top of page

The story after that. - ต้นน้ำ

     ความจริงแล้ววันนี้ผมมีสอบบ่ายครับ แต่ที่มาเช้าๆ คือพวกผมนัดกันมาติวนั่นแหละครับ ชีทของผมเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับเพื่อนๆ แต่ในระหว่างที่กำลังนั่งติวกันอยู่นั่นเอง เพื่อนเด็กภาคเคมีก็เดินเข้ามาหาผมแล้วก็ยื่นถุงอะไรซักอย่างให้

 

     “ต้น อาจารย์ต้นฝากมาให้นายอ่ะ”

 

     “เธอเป็นเด็กส่งสารให้อาจารย์เขารึไงนิว”

 

     “ย่ะ รับๆ ไปเหอะ เราต้องไปละ”

 

     นิวพูดแล้วก็วางถุงไว้บนโต๊ะ ผมจะร้องห้ามแต่นิวก็เดินหนีไปซะก่อน

 

     “นิวเดี๋ยวก่อน เอาไปคืนอาจารย์ให้ที ... ไปซะแล้ว”

 

     นิวเดินหนีผมไปอย่างรวดเร็ว คงกะมาแล้วว่ามุขนี้ได้ผล แต่ที่ผมคิดไม่ถึงคือไปป์จอมยุ่งเร็วกว่า

 

     “โห ไรเนี่ย ไหนดูดิ๊ ห่อของขวัญด้วยอ่ะ”

 

     ไปป์เอาของที่อยู่ในถุงออกมาดูแล้วเรียบร้อยครับ

 

     “มารยาทน่ะสะกดเป็นมั้ยไปป์”

 

     ผมปรายตามองไปทางไปป์แล้วก็ด่าด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แต่อย่างไปป์น่ะเหรอครับจะสลด

 

     “น่านะ ขอแกะหน่อย เราอยากรู้ว่าข้างในมีอะไร”

 

     “ถ้านายแกะ นายต้องเอาไปคืนอาจารย์ให้เราด้วย เอามั้ยล่ะ”

 

     “ได้เลย”

 

     ไปป์... บางครั้งนายก็หน้าด้านเกินไปนะ แต่เอาเถอะ ถือว่าผมได้ประโยชน์ อย่างน้อยๆ ก็มีคนเอาของไปคืนแทนผม ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมของถึงถูกแกะ ผมก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนตอบ

 

     ผมก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่ออย่างไม่ใส่ใจ ปล่อยให้ไปป์นั่งแกะของขวัญของผมอยู่อย่างมันมือ ผมหันไปอธิบายตรงที่ผมพูดค้างไว้ให้โอมฟังต่อ เมย์กับแก้วก็นั่งอ่านหนังสือกันเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว มีแต่ป่านที่กระตือรือล้นช่วยไปป์แกะของขวัญสุดฤทธิ์

 

     “โอ้โห กระเป๋าตังค์ว่ะ สวยจัง Pierre Cardin ด้วยคงแพงน่าดูเลยนะเนี่ย”

 

     ไปป์พูดขึ้นทันทีที่แกะของขวัญชิ้นนั้นเสร็จ ผมเหลือบตาไปมองนิดหน่อย กระเป๋าเงินใบสั้นแบบพับสองตอนสีดำเรียบๆ แต่ตัดเย็บอย่างดี ผู้ชายคนนั้นซื้อกระเป๋าเงินให้ผมเพื่ออะไรนะ?

 

     “อาจารย์เขาซื้อเป๋าตังค์ให้นายทำไมอ... เอ้ย ต้น”

 

     เสียงของไปป์ที่แปลกไปกระทันหันทำให้ผมต้องเงยหน้าหันไปมอง พร้อมๆ กับที่ไปป์พูดต่อพอดี

 

     “มีเงินอยู่ในนี้เป็นปึกเลยอ่ะ”

 

     ไปป์หยิบธนบัตรแบงค์พันปึกนั้นออกมาจากกระเป๋า ผมรีบคว้ามาดูทันที พวกเราทั้งโต๊ะพูดอะไรไม่ออก อึ้งกันไปหมดแล้วครับ

 

     “เท่าไหร่วะ ไม่ต่ำกว่าหมื่นนึงแน่ๆ อ่ะ เป็นฟ่อนขนาดนั้น”

 

     “เราจะเอาไปคืนอาจารย์ พวกนายติวกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเรามา”

 

     ผมโมโหจนทนไม่ไหวแล้วครับ เขาทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ผมพึ่งจะขอร้องเขาว่าไม่ต้องมายุ่งกับผมไม่ใช่เหรอ

 

     “เฮ้ยต้นใจเย็นๆ รอเราด้วย”

 

     ไปป์พูดแล้วก็วิ่งตามผมมาติดๆ ผมวิ่งไปที่ห้องภาคเคมีอย่างไม่รอช้า แต่ดันโชคร้ายเขาไม่อยู่ ผมตามหาเขาซะทั่วจนไปป์ต้องเตือนสติผม

 

     “ต้นๆ ใกล้เข้าสอบแล้ว ไปก่อนเหอะ เดี๋ยวค่อยเอาไปคืนอาจารย์เขาก็ได้”

 

     “ไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้คืนไอ้กระเป๋ากับเงินบ้าๆ นี่เราไม่มีสมาธิสอบแน่!”

 

     “ต้นมีไรเปล่า?”

 

     เสียงของอาร์มดังขึ้น อาร์มวิ่งมาหาผมพอดีครับ

 

     “อาร์ม”

 

     ผมโผเข้าไปหาอาร์ม ดูอาร์มตกใจนิดหน่อยก่อนจะลูบหลังปลอบผม

 

     “มีไร ใจเย็นๆ เกิดไรขึ้น?”

 

     “ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว เขาทำงี้กับเราได้ไง บ้าที่สุด!”

 

     “ใจเย็นนะต้น”

 

     อาร์มหันไปส่งสายตากับไปป์ เพราะผมกำลังดราม่าไม่มีอารมณ์จะเล่าอะไร

 

     “มีเด็กเคมีเอาของมาให้ต้น บอกว่าอาจารย์ต้นตระการฝากมา แล้วพอแกะออกดู ก็เป็นกระเป๋าเงินกับเงินเป็นฟ่อนอ่ะ แล้วไอ้ต้นมันก็ของขึ้น วิ่งตามหาอาจารย์ซะทั่วอย่างที่นายเห็น”

 

     “ต้นใจเย็นนะ นายกลับไปสอบก่อน ไว้สอบเสร็จนายค่อยเอาของไปคืนเขาก็ได้ ไม่ต้องรีบคืนหรอก ตอนนี้เรื่องสอบสำคัญกว่านะ”

 

     อาร์มปลอบผมเหมือนปลอบเด็กๆ แล้วก็ฉวยถุงใส่กระเป๋าเงินกับเงินพวกนั้นออกจากมือผมโยนไปให้ไปป์ อาร์มมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมสบายใจเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมไม่อายถ้าต้องร้องไห้ต่อหน้าอาร์ม เพราะผมรู้ว่าอาร์มจะเช็ดน้ำตาให้ผมได้

 

     “ของนี่ฝากเพื่อนนายไว้ก่อนก็ได้ ไปสอบก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพวกเรานัดกับแม็กซ์ด้วยไม่ใช่เหรอ ไว้ละไปหาไรอร่อยๆ กินให้สบายใจกัน”

 

     อาร์มเดินลากผมกลับไปยังตึกแล้วก็บอกให้ไปป์ช่วยดูแลผมเป็นพิเศษ มีพูดติดตลกทิ้งท้ายไว้ว่าเพราะผมอยู่ในภาวะอารมณ์ไม่มั่นคงอย่างรุนแรง แล้วก็กำชับว่าสอบเสร็จแล้วห้ามไปไหนเพราะอาร์มกับแม็กซ์จะมารอผมที่นี่

 

     โชคดีที่พักหลัง ผมหลุดบ่อยจนเพื่อนๆ เริ่มชินแล้ว เลยไม่ใคร่จะถือสาหาความอะไรกับผม ทุกคนพากันเบนเข็มไปถามไปป์ด้วยสายตา แต่ไปป์ก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดเอาตอนนี้และเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอ่านหนังสือสอบแทน ถุงของขวัญนั้นนอนนิ่งอยู่ในเป้สะพายของไปป์ ไปป์ไม่เอาออกมาให้ขัดตาผมเลยแม้แต่น้อย แล้วผมก็เข้าห้องสอบไปทั้งอย่างนั้น นั่งสอบแบบไม่มีสมาธิ จนหมดชั่วโมง....

 

     ผมออกมาจากห้องสอบเป็นคนสุดท้าย แทบไม่รู้ตัวเลยว่าผมทำอะไรไปบ้าง คงไม่ได้แย่มากจนถึงขั้นตกหรอกนะครับ....

 

     พอออกมาถึงไปป์กับเพื่อนอีก 4 คนกำลังรวมกลุ่มเม้าท์เรื่องผมอย่างเมามัน พอหันมาเห็นผมทุกคนก็ทำหน้านิ่งๆ กันทันทีเปลี่ยนไปคุยเรื่องสอบ แต่ไม่ใช่ไปป์ พอผมนั่งลง ไปป์ก็ถามผมขึ้นทันที

 

     “เรานับดูแล้วมีตั้งสองหมื่น สาบานเลยนะว่าเราไม่ได้จิ๊กไปแม้แต่ใบเดียว ไม่เชื่อถามป่านได้ นายจะเอาไงต่อ?”

 

     “ก็เอาไปคืน”

 

     “จะเอาไปคืนจริงๆ น่ะเหรอ มันเยอะนะต้น ไม่เสียดายเหรอ”

 

     “ไม่ใช่ของๆ เรานี่ป่าน”

 

     “งั้นแล้วอาจารย์เขาเอามาให้ต้นทำไมล่ะ”

 

     ป่านยังคงเซ้าซี้ผมอยู่ แต่แก้วก็ช่วยพูดแก้ขัดให้

 

     “แบบว่าลืมเงินไว้ในนี้รึเปล่า? เราเคยดูข่าวนะ แบบซื้อมาไม่ได้ใช้ แล้วก็เอาเงินทิ้งไว้เป็นขวัญถุงไง พอเอาของไปให้คนอื่นก็ลืมหยิบเงินออก”

 

     “ฉันถึงได้ถามไอต้นมันไงว่าแล้วทำไมอาจารย์เขาถึงต้องให้กระเป๋าตังค์มันด้วย”

 

     ป่านเถียงกลับพร้อมๆ กับหันมามองหน้าผม จะให้ผมตอบว่าอะไรละครับ ผมเองก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกันนั่นแหละ

 

     “เพราะว่าถ้าให้แต่เงินต้นจะไม่ยอมรับน่ะสิ เลยต้องให้กระเป๋าเงินพร้อมเงินขวัญถุงที่มากกว่ามูลค่ากระเป๋า”

 

     อาร์มที่โผล่มาถูกเวลาทุกฉากพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ผม โชคดีที่วันนี้เราสอบกันที่ตึกรวม โต๊ะตรงนี้เลยมีที่นั่งเหลือเฟือให้โอมเขยิบออกเว้นที่ว่างให้อาร์มนั่ง ข้างๆ ผม

 

     “เราจะบอกไรให้ฟัง เพื่อนเราที่ชื่อต้นน้ำอ่ะ ถึงจะดูเหมือนพวกนิ่งๆ เงียบๆ แต่จริงๆ แล้วชอบดราม่ามาก เกลียดพวกเซ้าซี้ ขี้รำคาญเป็นที่หนึ่ง เป็นพวกไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัว ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาง่ายๆ หรอก”

 

     “อาร์ม พูดมากไปแล้วนะ”

 

     “อ่ะน้ำ ต้นพึ่งสอบเสร็จคอแห้งอ่ะดิ่ นี่น้ำแตงโมปั่นที่ต้นชอบด้วยนะเราอุตส่าไปซื้อมาให้”

 

     อาร์มพูดพร้อมกับถือแก้วน้ำแตงโมปั่นมาคะยั้นคะยอจนหลอดเกือบจะทิ่มปากผม ทำให้ผมต้องรับแก้วมาถือไว้เอง พอเห็นแบบนั้นอาร์มก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

 

     “แต่ก็อย่าที่เห็น ต้นมันแพ้คนอยู่หนึ่งประเภท”

 

     อาร์มหันไปมองตากับไปป์อย่างมีความหมาย แล้วก็หันไปมองหน้าทุกคนพลางพูดต่อเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันมานานเป็นชาติ

 

     “ต้นแพ้คนจริงใจ ใครจะจีบจะเข้าหามันขอให้จริงใจไว้ก่อน ทำดีกับมันเยอะๆ ต่อให้จีบไม่ติดต้นมันก็ใจอ่อน แต่ต้องห้ามทำให้มันอึดอัดนะ ถ้าเผลอทำให้ต้นอึดอัด ต่อให้ดีแค่ไหนต้นมันก็วิ่งหนี”

 

     ตอนที่อาร์มพูดประโยคนี้ อาร์มจงใจหันไปมองหน้าเมย์เป็นพิเศษ แถมยังมียักคิ้วกวนๆ ให้ด้วย เล่นเอาป่านต้องออกโรงปกป้องแทน

 

     “แล้วทำไมนายรู้ดีจัง เด็กวิศวะแท้ๆ หรือนายเองก็เคยจีบต้น”

 

     “เปล่าหรอกเราชอบผู้หญิงไม่จีบต้นหรอก แต่เพื่อนเราเคยจีบต้นน่ะ ต้นไม่เคยบอกเหรอ ว่าเราอยู่ ม. ปลายห้องเดียวกันกับต้นมาตั้ง 3 ปี”

 

     “จริงดิ่ มิน่านายสนิทกับต้นจัง ขนาดกับอาจารย์มันยังเถียงเลย แต่เห็นถ้าถึงมือนายทีไรต้นมันหือไม่ออกทุกที”

 

     “ถ้าต้นมันดื้อมากๆ นายจะใช้วิธีแบบเราก็ได้นะ ฮ่าๆ”

 

     ผมเห็นอาร์มกับไปป์ประสานสายตากันแล้วรู้สึกแปลกๆ ชักหวั่นใจยังไงพิกลครับ

 

     “พวกนายหมายถึงอะไรกัน อย่าทำอย่างกับเราเป็นเด็กนะ นายด้วยอาร์ม อย่ามาเสี้ยมเพื่อนเราหน่อยเลย”

 

     “โห ต้นใจร้ายอ่ะ คนนั้นเพื่อนต้นแล้วเราไม่ใช่เพื่อนต้นเหรอ”

 

     อาร์มพูดขึ้นพร้อมกับออดอ้อนด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้ แถมยังมีเอาหัวมาถูไหล่ผมอีก อย่างกับแมว

 

     “พอเลย เล่นบ้าไร เราเจ็บหลังนะ”

 

     “อ้าว โทษที ลืมไป”

 

     “งี้ทุกทีอ่ะ คิดก่อนทำซะบ้างเถอะอาร์ม”

 

     “ก็คิดมาแล้วว่าทำยังไงจะทำให้ต้นลืม ฮ่าๆ”

 

     ผมชะงักไปทันที

 

     “บ้า ไม่ได้ลืม แต่ถูกนายพาออกทะเลต่างหาก”

 

     อีกแล้ว... อาร์มทำให้ผมอารมณ์ดีเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ผมมัวแต่อมยิ้มกับมุขงี่เง่าของอาร์มจนลืมความทุกข์ในใจ

 

     “แต่ก็ลืมได้ใช่ป่ะล่ะ ใจเย็นขึ้นยัง?”

 

     “อื้ม ขอบใจนะ”

 

     บรรยากาศแปลกๆ ชวนให้ไม่มีใครกล้าขัด ผมว่างานนี้ ต่อให้อาร์มพูดออกจากปากว่าชอบผู้หญิง ผมก็คงไม่พ้นโดนนินทากับอาร์มอยู่ดีนั่นแหละ เล่นมาทำแบบนี้ต่อหน้าชาวบ้าน

 

     “ต้นแม่ง หน้าแดงจริงๆ ด้วยอ่ะ”

 

     “ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะไปป์”

 

     ผมหันไปเอ็ดไปป์ทันที หน้าแดงอะไรกัน อย่ามาว่าผมแบบนั้นนะครับ

 

     “อีกเรื่องลับๆ ของต้นมันก็คือ ความจริงแล้วต้นมันขี้อายมาก ถ้าเล่นแข่งเกมจ้องตากันนะ ต้นมันแพ้ตลอดแหละ แต่กับคนสนิทๆ ด้วยแล้ว ต้นมันจะขี้อ้อนมาก ถ้าต้นมันเคยอ้อนพวกนายละก็ รู้ได้เลยว่าต้นมันยอมรับพวกนายแล้ว”

 

     “พูดมากเกินไปละ ว่างนักรึไง”

 

     ผมเอาหนังสือฟาดอาร์มไปทีนึงเบาๆ อาร์มแกล้งร้องโอดโอยออกมาพอเป็นพิธีแล้วก็ตอบผม

 

     “ก็พวกเรานัดกันจะไปกินข้าวกันไม่ใช่เหรอ เราอุตส่ามานั่งรอเป็นเพื่อน กว่าแม็กซ์มันจะมาถึง”

 

     “เฮอะ เรากับแม็กซ์นัดกัน แต่นายอ่ะส่วนเกิน”

 

     “โหย พอไอแม็กซ์กลับมาก็ทิ้งเราเลยนะ ลืมช่วงเวลาดีๆ ตอนปีหนึ่งที่พวกเราสองคนเคยมีด้วยกันไปละเหรอ ต้นอ้า”

 

     ผมจะโดนข่าวเม้าท์จับคู่ก็เพราะมุขปัญญาอ่อนแบบนี้ของอาร์มเนี่ยแหละครับ พูดได้ไม่อายปากไม่แคร์ชื่อเสียงตัวเองเลย แต่ผมอายคนอื่นเขานะครับ ยังอยากอยู่แบบสงบๆ ต่อ เพื่อนๆ ในกลุ่มผมนี่แบบว่า เอ๋อกันหมดแล้ว

 

     “ช่วงเวลาเหี้ยไรของมึง ต้นอ่ะเป็นของกูมาตั้งนานละ อย่าโม้ไอ้อาร์ม”

 

     นั่น! ตัวป่วนคูณสอง แม็กซ์มาจากไหนไม่รู้เดินมาตบหัวอาร์มซะหัวทิ่มเลย

 

     “ไอ้เหี้ย มึงทำกรูทำไม กรูเพื่อนมึงนะเว้ย มึงคบกรูก่อนไอ้ต้นอีก”

 

     ผมรีบห้ามก่อนสองคนนี้จะวางมวยกัน เพราะเพื่อนผมคนอื่นๆ นี่หน้าซีดกันใหญ่

 

     “มาเร็วจังแม็กซ์ ไหนบอกว่าวันนี้จะช้า”

 

     “ก็มีหมาบางตัวมันโทรไปบอกเราว่าต้นมีเรื่อง เฮ้ย มึงอ่ะลุกดิ!”

 

     ว่าแล้วแม็กซ์ก็ทำเกเรเอามือไปสะกิดอาร์มด้วยการผลักจนอาร์มหน้าทิ่ม เล่นเอาโอมที่นั่งข้างๆ อาร์มเหวอไปเลยครับ คือ... แม็กซ์เถื่อนได้ใจจริงๆ ถึงแม็กซ์จะดีกับผมมากขึ้น แต่กับคนอื่น แม็กซ์ก็ยังเป็นแม็กซ์แหละครับ

 

     “นั่งตรงที่ผมก็ได้ครับ”

 

     ผมเห็นโอมบอกเสียงเบาๆ แล้วขยับตัวลุกอ้อมไปนั่งข้างๆ ไปป์แทน อาร์มเลยกระเถิบตัวออกไป เว้นที่ว่างไว้ให้แม็กซ์หย่อนก้นลงตรงกลางระหว่างผมกับอาร์ม พอแม็กซ์นั่งลงแล้วก็เริ่มกระพือเสื้อทันที

 

     “ร้อนว่ะ วิ่งมาเหนื่อยโคตร พัดให้หน่อย”

 

     ผมมองแม็กซ์นิ่งๆ อยู่ 3 วิ

 

     “นะครับต้น เนี่ยกว่าจะหาที่จอดได้ก็ไกลโคตร อุตส่าวิ่งมาเพื่อต้นเลย อาร์มมันบอกว่ามีคนทำต้นร้องไห้อีกแล้ว”

 

     “เอารถใหญ่มา?”

 

     ผมถามพร้อมกับเริ่มหยิบสมุดมาพัดให้ตามความเคยชิน เรื่องอะไรจะยอมรับว่าผมร้องไห้ละครับ แม็กซ์ตอบอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับหันไปคว้าน้ำในแก้วของอาร์มขึ้นมาดูดตาม ประสาคนเคยชินกับการเบี่ยงประเด็นของผม

 

     “อื้อ”

 

     “เนียนเลยนะมึง น้ำกู”

 

     “ก็กูจะแดกอ่ะ”

 

     เพื่อนๆ ผมอึ้งกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอาร์มเล็กน้อย เพราะอาร์มในตอนนี้แผ่รังสีแบดบอยสุดๆ แต่ก็อย่างว่านะครับ ถ้าไม่ได้เถื่อนพอๆ กับแม็กซ์ จะคบกันมานานขนาดนั้นได้ไง แล้วอาร์มก็อยู่วิศวะด้วยนะครับ

 

     “เอ่อ... ทุกคน นี่แม็กซ์ เพื่อนสนิทของเรากับอาร์ม ตอน ม.ปลาย แม็กซ์ นี่เพื่อนเราที่คณะ นั่นไปป์ โอม แล้วนี่ก็ เมย์ ป่าน แก้ว”

 

     “เออ หวัดดี”

 

     แม็กซ์พยักหน้าให้คนอื่นแบบเก็กๆ

 

     “จะไปกันยังอ่ะ?”

 

     แม็กซ์ถามขึ้น แต่ว่าโดนไปป์ตัดหน้าเสียก่อน

 

     “เอ่อ คือ... ต้น แล้วนายจะทำยังไงกับไอ้นี่”

 

     ไปป์พูดขึ้นพร้อมๆ กับชูถุงเจ้าปัญหาที่ทำให้ผมร้องไห้ขึ้นมา

 

     “ไอ้นี่เหรอ มาเดี๋ยวกูเอาไปคืนเอง”

 

     แม็กซ์พูดพร้อมกับดึงถุงมาจากไปป์อย่างแรง

 

     “ถ้ามันทำไรต้นอีก บอกแม็กซ์นะ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย พ่อแม็กซ์รู้จักคนเยอะ ให้เอาออกจากมหาลัยนี้ยังได้”

 

     “แม็กซ์ พอเถอะ เราอายเค้า”

 

     คือ ผมก็ดีใจนะ แม็กซ์เป็นห่วงผมขนาดนี้ จะว่าไปแล้วในบรรดาเพื่อนผมทุกคน แม็กซ์นี่แหละที่รู้ดีเรื่องนี้ที่สุด แม็กซ์เคยโดนมากับตัวเองด้วยซ้ำ แต่ว่า... มาโชว์เถื่อนต่อหน้าเพื่อนๆ คนอื่นแบบนี้ ผมอายอ่ะ ส่วนอาร์มนั่งกลั้นยิ้มใหญ่เลยครับ ตลกมากนักรึไง ไม่ช่วยกันห้ามแม็กซ์เลย

 

     “แล้วต้นจะเอาไง?”

 

     “เราจะเอาไปคืนเขา”

 

     “งั้นเราไปเป็นเพื่อนเอง ไม่ต้องไปสนไอ้อาร์มมัน ไอ้เพื่อนทรยศเอ้ย!”

 

     แม็กซ์หันไปด่าอาร์ม แต่รอบนี้อาร์มไม่ยอมครับ

 

     “มึงอ่ะใจเย็นเลย เอะอะมึงก็ใจร้อน คิดดูให้ดีเหอะ กูอ่ะทำเพื่อต้นนะเว้ย ต้นก็เพื่อนกูเหมือนกัน มึงก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอทิฐิไปแล้วได้ไรวะ คุยกันดีๆ ดีกว่าน่า”

 

     พอโดนประโยคนี้เข้าไป ผมกับแม็กซ์ก็สตั้นกันไปคนละ 3.75 วิครับ เราสองคนมองหน้ากันต่างคนต่างพูดอะไรไม่ออก แต่แม็กซ์กลับเลื่อนมือมาบีบมือผมเบาๆ ทีนึงก่อนจะปล่อย

 

     “แต่ยังไงก็ต้องเอาไปคืน เงินตั้งเยอะเรารับไว้ไม่ได้หรอก”

 

     “แล้วแต่นะต้น แต่คืนดีๆ ล่ะ เดี๋ยวพวกเราไปเป็นเพื่อน”

 

     อาร์มพูดแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นรอ ผมกับแม็กซ์มองหน้ากันแล้วก็ลุกตาม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่อาร์มกลายไปเป็นลูกพี่พวกเราซะแล้ว

 

     “เอ้ยๆ ไปด้วย เราขอไปด้วย”

 

     ไปป์ส่งเสียงดังขึ้น ผมเลยหันมามองหน้าไปป์นิดนึง

 

     “นายจะตามไปทำไม”

 

     “เอ่อ... ก็นายเป็นคนบอกว่า ถ้าเราแกะเราต้องเอาไปคืนเองไง”

 

     สอดรู้ไปทุกเรื่องเลยนะไปป์ ผมได้แต่ถอนหายใจให้ความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนคนนี้ แม็กซ์หันมามองหน้าผมนิดหน่อยเหมือนจะถามว่าเอายังไง

 

     “ตามใจ แต่เราไม่กลับมาตรงนี้แล้วนะ เราจะกลับเลย”

 

     “อืม”

 

     ไปป์เดินตามพวกผมมาโดยมีสายตาเป็นห่วงจากเพื่อนๆ ในคณะ ทำอย่างกับผมจะพาไปป์ไปเชือดซะงั้น แต่พอมองแม็กซ์ที่อยู่ข้างๆ แล้วก็.... วันนี้แม็กซ์ใส่ยีนส์ครับ ยีนส์ขาดหน่อย กับรองเท้าผ้าใบเซอร์ๆ เสื้อยืดลายแปลกๆ สีน้ำเงินเข้ม ผมที่เริ่มยาวรุงรัง แล้วก็มีหนวดหน่อยๆ สรุปว่าก็ดูเถื่อนนั่นแหละครับ เฮ้อ....

 

     อาร์มกับไปป์นั่งรอหน้าห้องครับ ส่วนแม็กซ์แน่นอนว่าไม่มีทางถอยอยู่แล้ว ตามเข้าไปในห้องกับผมด้วย พอผู้ชายคนนั้นเห็นผมกับแม็กซ์มาด้วยกันก็หน้าถอดสีทันทีครับ

 

     “ผมขอคุยกับอาจารย์เป็นการส่วนตัวซักครู่ครับ”

 

     ผมบอกแล้วเดินไปห้องเรียนข้างๆ รอ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินตามมาจริงๆ ครับ แม็กซ์ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ผม

 

     “ผมคืนนี้ให้คุณครับ”

 

     ผมส่งถุงที่ใส่กระเป๋าเงินกับเงินจำนวนนั้นคืนให้เขา แต่เขาไม่ยอมรับกลับพูดเรื่องอื่นออกมาแทน

 

     “ผมไม่ยักรู้ว่าคุณกลับไปคบกับผู้ชายคนนี้”

 

     “ผมจะคุยกับเพื่อนคนไหนก็เป็นเรื่องของผมครับ แล้วแม็กซ์ก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของผม ขนาดพี่ชัชยังไม่ว่าอะไรเลยแล้วคุณจะห่วงไปทำไมครับ”

 

     ผู้ชายคนนั้นมองไปทางแม็กซ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาพูดกับผม

 

     “ยังไงผมก็อยากให้คุณดูแลตัวเองด้วย”

 

     “นี่ลุง ไอ้ที่ผมมาเป็นเพื่อนมันถึงขนาดนี้ไม่เรียกว่าดูแลรึไง แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาวุ่นวายกับต้นมันด้วย ต้นมันไม่ชอบ เพื่อนคนเดียว ผมเทคแคร์เอง”

 

     แม็กซ์พูดแบบกวนๆ แล้วก็เดินมากอดคอผม ส่วนผมก็ยืนนิ่งๆ ไม่พูดอะไร

 

     “ไม่มีสัมมาคาระวะ”

 

     “ถึงผมจะไม่มีสัมมาคาระวะแต่ผมก็รักเพื่อนครับแล้วต้นมันก็รักผมด้วย ต้นมันให้อภัยผมแล้วต่อไปนี้คงได้เห็นผมบ่อยขึ้นหน่อยนะลุง”

 

     ผมรีบตัดบทก่อนมันจะลามไปไกลกว่านี้

 

     “เอาของๆ คุณคืนไปเถอะครับ ผมไม่ต้องการ”

 

     ผมพูดพร้อมๆ กับพยายามส่งถุงนั่นให้กับเขา แต่เขาไม่ยอมยื่นมืออกมารับซักที

 

     “ทำไมละต้น ทำไมคุณอภัยให้ทุกคนได้ยกเว้นผม คุณจะอภัยให้พ่อแท้ๆ ของตัวเองไม่ได้เลยหรือไง”

 

     “ผมก็บอกคุณไปแล้วนี่ครับว่าเพราะอะไร อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับผมขอร้อง”

 

     เสียงของผมเริ่มเครือจนมีน้ำตาไหลออกมา มือของแม็กซ์ที่พาดคอผมอยู่ก็เปลี่ยนเป็นกระชับเข้าเหมือนจะกอดผมแทน สัมผัสเบาๆ จากไหล่ที่โดนตบทำให้ผมรู้สึกกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่ไหว

 

     “คิดซะมั่งเถอะลุง ไม่มีญาติห่างๆ ที่ไหนเขาทำแบบนี้หรอก เคยส่องกระจกบ้างมั้ยว่าหน้าตัวเองกับต้นคล้ายกันขนาดไหน เพราะอะไรต้นมันถึงต้องใส่แว่น ถ้าคนอื่นเขารู้เขาจะมองไอ้ต้นมันด้วยฐานะอะไร ดีไม่ดีที่ต้นมันตั้งใจขยันไปทั้งหมดอาจจะโดนคนอื่นนินทาเอาอีกว่าใช้เส้นพ่อ แถมยังเป็นพ่อแบบไม่ถูกต้องตามกฏหมายด้วย ลุงชดเชยให้ต้นมันไม่ได้หรอก ไม่กลับไปถามเมียลุงดูล่ะว่าเขายินดีรับไอ้ต้นเป็นลูกมั้ย เขามองหน้าไอ้ต้นสนิทใจรึเปล่า ลุงเป็นพ่อที่ดีไม่ได้แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นอาจารย์ที่ดีให้ต้นมันเถอะ อย่ามาวุ่นวายจนเกินไปเลย ต้นมันจะอยู่อย่างลำบากเอา”

 

     เพราะแม็กซ์พูดขึ้นในเวลาที่ผมไม่กล้าพูด และน้ำเสียงจริงจังกับแววตาคมกล้าในดวงตาของแม็กซ์นั้นพูดในสิ่งที่ใครก็ไม่ อาจปฏิเสธ ผู้ชายคนนั้นไม่มีช่องจะเถียงอะไรได้เลย

 

     “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ต้นไม่เคยไปหาผม ผมจะไปหาต้นบ้างต้นก็ไม่ยอม ต้นไม่เคยแม้แต่จะโทรศัพท์มาหาผม ผมจะได้เจอต้นก็เฉพาะเวลาที่ผมใช้ฐานะอาจารย์เท่านั้น ถ้าผมไม่ทำแบบนี้แล้วผมจะพบลูกได้ยังไง”

 

     “แล้วลุงคิดว่าต้นมันจะสะดวกใจไปนั่งทานข้าวเป็นครอบครัวสุขสันต์กับเมียลุงรึไง ลุงเป็นถึงอาจารย์คิดได้แค่นี้เหรอ ลุงพึ่งรู้จักต้นมันได้กี่ปี ลุงก็รอไม่ไหวอยากจะให้ต้นมันยอมรับลุง ใช้วิธีบีบบังคับมันเอาแต่พูดจาไม่ดีกับมันต้นมันคงยอมหรอก ผมจะบอกให้นะลุง ต้นมันรอลุงมาทั้งชีวิต มันทนกับคำถามของคนอื่นมาทั้งชีวิตว่าทำไมมันถึงไม่มีพ่อ พ่อมันไปไหน ทั้งๆ ที่มันรู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการ แม้แต่แม่แท้ๆ มันยังเคยคิดจะกำจัดมัน”

 

     “พอเถอะแม็กซ์”

 

     เสียงของผมสั่นตามน้ำตาที่เริ่มไหลอาบหน้า แต่แม็กซ์กลับไม่หยุด แม็กซ์ตบบ่าผมเบาๆ  แล้วพูดต่อ

 

     “คุยกันให้รู้เรื่องเถอะต้น ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอ คนที่ทำให้ต้นต้องเป็นแบบนี้น่ะ”

 

     “ผมจะเล่าไรให้ฟังนะลุง ความจริงที่ต้นมันหลงรักผู้ชายคนนั้นเพราะมันโหยหาพ่อมาตลอดยังไงละ ผู้ชายคนนั้นเป็นทั้งพ่อทั้งคนรักให้ต้นมัน ลุงไม่แปลกใจเลยเหรอว่าทำไมต้นมันถึงไปชอบผู้ชายที่แก่กว่าตัวเองถึงขนาดนั้น มันโหยหาพ่อจนเผลอมองตามผู้ชายแก่คราวพ่อคนที่อยู่ใกล้ตัวมันมากที่สุดไง นอกจากนี้ที่มันมาสนิทกับผมก็เพราะลุง ถึงผมกับต้นจะรู้จักกันอยู่แล้วแต่ถ้าไม่เพราะมันอยากประชดลุงต้นมันไม่มาอ่อยผมหรอก สิ่งที่ต้นมันต้องการไม่ใช่พ่อหรือการชดเชย แต่ต้นมันต้องการใครซักคนที่จะรักมัน ลุงถามตัวเองก่อนเถอะว่าลุงรักมันหรือแค่สงสารเพราะรู้สึกผิดรับผิดชอบตามหน้าที่”

 

     “ทำไมผมจะไม่รักลูกผม!”

 

     เสียงที่ตวาดสวนกลับมาทำให้ผมตกใจ ผมไม่ได้ตกใจเสียงที่ดังขึ้นของเขา แต่ผมตกใจคำพูดของเขามากกว่า เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำพูดนั้นจากปากของเขา

 

     “ก็แค่นั้นแหละลุง”

 

     แม็กซ์กระชับอ้อมกอดผมก่อนจะบอกลา

 

     “แม็กซ์ไปรอข้างนอกนะต้น คุยกันให้เรียบร้อยล่ะ”

 

     แม็กซ์เดินจากไปทิ้งผมไว้ในห้องนั้นกับเขาสองต่อสอง ผมไม่รู้จะทำยังไงกับทั้งอารมณ์และน้ำตาของผมที่มันกำลังท่วมท้นอยู่ขณะนี้

 

     “ต้น พ่อขอโทษ อภัยให้พ่อนะ”

 

     ผู้ชายคนนั้นพูดพร้อมกับดึงผมไปกอด เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะความ... ผมสับสนมั้งครับ?

 

     มันไม่อบอุ่นเหมือนอ้อมกอดของพี่ชัช แต่แรงกอดรัดจากผู้ชายคนนั้นก็สลักอยู่ในความทรงจำของผมไปอีกนาน น้ำตาของผมไหลเปื้อนไปหมด แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงหยดน้ำเปียกๆ บนศีรษะของผมด้วยเช่นกัน

 

     บางครั้งมันก็ไม่ต้องมีอะไรมากมาย บางครั้งแค่การกระทำง่ายๆ บางอย่าง ผมก็พร้อมจะให้อภัยคนอื่นแล้ว เหมือนคำพูดเห็นแก่ตัวของพี่ชัชที่ขอให้ผมอดทนเขา เหมือนข้อความง่ายๆ ของแม็กซ์ที่บอกว่ามีแฟนใหม่แล้ว แค่อ้อมกอดของเขากับคำขอโทษแล้วก็เสียงร้องไห้ สิ่งที่ผมรอมาทั้งชีวิตได้รับการเติมเต็มแล้วครับ

 

     แต่มันอึดอัด คือถ้าคุณยังไม่ลืม ผมโดนน้ำร้อนลวกที่หลังนะครับ แล้วเขาก็ถูหลังผมแรงมากๆ ด้วย ผมเจ็บ! ผมก็เลยขืนตัวออกมานิดหน่อย

 

     “ผมเจ็บหลังครับ คุณต้น”

 

     กระดากปากเป็นบ้าเลยครับ ทำไมแม่น้ำต้องตั้งชื่อผมให้เหมือนชื่อเขาด้วยนะ!

 

     “ผมขอโทษ”

 

     เราดูขัดเขินกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเงียบไปซักพัก ผมก็เลยตัดสินใจยื่นถุงใบนั้นคืนให้เขาไปอีกที

 

     “เอามันคืนไปเถอะครับ มูลค่ามันมากไปจริงๆ ผมรับไว้ไม่ได้”

 

     แต่ผู้ชายคนนั้นกลับล้วงเอากระเป๋าเงินที่ใส่เงินพวกนั้นออกมาจากในถุงแล้วยัดใส่มือผมครับ

 

     “รับมันไว้เถอะ ผมอยากให้คุณจริงๆ ผมเห็นกระเป๋าเงินคุณเก่าแล้วผมอยากให้อะไรคุณบ้าง ส่วนเงินพวกนั้นก็ถือซะว่าเป็นขวัญถุงเถอะ”

 

     ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับมันไว้ แต่ผมก็เปิดกระเป๋าดึงแบงค์พวกนั้นออกมานับ แล้วพอถึงใบที่ 18 จนเหลืออยู่ 2 ใบ ผมก็ส่งคืนให้กับเขาครับ

 

     “งั้นผมขอรับไว้แค่นี้พอนะครับ มากกว่านี้ผมคิดว่ามันมากเกินไป”

 

     คราวนี้ผู้ชายคนนั้นยอมผมโดยง่าย เขารับเงินที่เหลือคืนไปแล้วก็เปิดปากพูดกับผม

 

     “คุณมีเพื่อนที่ดีนะต้นน้ำ ทั้งนายอนพัทย์ เด็กคนเมื่อกี้ แล้วก็คนที่เป็นกระเทยนั่นด้วย”

 

     “ครับ เพราะทุกคนเป็นคนดี นอกจากพวกเขาจะดีกับผมมากๆ แล้วพวกเขายังเข้าใจผม ผมถึงได้รักพวกเขามาก”

 

     “ดีแล้วล่ะ เพื่อนดีๆ ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ยิ่งเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันแบบนี้”

 

     เขาดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกต่อ

 

     “แต่ถ้าหากคุณมีเรื่องเดือดร้อนอะไร”

 

     “ไม่เป็นไรหรอกครับ มีคนต่อคิวรออยู่เยอะเลย นอกจากพี่ชัชกับพวกเพื่อนๆ ของผมก็ยังมีเจ้าสัวกับพี่ๆ บ้านไนน์อยู่อีกครับ ผมเกรงว่าคงไม่ถึงมือ...คุณพ่อหรอกครับ”

 

     ท้ายประโยคผมแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ผมรู้สึกไม่ดีเลยครับ อากาศในห้องนี้มันต้องร้อนมากไปแน่ๆ ผมถึงรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนมากๆ

 

     เราคุยกันอีกพอสมควรก่อนที่ผมจะออกมาจากห้อง แต่พอผมออกมาก็เห็นแต่แม็กซ์นั่งรออยู่ครับ ไม่เห็นอาร์มกับไปป์

 

     “อาร์มกับไปป์ล่ะแม็กซ์”

 

     แม็กซ์ที่นั่งฟังเพลงอยู่หันมามองหน้าผม ผมเดินไปนั่งข้างๆ แม็กซ์จ้องหน้าผมอยู่ครู่นึงแล้วก็ยิ้มออกมา

 

     “สบายใจแล้วอ่ะดิ่”

 

     “สบายใจอะไร”

 

     “ช่างเหอะ ปากแข็งอย่างต้นอ่ะ แม็กซ์ไม่เซ้าซี้หรอก”

 

     “บ้า ปากแข็งไร ตอบเรามาก่อน สองคนนั้นหายไปไหน”

 

     “ไอ้อาร์มมันพาเพื่อนนายไปส่ง วางใจเหอะเราขู่มันไปละ ความลับต้นปลอดภัยแน่ๆ เห็นอย่างนั้นแต่ไอ้อาร์มมันก็รู้นะว่าเรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนไม่ควรพูด”

 

     “บ้า ไปป์ไม่ใช่คนแบบนั้น”

 

     “เป็นคนแบบไอ้อาร์มแต่ซื่อบื่อกว่าใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ ต้นนี่แพ้ทางคนแบบนี้เนอะ”

 

     “แพ้ไร เปล่าซะหน่อย”

 

     ผมเฉไฉสิครับ

 

     “งั้นถามจริง ในกลุ่มพวกเรา 4 คนอ่ะ นายชอบใครมากที่สุด”

 

     “ถามบ้าไร”

 

     “แน่ะๆ ใจจริงชอบไอ้อาร์มมันอ่ะดี้ ถ้าตอนนั้นอาร์มมันไม่ได้มีแฟน ต้นจะยั่วมันแทนเราป่ะ”

 

     “บ้า!”

 

     “เออน่า พูดมาเหอะ สนิทกันถึงขั้นนี้แล้วจะองจะอายไรอีก”

 

     ผมหน้าแดงอยู่นิดหน่อยก่อนจะสารภาพออกมา ก็บอกแล้วว่าพักหลังๆ ผมคุยกับแม็กซ์บ่อย แล้วก็เคยบอกไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับ ว่าแม็กซ์เป็นคนที่ผมคุยด้วยเยอะสุดแล้ว แม็กซ์เป็นคนตรง มักจะกล้าถามคำถามแปลกๆ กับผม ซึ่งก็ไม่รู้ทำไมว่าผมถึง... กล้าตอบคำถามให้แม็กซ์ฟัง

 

     “เราคงไม่ยั่วอาร์มหรอก แต่... อาจจะแอบชอบมั้ง”

 

     ผมตอบแม็กซ์ออกไปแบบนั้น แล้วแม็กซ์ก็พูดในบางสิ่งที่ทำให้ผมอึ้ง

 

     “ว่าแล้ว มิน่าเมื่อก่อนเวลามีอะไรต้นชอบเข้าข้างไอ้อาร์มมันก่อนตลอดเลย แม็กซ์สังเกตมาตั้งแต่ตอน ม. 5 ละ”

 

     “ก็อาร์มเป็นคนร่าเริง สนุกสนานเฮฮา ใครก็ชอบกันทั้งนั้นแหละ”

 

     ผมพยายามเฉไฉแม้จะรู้ตัวว่าผมคงหลอกแม็กซ์ไม่สำเร็จ

 

     “โหย ชอบอาร์มแต่มาอ่อยแม็กซ์นะ ใจร้ายว่ะต้น รับผิดชอบมาเลยนะมาทำคนอื่นเขารักหัวปักหัวปำอ่ะ เนี่ยต้นเป็นผู้ชายคนแรกที่แม็กซ์หลงรักเลย ทำคนอื่นเขาเบี่ยงเบนอ่ะ”

 

     “ก็มีคนมารักษาให้แล้วนี่ จะให้เรารับผิดชอบไรอีกอ่ะ”

 

     ไม่รู้ทำไมเวลาที่คนเราสบายใจ เรื่องที่เคยทำให้อึดอัด พูดไม่ออก เป็นบาดแผลต้องห้ามมันก็กลายเป็นเรื่องขำๆ ที่เราเอามาพูดล้อกันได้สนุกปากแบบนี้ คงเพราะผมกำลังสบายใจมั้งครับ พอเรารู้สึกปลอดโปร่ง อะไรๆ มันก็เลยโล่งตาม

 

     “อื้อ กับหญิงหนุกกว่าจริงๆ นั่นแหละ”

 

     “ทะลึ่ง!”

 

     “ทะลึ่งบ้าไรเรื่องธรรมชาติ ตัวเองอ่ะเดี๋ยวนี้เชี่ยวชาญอ่ะดิ่ ได้ทำบ้างป่ะหรือโดนเขาทำอย่างเดียว”

 

     “บ้าแม็กซ์ พูดไรไม่รู้ไม่คุยด้วยแล้ว ไปเลยๆ เราอยากกลับบ้านแล้ว”

 

     “แน่ะๆ ทำเขินแล้วเปลี่ยนเรื่อง โดนคนอื่นเอาเปรียบอย่างเดียวอ่ะดิ่ ตัวเองก็มีเหมือนกัน ไม่ลองดูมั่งว้า”

 

     “ไม่เห็นจำเป็น ปกติก็โอเคอยู่แล้ว”

 

     “แปลว่าถึงฝั่งตลอดงั้นดิ่ แฟนต้นแม่ง เหอะๆ”

 

     “บ้า! หลอกให้เราพูดไรไม่เอาแล้ว ไม่คุยละ แม็กซ์กวนอ่ะ”

 

     “โหยๆ หน้าแดงเถือกเลยต้น ฮ่าๆ”

 

     หลังจากนั้น อาร์มก็เดินไปรอพวกเราที่รถของแม็กซ์เลยครับ วันนั้นพวกเราไปกินชาบูกันโดยมีผมเป็นเจ้ามือ ครับ ฟังไม่ผิดหรอก ก็วันนี้ผมอารมณ์ดีนี่ครับ แถมยังเป็นเพราะเขาสองคน เราสามคนก็เลยไปนั่งกินชาบูด้วยกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ผมไม่เข็ดกับหม้อซุปร้อนๆ เพราะมั่นใจว่าในกลุ่มพวกเราสามคนไม่มีใครซุ่มซ่ามครับ แล้วแถมแม็กซ์ยังให้ผมนั่งข้างในอีกด้วย ทำให้ผมไม่ต้องระแวงคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ก็มีข้อเสียนะครับ

 

     “ต้นๆ หยิบเนื้อให้แม็กซ์หน่อยดิ่ สัสอาร์มนั่นปลากู”

 

     “ต้นนน ลวกไข่เส้นๆ ให้เราหน่อยดิ่ จะเอาไข่เป็นเส้นๆ อ่ะ”

 

     ทั้งมื้อครับ.... แต่เอาเถอะ ก็ผมมีความสุขมากนี่นา วันนี้ยอมๆ ให้ก็ได้ครับ บริการเพื่อนรักของผมทั้งสองคนหน่อยจะเป็นไรไป

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

 

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page