top of page

The story after that. - ต้นน้ำ

     ถึงผมจะบาดเจ็บที่หลังแต่ผมก็ยังต้องไปสอบ แม้มือผมจะมีบาดแผลและผ้าก็อซแต่สมองของผมก็ยังหาคำตอบของข้อสอบได้อยู่ดี

 

     เช้าวันนี้พี่ชัชแวะมาส่งผมถึงในคณะ แต่เพราะพี่ชัชต้องออกต่างจังหวัดอีกแล้ว เราจึงมากันแต่เช้าหกโมงกว่าๆ การฝ่ารถติดในกรุงเทพเข้ามายังจุฬาให้ถึงก่อนหกโมงนี่คงไม่ต้องบอกนะครับว่า พวกเราต้องออกจากคอนโดแถวศรีนครินท์กันกี่โมง โชคดีที่เมื่อคืนผมนอนหลับเร็วมาก คงเพราะฤทธิ์ยาด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนพี่ชัชแฟนสุดที่รักของผม ผมไม่แน่ใจว่าพี่เขานอนกี่โมง แต่รอบคล้ำใต้ดวงตากลมโตนั้นก็ทำให้ผมอิ่มเอมใจ

 

     วันนี้พี่ชัชจะไม่กลับมานอนที่ห้อง ผมบอกพี่ชัชว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมโทรบอกเมษให้มาค้างเป็นเพื่อนผมแล้ว พี่ชัชสัญญาว่าพรุ่งนี้จะรีบกลับมาหาผม แค่นั้นก็พอแล้วครับ

 

     ข้อสอบไม่ได้ยากอะไร อาศัยที่ผมทบทวนความรู้ความจำทั้งหมดที่ผ่านไปในเทอมนี้ผมก็พอจะตอบได้บ้าง แม้ผมจะไม่ได้อ่านหนังสือเลยแม้แต่น้อยเมื่อคืน แต่ผมก็มั่นใจว่าเกรดของผมจะไม่มีทางต่ำกว่า B เพื่อนๆ ของผมพากันทึ่งที่ผมใช้เวลาจนนาทีสุดท้ายในห้องสอบตามปกติ ด้วยท่าทางสบายๆ หลายคนจึงหาเรื่องแขวะผมอย่างหมั่นไส้

 

     “เฮ้ย! ขอแบ่งสมองมึงมามั่งดิ่ต้น ดูดิ่ ท่าทางชิลมากอ่ะ”

 

     ผมหันไปมองด้วยหางตาก่อนจะตอกกลับแบบชิลๆ

 

     “แบ่งไปให้แล้วสมองนายจะรับไหวเร้อ เอก”

 

     “แม่ง ปากดีนักนะมึง”

 

     “หึๆ ก็บอกแล้ว เขียนเข้าไปเหอะอย่าส่งกระดาษเปล่า จำๆ สูตรหน่อย เขียนๆ ไปเดี๋ยวอาจารย์เขาก็ใจอ่อนให้เอง”

 

     มีเยอะครับ พวกชอบส่งกระดาษเปล่า พวกชอบเผ่นทันทีที่หมดเวลาเพราะตอบอะไรไม่ได้ ให้ตายเถอะ ไม่รู้ว่ารุ่นผมตอนจบจะเหลืออยู่กี่คน

 

     “ก็กูจำไม่ได้นี่หว่า ถ้าจำได้กูก็เขียนตอบไปแล้ว”

 

     “ก็บอกแล้วให้มาติวกับเรา”

 

     “อยากอยู่ แต่รำคาญคน”

 

     เอกพูดพร้อมกับบุ้ยปากไปทางเมย์ เมย์กับป่านเดินมาทางผมพอดีครับ เอกก็เลยขอตัวไปนั่งกับกลุ่มของตัวเอง ผมบอกแล้ว มนุษย์สัมพันธ์ผมดีขึ้นเยอะเลยครับ ขอบคุณคำพูดของแหวนจริงๆ ถ้าตอนนั้นผมไม่โดนแหวนพูดแทงใจดำแบบนั้น ป่านนี้ผมอาจจะต้องมาเรียนอย่างเงียบเหงาเข้าคลาสไปวันๆ เพราะผมคงยังไม่รู้ซึ้งถึงความสำคัญของคำว่า “เพื่อน”

 

     มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมครับ และการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เราขาดสังคม ขาดเพื่อน ขาดกลุ่มไม่ได้เด็ดขาด ป่านกับเมย์เดินมาทางโต๊ะที่ผมกับโอมนั่งอยู่ ส่วนแก้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำครับ แต่ไม่รู้ว่าไปป์หายหัวไปไหน เมื่อวานตอนเฝ้าผมก็เอาแต่เล่นเกม ผมล่ะห่วงเพื่อนคิดน้อยคนนี้จริงๆ

 

     เมื่อเช้านี้ตอนก่อนเข้าห้องสอบ เพื่อนๆ ทุกคนเดินมาถามไถ่อาการผมใหญ่เลยครับ แต่ละคนทำท่าอย่างกับผมไปรบที่สามจังหวัดชายแดนมา กับอีแค่น้ำร้อนลวกเองนะครับ ยิ่งเมย์นี่ทำท่าอย่างกับห้องที่ผมจะเดินเข้าไปเป็นโรงเชือดมากกว่าห้องสอบ จนผมต้องบอกว่าไม่เป็นไร ผมยังแข่งกับเธอได้อยู่ เมย์ถึงได้วางใจครับ

 

     แต่ในระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งอ่านหนังสือรอสอบตอนบ่ายนั่นเอง โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมดูชื่อคนโทรเข้าแล้วก็ตกใจ “เจ้าสัววิรัตน์” อาจารย์ต้นตระการต้องเป็นคนบอกเจ้าสัวแน่ๆ ครับ ผมบอกเมย์ว่าขอตัวแปปนึงก่อนจะเดินเลี่ยงไปรับโทรศัพท์

 

     “ครับ ต้นน้ำพูดสายอยู่ครับ”

 

     “อาตี๋เล็ก ลื้อบาดเจ็บเหรอ”

 

     นั่นไงครับ ผมว่าแล้ว ข่าวไปไวจริงๆ

 

     “เจ้าสัวทราบได้ยังไงครับ?”

 

     “อาณีอีบอกอั๊วะ ลื้อเจ็บเป็นไรอ่ะ ลื้อไปหาหมอแล้วยัง?”

 

     “ผมไม่เป็นอะไรมากครับ เจ้าสัวไม่ต้องเป็นห่วง”

 

     “แต่อาณีอีบอกว่า อาต้นบอกว่าลื้อเจ็บแผลมากๆ เมื่อวานลื้อก็กลับบ้านไม่ไหว กลับไปก็ต้องอยู่คนเดียว ไอ้คนขายยานั่นมันทำกับลื้อแบบนี้ได้ยังไงห๊ะ! ทำไมมันไม่ดูแลลื้อ อั๊วะจะไปรับลื้อมาอยู่กับอั๊วะ!”

 

     “เจ้าสัวครับ ผมมีสอบนะครับ”

 

     “แต่ลื้อไม่มีคนดูแล แฟนลื้อมันทอดทิ้งลื้อ”

 

     “พี่ชัชเขาต้องทำงานครับ ช่วงนี้พี่เขางานยุ่งก็เลยกลับดึกนิดหน่อย เขาไม่ได้ทอดทิ้งผมครับ”

 

     ให้ตายสิ ไปกันใหญ่แล้ว ผมไม่อยากเถียงกับเจ้าสัวเลยครับ ผมไม่ถนัดคุยกับคนแก่จริงๆ แล้วผมก็พูดอะไรไม่ดีกับเขาเหมือนที่ทำกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้ด้วย

 

     “งั้นแล้วตอนที่มันไม่อยู่ใครจาดูแลลื้อ ไม่เอาๆ อาตี๋เล็ก อั๊วะจาให้คนไปรับลื้อมาอยู่กับอั๊วะ ลื้อเก็บเสื้อผ้ามาอยู่กับอั๊วะ”

 

     “ไม่ได้หรอกครับ ผมนัดเพื่อนไว้แล้ว เพื่อนผมเขามาอยู่เป็นเพื่อนช่วยดูแลผมอยู่แล้วครับ ผมไม่ได้อยู่คนเดียว”

 

     “ไอ้หย๊า ลื้อต้องอยู่คนเดียวด้วยเหรอ”

 

     ผมรู้ได้ทันทีว่าผมเผลอหลุดปากไป เมื่อกี้ผมไม่ควรจะตอบไปแบบนั้นเลย

 

     “ผมอยู่กับเพื่อนครับ ไม่ได้อยู่คนเดียว”

 

     “เพื่อนลื้อใครห๊ะ”

 

     “เมษไงครับ”

 

     “ไอ้หย๊า อากระเทยคนนั้นน่ะนะ! เกิดมันปล้ำลื้อละอั๊วะจะทำยังไง”

 

     ผมหลุดขำทันที คิดได้ยังไงครับนี่ว่าเมษจะปล้ำผม ฮ่าๆ อากงมักมีมุมแปลกๆ แบบนี้เสมอเลยครับ คราวก่อนพอรู้ว่าผมชอบผู้ชายก็บอกว่าจะหาผู้ชายดีๆ ให้ผม ขอแค่ผมไปอยู่กับแก

 

     เมษปล้ำผมไม่ได้หรอกครับ แล้วผมก็คงไม่ปล้ำเมษด้วย แถมผมยังถูกพี่ชัชปล้ำไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว คิดแล้วก็น่าขันจนผมเผลอยิ้มออกมาครับ

 

     “เจ้าสัวครับ เพื่อนของผมเป็นผู้หญิงนะครับ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วคนที่จะเป็นฝ่ายเสียหายก็คงเป็นเพื่อนผมมากกว่า แล้วอีกอย่างแฟนผมยังไม่ว่าอะไรเรื่องนี้เลยครับ เขายังบอกเลยว่าดีแล้วผมจะได้มีคนดูแลช่วยทายาให้”

 

     “แต่อั๊วะไม่ไว้ใจอี”

 

     เสียงของเจ้าสัวยังเหมือนคนยังไม่ยอมแพ้ครับ

 

     “นะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แผลก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ แค่ต้องทายาทุกวัน เขาจะได้เห็นแต่หลังผมเท่านั้นแหละครับ”

 

     “แต่อั๊วะเป็นห่วงลื้อ เมื่อวานลื้อยอมให้อาต้นอีไปส่ง แต่ลื้อไม่ยอมมาหาอั๊วะเลย”

 

     “ขอโทษครับ พอดีช่วงนี้ผมยุ่งๆ”

 

     “งั้นเสาร์อาทิตย์นี้ลื้อต้องมาหาอั๊วะ อั๊วะจะให้คนไปรับลื้อมากินข้าวที่บ้าน”

 

     “ครับ เจ้าสัว”

 

     “ลื้อสัญญาแล้วนะอาตี๋เล็ก ห้ามหลอกคนแก่นะ”

 

     “ครับผมสัญญา”

 

     ผมยืนคุยเพลินเลยครับ แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อหันไปเห็นเมย์ยืนอยู่

 

     “เอ่อ แค่นี้ก่อนนะครับ ผมมีสอบตอนบ่าย ต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือแล้ว”

 

     “เออๆ สอบเก่งๆ ล่ะอาตี๋เล็ก”

 

     พอเจ้าสัววางสายไป ผมก็หันไปมองเมย์ ผมรอดูว่าเธอจะพูดอะไร

 

     “คุยเสร็จแล้วเหรอ เห็นนายหายมานานก็เลยมาตาม ไปป์มันงอแงอ่านวิชาบ่ายไม่เข้าใจอ่ะ เรารำคาญเลยจะมาตามนายไปช่วยติวให้มัน”

 

     “เหรอ ได้สิ”

 

     แล้วผมก็เดินกลับไปกับเมย์ครับ โชคดีจังที่พักนี้คำเตือนของผมได้ผล เมย์ไม่ค่อยอาละวาดแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมแล้ว

 

     วิชาตอนบ่ายยากมากกกกครับ  ผมขอบอกแบบนี้เลย ไอ้ที่ยากนี่ไม่ใช่เนื้อหาวิชายากหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะเทอมที่ผ่านมาอาจารย์สอนห่วย เอ้ย! สอนเข้าใจยากมากๆ ต่างหากครับ พวกเราเรียนกันแทบไม่รู้เรื่อง จดงานกันมือเป็นระวิง ข้อสอบก็โหดหิน ผมนึกย้อนกลับไปแล้วยังงงว่าอาจารย์แกเอาตรงไหนมาออก ก็ขนาดผมยังออกปากขนาดนี้แล้วคนอื่นจะขนาดไหนคงไม่ต้องบอกนะครับ เดินร้องไห้ออกมาจากห้องสอบกันทุกคน ผมเองยังเซ็งเลยครับ บอกตามตรงว่าไม่มั่นใจเลย มิน่าพวกรุ่นพี่ถึงได้พูดว่าวิชานี้เป็นวิชาปราบเซียน เฉพาะเทพไร้สามัญสำนึกเท่านั้นถึงจะสอบได้ A วิชานี้!

 

     แต่พอผมเดินออกมาจากห้องสอบแล้วผมกลับเซ็งยิ่งกว่าเก่า พี่ซิคซ์นั่งยิ้มหน้าแป้นแล้นรอผมอยู่ ผมเกลียดพี่ซิคซ์ครับ ป่าวหรอกนะไม่ใช่ว่าผมเกลียดเขาแบบที่ผมเกลียดคนอื่นๆ หรอก แต่เป็นการเกลียดแบบแพ้ทางมากกว่า พี่เขามีคาแรคเตอร์แบบอาร์มแต่ดูร่าเริงสดใสกว่าหลายร้อยเท่า แต่ใจจริงนี่ข้างในเจ้าเล่ห์หน้าตายร้ายกว่าพี่ชัชเป็นพันเท่าเลยครับ!

 

     ผมเดินออกมาเจอกันขนาดนี้แล้ว แถมพี่ซิคซ์ยังเดินตรงมาทางผมแล้วด้วย ผมก็ต้องยกมือไหว้ครับ

 

     “สวัสดีครับพี่ซิคซ์”

 

     พี่ซิคซ์ยิ้มรับไหว้ผมแล้วก็ออกปากทักทายผมกับเพื่อนทันที ราศีหนุ่มไฮโซของพี่ซิคซ์เปล่งออร่าจนแม้แต่ป่านยังละลายเลยครับ ป่านกระตุกแขนเสื้อผมยิกๆ แล้วกระซิบถามผมใหญ่เลยว่าใคร

 

     “มาหาผมมีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”

 

     กับพี่ซิคซ์ พูดไปเลยตรงๆ ดีที่สุดครับ อย่าไปต่อปากต่อคำกับแก ไม่งั้นจะเจ็บเอง

 

     “พี่มารับต้นกลับบ้าน ทุกคนเขาเป็นห่วงต้นกัน แต่ต้นดื้อ แม้แต่อาต้นยังเอาไม่อยู่ ป้าณีเลยส่งพี่มาเป็นทัพหน้าปราบพยศต้น”

 

     เลิกพูดจากำกวมสองแง่สองง่ามแบบนี้ต่อหน้าผมและเพื่อนๆ ได้มั้ยครับพี่ซิคซ์ ผมเกลียดวิธีการพูดแบบนี้ที่สุดเลย ทีนี้แหละทุกคนต้องเม้าท์แตกแน่ๆ ว่าผมเป็นเกย์ เพราะมีแต่หนุ่มๆ มาหา!

 

     ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่ไนน์จะกลับมาซะทีนะ ผมยอมให้ไนน์พาผมไปไหนมาไหนยังดีกว่าต้องมารับมือพี่ซิคซ์แบบนี้!

 

     “ใครอ่ะแก๊ ใครอ่ะต้น แนะนำหน่อยๆ”

 

     ยังมีหน้ามายืนยิ้มอีก ผมเกลียดพี่ซิคซ์ สายตาระริกระรี้วิบวับน่าโมโหแบบนั้นผมก็เกลียด

 

     “เฮ้ย ต้นหน้าแดงด้วยอ่ะ”

 

     อะไรกัน! ผมเปล่านะ

 

     “พูดบ้าๆ น่ะไปป์”

 

     ผมด่าไปป์ไปทีนึง ก่อนจะหลบสายตาสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนๆ

 

     “จะไม่แนะนำพี่ให้เพื่อนๆ ต้นรู้จักหน่อยเหรอ ถ้าต้นไม่ยอมพูดพี่จะเป็นฝ่ายพูดเองนะ”

 

     พี่ซิคซ์ยิ้มแบบล้อๆ ทำให้ผมตัดสินใจพูดเองทันที เชื่อเถอะครับว่าให้ผมเป็นฝ่ายเอ่ยมันออกมาเองดีกว่าให้พี่ซิคซ์เป็นคนพูดแน่ๆ

 

     “นี่พี่ซิคซ์ เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทเราตอน ม. ปลาย”

 

     ผมแนะนำตัวพี่ซิคซ์ก่อนจะหันไปแนะนำเพื่อนๆ ผมทีละคน

 

     “พี่ซิคซ์ครับ นี่โอม ไปป์ ป่าน แก้ว แล้วก็เมย์ เพื่อนคณะเดียวกันกับผมครับ”

 

     “โห ควงสาวเยอะขนาดนี้น้องสาวพี่ก็มีคู่แข่งเพียบล่ะสิ แค่ยัยไนน์ไปเมืองนอกไม่กี่ปีต้นก็มีใหม่ซะแล้ว ว่าแต่... ต้นนี่ทำบาปเยอะจังเลยน้า ทำให้คนอื่นหลงรักมากเกินไปแล้ว”

 

     เงียบใบ้กินกันทั้งแถบจริงๆ ครับ พี่ซิคซ์ปล่อยมุขได้ไม่ถูกเวลามากๆ ทุกคนหันไปมองหน้าเมย์ทันที เมย์หน้าขึ้นสีนิดหน่อย แต่คนที่หน้าเสียที่สุดคือโอมที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม และสายตาของพี่ซิคซ์ก็ยิ้มชั่วร้ายมองโอมอยู่

 

     “เรื่องส่วนตัวของผมกับเพื่อนครับ”

 

     ผมตอกกลับไปได้แค่นั้นจริงๆ กับพี่ซิคซ์นี่ขอเถอะครับ ผมตอบอะไรไม่ถูกจริงๆ แต่พี่ซิคซ์ไม่หยุดแค่นั้นครับ พี่ซิคซ์วางระเบิดอีกลูกนึงต่อทันที

 

     “สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อซิคซ์นะ เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทอย่างที่ต้นบอก พอดีว่าน้องสาวพี่ไปเรียนต่อต่างประเทศแต่เขาเป็นห่วงต้นที่ต้องอยู่คนเดียว พี่เลยอาสามาดูแลต้นแทนครับ เพราะบ้านพี่กับบ้านของต้นสนิทกันมากผู้ใหญ่ก็เลยอยากให้พวกเราดองกัน ใช่มั้ย เนอะต้นเนอะ”

 

     ผมลากพี่ซิคซ์ออกจากที่นั่นทันที

 

     “พี่ซิคซ์มารับผมไม่ใช่เหรอครับ รถจอดอยู่ทางไหนครับ”

 

     “ใจร้อนจังต้น ไม่อยู่คุยกับพวกเพื่อนๆ ก่อนเหรอ ฮ่าๆ”

 

     ถ้าอาร์มเป็นผู้ชาย KY โลกสวย ที่ทำให้คนรอบข้างมีความสุขเพราะนิสัยซื่อๆ แล้วละก็ ผมขอจัดพี่ซิคซ์เป็นผู้ชาย AKY เจ้าเล่ห์หน้าตาย นิสัยร้ายกาจ ที่ทำให้ผมอยากจะบ้าตายครับ!

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

 

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page