top of page

     ผมกลับมานอนรอพี่ชัชที่ห้องภาค โชคดีที่แผลบนหลังผมไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกว่าไม่ถึงขั้นอันตรายหรือเป็นแผลเป็นอะไร คงโชคดีที่น้ำก๋วยเตี๋ยวไม่เดือดมาก และไปป์ช่วยปฐมพยาบาลผมได้ทัน ทายาทุกๆ วันก็ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง

 

     ผมเข้าเรียนคาบบ่ายไม่ทันแล้วก็เลยว่าจะกลับคอนโด ผมเลยนอนรอพี่ชัชอยู่ที่ห้องภาคเพราะตอนที่ผมโทรไปบอกพี่ชัชให้มารับนั้นพี่ ชัชกำลังติดพันอยู่กับงาน เลยขอเวลาอีกซักพักหนึ่งแล้วจะมารับผม พี่ชัชเป็นห่วงผมมากจนผมต้องบอกว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมากแต่แค่อยากกลับบ้านไป อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะมันเลอะเทอะไปทั้งตัว

 

     ไปป์ก็เลยหาข้ออ้างโดดเรียนคาบบ่ายอยู่เป็นเพื่อนผมด้วย แต่ผมไม่ยอมให้โอมโดด โอมเป็นพวกเรียนช้าไม่ควรโดด และมีคนคอยเฝ้าผมแค่คนเดียวก็พอแล้ว ไปป์เลยถือโอกาสลากับอาจารย์ได้อย่างถูกต้องแล้วก็มานอนเล่นเกมที่มีรุ่นพี่เอาเครื่องมาทิ้งไว้ในห้องภาคอย่างสนุกสนาน ไม่นานนักพวกเพื่อนๆ เราก็เรียนเสร็จ แต่พี่ชัชยังไม่เสร็จงาน ผมคงต้องรอพี่ชัชอีกซักพักใหญ่ๆ

 

     เพื่อนบางคนมาถามไถ่อาการของผม โดยเฉพาะเมย์ดูเป็นห่วงผมมาก แต่ผมขี้เกียจตอบคำถามคนอื่นก็เลยแกล้งหลับ ทุกคนเลยหันไปคุยกับไปป์แทน โชคดีที่ผมกำชับไปป์เรื่องรอยสักไว้แล้วไปป์เลยไม่กล้าพูดมาก ส่วนโอมผมไม่คิดว่าคนอย่างโอมจะพูดอะไร

 

     และในระหว่างที่ผมนอนรอพี่ชัชมารับอยู่นั่นเอง คนที่จะทำให้ผมมีข่าวลือเรื่องใหม่ก็มาถึง

 

     “นายต้นน้ำอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”

 

     ผมไม่คิดว่าผมจะได้ยินเสียงเขาที่นี่ ผมคงไม่ได้หลับแล้วฝันไปจริงๆ ใช่มั้ยครับ? ผมนอนอยู่ห้องภาคฟิสิกส์ตึกเรียนของภาคตัวเอง ไม่ใช่อยู่ที่ตึกรวมหรือภาคเคมี!

 

     ไปป์กับพวกเพื่อนๆ ผมต้องรู้จักผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว เขาสอนเราเมื่อปีที่แล้วนะครับ ไม่มีใครจำเขาไม่ได้หรอก อาจารย์ต้นตระการ รัตนมงคลไชย อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี!

 

     “เอ่อ ต้นหลับอยู่ครับ”

 

     เสียงของไปป์ดูงงๆ แน่ละ ผมว่าใครๆ ก็คงงงที่จู่ๆ อาจารย์ภาคเคมีจะมาหาถามผมแบบนี้

 

     “เธอเป็นคนพาต้นน้ำไปหาหมอใช่ไหม หมอว่ายังไงบ้าง”

 

     “เอ่อ หมอบอกว่าไม่เป็นไรมากครับ แค่ให้ทายาทุกวัน”

 

     เสียงของไปป์ดูงงกับชีวิตมากๆ โชคดีชะมัดที่ผมแกล้งหลับตั้งแต่เมื่อตะกี้เลยไม่ต้องตื่นมาคุยเอง

 

     “แล้วทำไมเขาถึงได้หลับแบบนี้ละ นายต้นน้ำไม่ได้เป็นอะไรหนักใช่ไหม?”

 

     “เอ่อ... ครับ ต้นคงง่วงมั้งครับอาจารย์”

 

     ผมอุตส่านึกว่าเขาจะยอมถอยแล้วนะครับ มันผิดวิสัยมากๆ ที่เขาจะมายุ่งกับผมถึงขนาดนี้

 

     “พวกคุณเล่าเหตุการณ์ให้ผมฟังหน่อยได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้นน้ำถึงได้โดนน้ำร้อนลวกได้”

 

     เขาหันไปคาดคั้นเอากับเพื่อนๆ ของผม ผมไม่เข้าใจเลย เขาจะเข้ามายุ่งวุ่นวายทำไม

 

     “มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ พวกหนูไปกินข้าวกัน แล้วพอดีมีคนสะดุดทำก๋วยเตี๋ยวหกใส่ต้น”

 

     เมย์ช่วยตอบคำถามให้เขาฟัง เพราะแบบนั้น ผู้ชายคนนี้ก็เลยซักถามรายละเอียดอื่นๆ จากพวกเพื่อนๆ ของผมอีกหลายต่อหลายอย่าง ผมเดาว่าคนอื่นคงงงพอสมควรที่จู่ๆ อาจารย์ภาคเคมีก็มาถามเรื่องส่วนตัวของเด็กภาคฟิสิกส์แบบผม

 

     เขาจะถามอีกนานมั้ยนะ เลิกถามได้แล้ว ใจคอจะถามไปถึงว่าผมชอบไปนั่งกินข้าวกลางวันที่ไหนด้วยเลยรึไง!

 

     “เออนี่ แล้วนายต้นน้ำเขามีปัญหาอะไรไหม?”

 

     “อาจารย์หมายความว่ายังไงคะ?”

 

     “หมายถึงเขาเคยบ่นอะไรให้พวกคุณฟังบ้างรึเปล่าน่ะ”

 

     “ทำไมอาจารย์ดูห่วงต้นจังเลยครับ อาจารย์เป็นไรกับต้นเหรอครับ”

 

     นายจะถามทำไมนะไปป์!

 

     “ผมเป็นลุงของเพื่อนสนิทนายต้นน้ำเขาน่ะ เห็นว่านายต้นน้ำต้องอยู่คนเดียวผมเลยเป็นห่วง เพื่อนของหลานก็เหมือนกับหลานแท้ๆ นั่นแหละ”

 

     “ผมไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง”

 

     ผมทนไม่ไหวแล้วครับ เขาคิดบ้างมั้ยว่าการที่เขามายุ่งวุ่นวายกับผมแบบนี้คนอื่นจะคิดยังไง ผมคงแกล้งนอนหลับต่อไปไม่ได้แล้ว และที่สำคัญผมไม่ใช่หลานของเขา!

 

     “อ้าว ตื่นแล้วเหรอคุณ เป็นไงบ้างล่ะ?”

 

     “ผมสบายดีครับ อาจารย์”

 

     “ผมได้ยินว่าคุณเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผมเป็นห่วงเลยมาดู ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะ”

 

     “เก็บความหวังดีของอาจารย์ไว้เถอะครับ ผมดูแลตัวเองได้!”

 

     “เฮ้ยต้น แรงว่ะ!”

 

     เหมือนผมจะหลุดอีกแล้ว แถมยัง... ต่อหน้าเพื่อนๆ ผมอีก ให้ตายเถอะ! ผู้ชายคนนี้ไม่ควรเข้ามายุ่งกับผมเลย

 

     “พวกคุณ ผมขอคุยกับนายต้นน้ำซักครู่นะ”

 

     พวกเพื่อนๆ ผมพากันเผ่นหนีทันทีครับ ผมเองก็พอเข้าใจอยู่ ผมที่เผลอตวาดใส่อาจารย์ไปแรงๆ แบบนั้น ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรอกครับ แล้วไหนผู้ชายคนนี้ยังเอ่ยปากไล่คนอื่นออกไปอีก ให้ตายสิ ผมไม่อยากมองหน้าเขาเลย!

 

     “คุณเป็นยังไงบ้าง”

 

     “ผมสบายดีครับ”

 

     “คุณควรจะเลิกทิฐิได้แล้ว นายภาสกรบอกผมว่าคุณโดนลวกทั้งหลังไม่ใช่เหรอ”

 

     “งั้นอาจารย์ก็คงจะได้ยินที่เพื่อนผมบอกว่า แผลไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ทายาก็พอไม่ใช่เหรอครับ”

 

     “คุณไม่ได้หลับ”

 

     “นั่นมันเรื่องของผม!”

 

     ใช่แล้ว นี่มันร่างกายของผม เรื่องของผม เลิกยุ่งกับผมซะที!

 

     “เฮ้อ เอาเถอะ แล้วนี่ทำไมคุณยังไม่กลับบ้าน มีเรียนอีกเหรอ กลับไปพักผ่อนซะ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องลากลับให้”

 

     “ผมไม่มีเรียนต่อครับ คงไม่รบกวนอาจารย์ให้ทำเรื่องให้หรอกครับ”

 

     “อ้าว ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมยังไม่กลับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านเอง”

 

     “ไม่จำเป็นครับ ผมโทรบอกพี่ชัชแล้ว เดี๋ยวพี่ชัชก็มารับผมเอง”

 

     “ตั้งนานแล้วทำไมเขาถึงยังไม่มาอีก รู้แล้วยังปล่อยให้คุณรออยู่แบบนี้เหรอ ใช้ไม่ได้!”

 

     “พี่ชัชเขาต้องทำงานหาเลี้ยงผมนะครับ ไม่ได้ว่างงาน! คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าพี่ชัชของผม”

 

     “ต้นน้ำ!”

 

     เอาสิ ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ คนอย่างเขามีสิทธิ์อะไรมาว่าพี่ชัชของผม เขายังไม่เคยทำดีเท่ากับเศษเสี้ยวที่พี่ชัชเคยทำให้ผมเลยด้วยซ้ำ!

 

     “เก็บของเดี๋ยวนี้ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน!”

 

     “ผมบอกว่าผมนัดพี่ชัชมารับผมแล้ว!”

 

     “ผมสั่งคุณก็ต้องทำตาม อย่าให้ผมต้องบังคับคุณนะ!”

 

     “คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม”

 

     ผมนั่งจ้องหน้ากินเลือดกินเนื้อกับเขา ผมไม่ยอมหรอก เอะอะอะไรก็บังคับ ชอบทำมาเป็นสั่ง แต่แล้วท่ามกลางความอึดอัดแบบนี้ ก็มีคนโผล่เข้ามาแทรกอีกแล้ว

 

     “เราว่าต้นควรจะให้อาจารย์ไปส่งนะ”

 

     อาร์มโผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่เข้ามาแทรกได้จังหวะมากๆ เลยครับ ผมกำลังหาทางออกอยู่พอดี ไม่อยากอยู่กับผู้ชายคนนี้สองต่อสอง มันอึดอัด

 

     “ขออนุญาติครับอาจารย์”

 

     อาร์มก้มหัวขออนุญาติผู้ชายคนนั้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม

 

     “ต้น นายให้อาจารย์ไปส่งนายกลับบ้านเหอะ”

 

     “แต่... นายก็รู้”

 

     “ตอนนี้ข้างนอกเขากำลังมุงกันใหญ่แล้ว นายคงไม่อยากเถียงกับอาจารย์ต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ กลับไปแล้วไปเถียงกันกลางทางยังได้”

 

     อาร์มพูดกับผมแล้วหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น

 

     “อาจาร์ยคร้าบ ผมว่าอาจารย์ไปถอยรถมารับต้นตรงหน้าตึกนี้เลยดีกว่าครับ ต้นมันจะได้ไม่ต้องเดินไกล เดี๋ยวผมพาต้นไปส่งที่รถให้เองครับ รับรอง”

 

     “ผมฝากคุณด้วยนะ อนพัทย์”

 

     เข้าข้างผู้ชายคนนั้นแบบนี้ผมไม่ปลื้มหรอกนะครับ

 

     “นายมายุ่งไรด้วย”

 

     “ก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่... เป็นห่วง เลยแวะมาดู พอมาดูแล้วก็เห็นนายกำลังทะเลาะกับพ่”

 

     “อาร์ม!”

 

     “รู้แล้วๆ ไม่พูดแล้ว ไม่เห็นต้องตะโกนเลย คนอุตส่าเป็นห่วงอ่ะต้นอ๊า”

 

     คงเพราะครั้งนี้อาร์มประท้วงผมด้วยเสียงที่สูงขึ้นเหมือนกัน แม้ไม่ถึงกับตวาดกลับมา แต่ก็ร้องประท้วงด้วยน้ำเสียงน้อยใจพอสมควร ผมเลยได้สติ ผมไม่ควรทำแบบนี้กับอาร์ม อาร์มไม่ได้ทำอะไรผิด

 

     “ขอโทษ ..... เราหงุดหงิดไปหน่อย”

 

     “ไม่เป็นไร”

 

     อาร์มยิ้มให้ผมเหมือนเดิม แล้วก็ช่วยผมเก็บกระเป๋า

 

     “กลับไปกับอาจารย์เถอะต้น ไม่งั้นต้นต้องนั่งตอบคำถามคนอื่นแน่”

 

     อาร์มพูดพร้อมกับบุ้ยปากไปทางหน้าห้อง ผมลืมตัวไปจริงๆ ผมควรจะตัดบทผู้ชายคนนั้นเร็วๆ ให้เรียบร้อยตั้งแต่ทีแรก ไม่ควรจะนั่งต่อล้อต่อเถียงกันให้เป็นเรื่องเป็นราว

 

     “แต่เราโทรบอกพี่ชัชให้มารับแล้ว”

 

     “โทรไปบอกใหม่ดิ่ บอกแฟนต้นให้ไปรอที่บ้าน ให้จารย์แกไปส่งเถอะ ถ้าแกไม่ห่วง แกไม่เดินมาถึงตึกฟิสิกส์หรอก”

 

     “แต่เรา...”

 

     “ทิฐิอีกแล้วน่าต้น”

 

     อาร์มลงมานั่งอยู่ในระดับเดียวกันกับผม อาร์มจ้องผมอย่างกับงูที่กำลังจ้องกบ และผมก็เป็นกบตัวนั้น กบตัวที่กำลังโดนงูถือศีลอารมณ์ดีจ้องมองอยู่

 

     “ปล่อยวางบ้างเถอะต้น ถึงจะยังทำใจให้อภัยไม่ได้แต่ก็ลดทิฐิได้แล้ว เอาแต่โมโหเหวี่ยงใส่อาจารย์แบบนั้นไม่สมกับเป็นนายเลยนะ”

 

     สายตาของอาร์มทำให้ผมแพ้จริงๆ ผมแพ้คนมองโลกในแง่ดีแบบอาร์มมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้บางครั้งอาร์มจะดูเซ่อๆ ซ่าๆ ไปบ้าง แต่ความจริงแล้วอาร์มเป็นคนที่มองเหตุการณ์ทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง และคอยหาทางออกให้เหตุการณ์มันจบลงอย่างสวยงามทุกครั้ง อาร์มเป็นผู้ชายโลกสวยที่ผมต้องขอยอมแพ้ เพราะโลกของอาร์มสวยงามทั้งข้างนอกและข้างใน อาร์มทำให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวได้รับความรู้สึกดีๆ จากตัวเองได้ไม่ยาก

 

     “นายรู้เรื่องเรากับอาจารย์ได้ยังไง”

 

     “ไม่รู้ก็บ้าแล้ว เขายังเคยไปหานายที่โรงเรียนบ่อยๆ”

 

     “บ้า เขาไปไม่กี่ครั้งเอง นายความจำดีเกินไปแล้ว”

 

     “ก็มันบังเอิญเห็นพอดีนี่นา แต่ใครจะไปเชื่อเนอะ เป็นอาจารย์ที่นี่ด้วย นายจงใจเข้าที่นี่เพราะเหตุผลนี้รึเปล่าเนี่ยต้น?”

 

     “ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องบอกนาย”

 

     “โห อีกแล้วอ่ะต้น ชอบเก็บความลับอีกละ ว่าแต่ละทำไมนายไม่เข้าเคมีไปเลยอ่ะ เข้าฟิสิกส์ทำไม”

 

     “แล้วนายคิดว่าระหว่าง เคมีกับฟิสิกส์เราชอบเรียนวิชาไหนมากกว่ากันล่ะ”

 

     “เออเนาะจริงด้วย ฮ่าๆ”

 

      ว่าแล้วผมก็ถูกอาร์มลากไปส่งที่รถของผู้ชายคนนั้นจนได้ครับ แม้ตอนที่ออกมาจากห้องภาคจะโดนเพื่อนๆ มองนิดหน่อย แต่เพราะอาร์มคอยยืนแจกรอยยิ้มอยู่ข้างๆ ผมก็เลยไม่มีใครพูดอะไร คงเพราะหน้าหงิกๆ ของผมด้วยมั้งครับ ก็วันนี้ผมเป็นฝ่ายเหวี่ยงเองนี่นา ปกติแค่เวลาผมทะเลาะกับเมย์แล้วเป็นฝ่ายตั้งรับก็ไม่ค่อยมีคนกล้าคุยกับผมอยู่ละ วันนี้ผมเป็นฝ่ายวีนซะเอง คนอื่นคงอึ้งละมั้งครับ

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

 

The story after that. - ต้นน้ำ

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page