top of page

The story after that. - อาจารย์ต้นตระการ

     ผมพาต้นน้ำแวะห้างสรรพสินค้าระหว่างทางกลับบ้าน ผมตั้งใจว่าจะพยายามทำดีกับเด็กคนนี้ให้มากขึ้นแม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาต้นน้ำไม่เคยรับความหวังดีจากผมเลยก็ตาม

 

     “เสื้อคุณเปื้อนไปหมดแบบนั้น เปลี่ยนตัวใหม่เถอะ คุณลองไปดูสิว่าคุณใส่ไซส์ไหน”

 

     “ผมกลับไปซักได้ครับ”

 

     “เลอะขนาดนั้นจะซักออกเหรอ มือคุณก็เจ็บ ซื้อใหม่ไปซักตัวเถอะถือว่าผมให้”

 

     ผมมองมือของต้นที่มีผ้าก็อซปิดอยู่ ผมไม่เห็นแผล แต่ผมก็แน่ใจว่าต้นคงเจ็บพอสมควร

 

     “แต่ผมไม่อยากได้อะไรจากคุณนี่ครับ”

 

     เด็กคนนี้ทิฐิเหลือเกิน แม้ผมจะเบื่อหน่ายการโต้ตอบของเด็กคนนี้แต่ผมก็รู้ตัวว่าผมไม่มีสิทธิ์เหนื่อย เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องชดใช้ให้กับต้น ในฐานะที่เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยดูแลต้นเลย

 

     ผมหันไปสั่งพนักงานขายแทน

 

     “ช่วยหาเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีดำไซส์เด็กคนนี้ด้วยครับ”

 

     “ผมไม่เอา!”

 

     “คุณกำลังทำให้พนักงานเขาลำบากใจ”

 

     พอถูกผมต่อว่าแบบนั้น เด็กคนนี้ก็หันไปมองพนักงานขายด้วยสีหน้าหนักใจก่อนที่จะแสดงท่าทางลังเล แต่พอถูกพนักงานพยักหน้าเชิญให้เดินตามไปสุดท้ายเขาก็ใจอ่อน ผมรู้ดีว่าต้นไม่ใช่เด็กเหลือขอ ต้นน้ำเป็นเด็กดี รู้จักเกรงใจคนอื่น มีสัมมาคารวะ จิตใจโอบอ้อมอารีย์ มีนิสัยอ่อนโยน แต่ทุกข้อที่กล่าวไปทั้งหมดจะไม่ปรากฏอยู่ในตัวเขายามที่สนทนาอยู่กับผม

 

     ต้นไม่ยอมเรียกผมด้วยคำอื่นนอกจากคำว่า “อาจารย์” หรือ “คุณ” เขาเรียก ทุกๆ คนว่าคุณโดยไม่ยอมลดกำแพงของตัวเองลงให้ความสนิทสนมกับใคร ยกเว้นพี่ณีพี่สะใภ้ของผม คงเพราะเธอเป็นป้าแท้ๆ ของหนูไนน์ ต้นถึงได้ยอมเรียกป้าณีตามเพื่อนของตัวเอง แต่ยังเรียกผมกับลูกว่าคุณอยู่

 

     ผมรอต้นเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ผมซื้อให้ ตอนที่ต้นเดินออกมานั้นผมเห็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความเจ็บปวด ต้นคงเจ็บแผล เพื่อนของเขาบอกกับผมว่าต้นแทบจะยกแขนไม่ขึ้น ผมเป็นห่วงต้นแม้รู้ดีว่าต้นคงไม่ยอมรับความเป็นห่วงใดๆ จากผมก็ตาม

 

     แรกเริ่มนั้น ตอนที่ผมรู้ตัวว่าผมมีต้น ผมคิดว่าต้นคือตัวปัญหา ผมไม่ต้องการต้น ต้นจึงเติบโตมาโดยไม่มีผมและผมก็อยู่มาโดยที่คิดว่าต้นคงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพราะตอนนั้นผมรักลูกรักเมียรวมไปถึงชื่อเสียงตัวเองมากกว่าที่จะสนใจของเล่นชั่วคราว

 

    แต่ต่อมา เมื่อผมได้พบกับต้นอีกครั้ง ภาพของเด็กผู้ชายที่เก็บอารมณ์แม้จะดูสับสนงุนงงเพราะถูกผู้หญิงคนนั้นพาตัวออกไปอย่างรีบร้อนก็ทำให้ผมติดใจ ผมลืมสายตาของเด็กคนนั้นที่มองมาทางผมสลับกับแม่ของตัวเองไม่ได้ และพอผมได้รู้ความจริง ผมช็อกมากที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเธอตั้งใจเก็บเด็กไว้และเลี้ยงดูต้นน้ำมาโดยลำพัง เพียงแต่ผมเองก็มีภรรยาและลูก ผมไม่สามารถทำอะไรให้มันไม่กระทบกระเทือนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้

 

     คงเป็นโชคดีในโชคร้ายที่พ่อของผมเองท่านก็ทราบเรื่องนี้ด้วย พ่อที่พึ่งเสียลูกกับหลานชายจึงไม่รีรอที่จะรับต้นมาเลี้ยงดู ท่านออกหน้าแทนผม แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นเธอก็รักลูกของเธอและผมเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ผมไม่สามารถทำอย่างที่ผมต้องการได้สะดวก จนเมื่อผมได้พบกับต้นน้ำอีกครั้ง ในดวงตาของเด็กคนนั้นก็มีแต่ความเกลียดชังผมแล้ว คงสาสมแล้วที่ลูกเกลียดผม

 

     ตอนที่ต้นน้ำประสบอุบัติเหตุเกือบเอาชีวิตไม่รอดผมถึงได้รู้ว่าการสูญเสียคืออะไร แม้ในอดีตผมจะไม่ต้องการต้นแต่ในวันนี้ที่ผมรู้ว่ายังมีต้นอยู่ในโลกนี้ผมไม่อยากให้ต้นหายไป แต่ผมเองก็ต้องผิดหวังเมื่อได้รู้ว่าลูกจะไม่มีวันเป็นของผม ลูกได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับผู้ชายคนอื่นแล้ว ผู้ชายที่เป็นคนรักของลูกชายผม แต่ในขณะเดียวกันก็คอยเป็นที่พึ่งทางใจให้กับต้นมาตลอด ลูกขาดความอบอุ่นจากผม

 

     สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้มีแค่การชดเชยให้ต้นเท่านั้น แต่ลูกชายของผมหัวแข็งเกินกว่าจะยอมรับความช่วยเหลือจากผม เขายอมทุกคนยกเว้นผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเห็นแววตาสับสนอ้างว้างในตัวเขาอยู่ดี ผมได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะเปิดใจให้ผมและเมื่อนั้นผมจะได้ถมหลุมดำนั้นให้เต็ม

 

     ผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดี เป็นสามีที่เลวร้าย เป็นอาจารย์แย่ๆ คนหนึ่ง แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะเป็นพ่อที่ดีให้กับลูกทั้งสองคนของผม ษาโชคดีที่มีแม่เข้มแข็ง เธอจึงไม่มีปัญหาอะไร เป็นเด็กผู้หญิงที่รู้จักคุณค่าในตัวเอง แต่ลูกชายของผมกลับเข้มแข็งขึ้นด้วยความเกลียดชัง เติบโตขึ้นอย่างว้าเหว่ ผมอดเป็นห่วงลูกชายของผมไม่ได้

 

     ต้นเดินมาทางผมที่กำลังจ่ายเงินให้กับพนักงานไปคิดเงินที่แคชเชียร์ เขาล้วงกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาแล้วหยิบธนบัตรยื่นให้ผม

 

     “ค่าเสื้อกับกางเกงครับ”

 

     “คุณเก็บไว้เถอะ ถือว่าผมซื้อให้คุณ”

 

     “แต่ผมไม่ต้องการเงินของคุณ ผมมีเงินของผมเองไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณ”

 

     “ถ้าคุณเอาเงินให้ผมหมดแล้วเดือนนี้คุณจะอยู่ยังไง”

 

     ผมพาลูกมาซื้อเสื้อผ้าในแผนกเครื่องแต่งกายชาย เลือกร้านดีๆ ให้ลูก รวมแล้วทั้งเสื้อกับกางเกงที่ผมซื้อให้ก็หลายพัน พอผมพูดแบบนั้นต้นก็ทำหน้าอึดอัดใจ มือของเขากำธนบัตรกับกระเป๋าเงินไว้แน่น ลูกแทบไม่ยอมสบสายตากับผม

 

     “เก็บเงินของคุณไว้เถอะ”

 

     ผมพูด แต่ต้นยังไม่ยอมขยับ ผมดึงเงินในมือเขาใส่กลับลงไปในกระเป๋าเงินเก่าๆ ใบนั้นแล้วส่งให้เขา

 

     “แค่พูดคำว่าขอบคุณกับผมก็พอ”

 

     ลูกเงยหน้าขึ้นมามองผม ตอนที่ดวงตาของเราประสานกันผมเห็นน้ำตาคลออยู่ในนั้น ผมเห็นภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่รอคอยผมมาตลอด แต่ผมไม่กล้าพอที่จะแสดงความรักกับต้น ผมไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไรดีกับลูกที่ผมทอดทิ้ง ผมไม่สามารถกอดหรือลูบหัวลูกอย่างที่ผู้ชายคนนั้นทำได้ ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงเพื่อให้ต้นมีความสุขเหมือนตอนที่ผมเห็นสีหน้าของ ลูกในยามที่ถูกเอ็นดูจากผู้ชายคนนั้น

 

     “ขอบคุณครับ อาจารย์”

 

     ต้นยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณผม แต่ก็ยังเรียกผมว่าอาจารย์ ต้นยังไม่เคยเรียกผมว่า “พ่อ” เลยสักครั้ง

 

     ผมไปส่งต้นที่คอนโด ครั้งนี้ผมได้โอกาสขึ้นไปส่งถึงในห้อง แม่ของต้นแต่งงานใหม่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ต้นไม่ได้ตามไปเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย ผมเคยคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้ตัวต้นไปอยู่ด้วย แต่ต้นกลับเลือกที่จะอยู่กับผู้ชายคนนั้นแทน ผมจึงจำเป็นต้องเคารพการตัดสินใจของลูก

 

     ต้นดูอึดอัดที่ผมตามมาส่งเขาถึงข้างบน แต่ถึงกระนั้นก็ยังเชิญผมให้เข้าไปดื่มน้ำในห้องอย่างสุภาพ ผมคิดว่านี่คงจะเป็นการยอมรับผมเพิ่มอีกระดับเท่าที่ลูกจะทำได้

 

     “เขาบอกคุณรึเปล่าว่าเขาจะกลับมากี่โมง”

 

     “อีกเดี๋ยวก็คงถึงแล้วครับ พักนี้พี่ชัชวิ่งเขตนอกเมือง ค่อนข้างกลับช้าครับ”

 

     “อ้าว แบบนี้ถ้าผมไม่รับคุณกลับมาแล้วคุณจะทำยังไง จะนั่งรอเขาต่ออย่างนั้นเหรอ”

 

     ลูกชายของผมเชิ่ดคางขึ้นพลางเสมองไปทางอื่น เขาไม่ชอบหน้าผม แต่เขาเกลียดเวลาที่ผมพูดจาว่าร้ายแฟนเขามากกว่า

 

     “เขากลับดึกทุกวันหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วใครจะดูแลคุณ ยิ่งช่วงนี้คุณมีสอบจะหยุดก็คงลำบาก คุณจะไปมหาวิทยาลัยไหวได้ยังไง ผมว่าคุณไปพักกับผมสักระยะดีกว่า หรือจะไปอยู่กับพ่อของผมก่อนก็ได้ อย่างน้อยๆ จะได้มีคนช่วยช่วยดูแลคุณ”

 

     “ผมขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของอาจารย์ แต่ผมคิดว่าอาจารย์ไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายกับชีวิตรักของผมกับแฟนนะครับ”

 

     “ผมเป็นห่วงคุณในฐานะพ่อคุณก็ไม่ยอมรับ ผมถึงได้แนะนำคุณในฐานะอาจารย์หรอกนะต้นน้ำ”

 

     ผมพยายามใจเย็นแล้วพูดกับลูกดีๆ แต่สีหน้าของต้นน้ำตอนที่ได้ยินคำว่า “พ่อ” จากปากผมคล้ายคนจะร้องไห้

 

     “ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”

 

     “แต่เพื่อนคุณบอกว่าคุณเจ็บแผลที่หลังมาก และคุณก็ต้องทายาทุกวัน เขาไม่อยู่แบบนี้ ใครจะดูแลคุณ”

 

     “ผมยังยืนยันครับว่าผมดูแลตัวเองได้ แล้วผมก็มีเพื่อนที่ช่วยดูแลผมได้อยู่ครับ ผมโทรไปบอกเขาแล้วให้มานอนค้างเป็นเพื่อนผมตอนที่พี่ชัชไม่อยู่”

 

     “ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมรับความหวังดีจากผม ผมต้องทำยังไงคุณถึงยอมรับความช่วยเหลือจากผมที่เป็นพ่อแท้ๆ ของคุณ ต้นน้ำ”

 

     คงเพราะผมแก่แล้ว และการที่ได้เห็นลูกตัวเองบาดเจ็บประสบอุบัติเหตุบ่อยๆ มันก็ทำให้ผมหมดแรง ผมเหนื่อยที่จะโต้แย้งกับเด็กคนนี้แล้ว ศักดิ์ศรีพวกนั้นจะมีอะไรสำคัญถ้าลูกของผมเป็นอะไรไป

 

     ต้นฟังผมพูดแล้วก็นิ่งไป เขาไม่โต้ตอบอะไรนอกจากนั่งก้มหน้าไม่ยอมพูดอะไรกับผม ผมเห็นลูกพยายามกลั้นเสียงสูดหายใจเอาไว้ มือที่กำหมัดแน่นทำให้ผมรู้ว่าลูกชายของผมกำลังร้องไห้ เราสนทนากันด้วยความเงียบอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งเขาตัดสินใจทำลายความเงียบนั้น

 

     “ผม... ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณ ผมจะไม่มีวันเลิกเกลียดคุณ ผมไม่ต้องการคุณ กรุณาเลิกวุ่นวายกับชีวิตผมเถอะครับ ถ้า... ถ้าการมีอยู่ของผมเคยทำให้คุณลำบาก ตัวตนของคุณของตอนนี้ก็ตอกย้ำความจริงที่ว่าผมเกิดมาได้ยังไง ต่อให้คุณทำดีกับผมมากเท่าไหร่ ยังไงคุณก็ไม่มีวันเป็นคุณพ่อของผมไปได้ ผมจะไม่มีวันได้เป็นคนในครอบครัวของคุณอย่างสมบรูณ์ เพราะคุณเองก็มีลูกสาวและภรรยา คุณมีชื่อเสียงในสังคม ต่อให้คนอื่นเขาชื่นชมคุณ แต่สายตาที่เขามองผมละครับ ผมก็เป็นได้แค่เด็กที่เกิดมาเพราะความผิดพลาด ไม่มีใครต้องการ ผม... ผมมีที่อยู่ของผมแล้วครับ ให้ผมอยู่ข้างๆ พี่ชัชเถอะนะครับ พี่ชัชต้องการผม เขาจะเป็นครอบครัวของผมได้ ผม... ผมแค่อยากได้ที่ๆ ผมจะยืนอยู่ได้โดยไม่อายใคร คนที่ไม่คิดว่าผมเป็นภาระหรือหน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบ ผมแค่อยากจะอยู่ข้างๆ คนที่ต้องการผมก็เท่านั้น”

 

     เป็นครั้งแรกที่ลูกพูดกับผมแบบนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นลูกร้องไห้ต่อหน้าผม ลูกอ้อนวอนขอร้องผม ผมรู้ได้จากคำพูดของต้นว่าเขาไม่เชื่อมั่นในความรักของใครเลยนอกจากผู้ชายคนนั้น และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้ก็คือลูกผมขาดความอบอุ่น ต้องการความรัก โหยหาคำว่า “ครอบครัว” อย่างรุนแรง ใช่ว่าพวกเราไม่รักต้นน้ำ แต่ต้นน้ำเหมือนแก้วน้ำที่ปิดฝาเอาไว้ไม่ยอมให้ใครเติมความรักลงไปนอกจากคนที่เลือก เขากังขาในความรักที่คนอื่นมีให้แม้ว่าความรักนั้นจะมาจากพ่อและแม่แท้ๆ ของตัวเอง

 

     ผมทำอะไรไม่ถูก ลูกผมกำลังร้องไห้แต่ผมกลับไม่สามารถแม้แต่จะปลอบโยนลูกได้ ผมเป็นพ่อที่แย่มากจริงๆ

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

 

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page