนั้นแหละ”
“แล้วนายรู้ได้ไง”
“เราเดาเอา แล้วพอเดาถูกต้นก็ไม่ปฏิเสธก็เท่านั้นเอง”
“จริงดิ่ เจ๋งว่ะ เรายังเดาไม่ถูกเลย ว่าเรื่องเป็นไงมาไง พอรู้เรื่องนั้นก็ไม่แน่ใจเรื่องนี้ เล่นเกมยังเดาเนื้อเรื่องไม่ยากเท่านี้เลย”
“ขนาดนั้นเลยนะ แล้วนายเดาอะไรได้แล้วมั่งอ่ะ”
“เราเดาว่า ต้นมีแฟนแล้ว และแฟนต้นน่าจะเป็นผู้ชาย แล้วก็... ต้นเป็นอะไรซักอย่างกับอาจารย์ ใช่ป่ะ?”
ผมถามเขาไปแบบนั้น แต่เขาไม่ยอมตอบผม เอาแต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า
“เราเดาผิดเหรอ?”
“เปล่า เราหมายถึงเราบอกนายไม่ได้”
ผมเห็นคนที่ชื่ออาร์มองเข้าไปในห้องที่สามคนนั้นคุยกันอยู่นิดหน่อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“กลับกันเหอะ เราจะเล่าไรให้นายฟัง”
“ทำไมอ่ะ เล่าตรงนี้ไม่ได้เหรอ”
“อย่าเลย นายยังต้องกลับไปเล่าให้เพื่อนๆ นายฟังอีกไม่ใช่เหรอ เดินไปคุยไปเหอะ”
“อื้อ ก็ได้”
ก็พอเขาพูดมาแบบนี้ผมก็อยากรู้นี่ครับ ด้วยความอยากรู้ ผมก็เลยเดินตามเขาไป
“เมื่อก่อนนะ เราชอบพูดไม่คิด ทำอะไรโดยไม่ทันระวัง”
“อื้อแล้วไง”
“เราเคยทำเรื่องผิดพลาดครั้งนึง โดยไม่คิดให้ดีก่อน เราปากสว่างบอกอะไรบางอย่างกับเพื่อนเรา”
“แล้ว...”
“มันทำให้ต้นกับเพื่อนเราทะเลาะกัน แล้วต้นก็ไปทะเลาะกับแฟนต้นต่อ”
“โห ขนาดนั้นเลย เอ้ย! งี้ก็แปลว่าต้นมีแฟนมาตั้งแต่ตอน ม.ปลายแล้วดิ่ โห ปิดเงียบไม่เคยมีใครรู้เลยอ่ะ ว่าแต่ต้นมีแฟนแล้วจริงๆ ด้วยแฮะ อ้าว ไมนายเงียบไปอ่ะ?”
ผมหันไปมองอาร์มที่อยู่ๆ ก็หยุดเดินและก็เงียบไป
“เปล่า คือเรากำลังคิดอยู่ว่า เราหลุดปากไปแบบลืมคิดอีกแล้วรึเปล่าน่ะ... เอาเถอะ ยังไงนายก็เดาได้อยู่แล้วนี่ว่าต้นมีแฟน งั้นเล่าต่อนะ”
แล้วหมอนี่ก็เดินตามมาทันผม แล้วก็เริ่มพูดต่อ
“นายรู้มั้ยผลของมันเป็นยังไง เพื่อนเรากับต้นอ่ะเลิกคุยกันไปเป็นปีเลยนะ ต้นโกรธเพื่อนเรามากเลย เพื่อนเราเองก็โคตรเสียใจเลย พึ่งกลับมาดีกันตอนที่เพื่อนเราสอบได้ใหม่ในกรุงเทพฯ นี่แหละ เพราะต้นเองก็พึ่งให้อภัยเพื่อนเราได้”
“โห เพื่อนนายทำไรให้ต้นโกรธอ่ะ ต้นโกรธโคตรนานเลย”
“อื้อ งั้นแล้วนายก็คิดดูละกันว่าจะเสี่ยงทำให้ต้นโกรธมั้ย?”
คำถามนั้นมันยังวนเวียนอยู่ในหัวผมจนผมเดินกลับมาถึงโต๊ะที่มีเพื่อนๆ นั่งอยู่ อาร์มแยกไปตั้งแต่พูดประโยคนั้นเสร็จ แต่คำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวผม
ผมชอบต้นนะ เป็นเพื่อนกับต้นแล้วสนุกดี มีคนช่วยติวให้ด้วย แถมต้นไม่เรื่องมาก คบง่าย ผมไม่อยากโดนต้นโกรธแฮะ!
“เฮ้ย ไปป์ ว่าไงๆ เล่ามาดิ่เป็นไงมั่ง”
ป่านสะกิดผมยิกๆ ให้เล่า เอาละผมตัดสินใจแล้ว
“หึ ม่ายเล่าอ่ะ”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
“เฮ้ยไรวะ อุตส่านั่งรอแกนะเนี่ย”
“ก็ยังไม่รู้จะเล่าอะไรนี่นาต้นไม่ได้บอกอะไร แค่เอาของไปคืน”
แล้วผมก็โดนคนอื่นโวยใส่นิดหน่อย แต่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พูด ก็...ผมยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยนี่นา ต้นยังไม่ได้บอกอะไรผมเลยอ่ะ เอาไว้ให้ผมรู้เรื่องให้ชัดๆ กว่านี้อีกหน่อยนึงเถอะ! ฮ่าๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++