top of page

The story after that. - ตอนพิเศษ 6

     “คิดไงถึงอาสาไปช่วยแม็กซ์ทำรายงาน”

 

     แม็กซเอ่ยถามเพื่อนร่วมทางที่กำลังนั่งมองวิวนอกรถเพราะความไม่คุ้นทาง เขากำลังขับรถกลับบ้านโดยมีผู้โดยสารเพิ่มอีกหนึ่งจากปกติที่เขามักจะกลับ บ้านตามลำพัง เขาไม่ชอบพาใครไปบ้าน แต่ถ้าบ้านที่ว่าหมายถึงห้องพักที่เขาอยู่ตามลำพังก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

     “ก็แม็กซ์ไม่มีคนช่วยไม่ใช่เหรอ?”

 

     เพื่อนของเขาตอบพร้อมกับหันมายิ้มให้ แม็กซ์รู้สึกได้ถึงอัตราเร่งของหัวใจตัวเอง พักนี้เพื่อนของเขาชักจะน่ารักมากไปแล้ว ... รอยยิ้มสดใสที่มีให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่เขาเคยต้องการมาตลอดแต่กลับได้มาง่ายๆ เมื่อยอมถอดใจ จากเดิมที่พอจะทำใจได้เลยกลายเป็นเขาไม่รู้ว่าตนเองจะเผลอตบะแตกเมื่อไหร่ และที่สำคัญเขาไม่ได้ทำแบบนั้นกับใครมานาน! เขากลัวใจตัวเองจริงๆ

 

     เมื่อตั้งสติได้ แม็กซ์จึงพยายามสนใจหัวข้อสนทนาแทน เขามองกระจกข้างก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวแล้วเปลี่ยนเลนส์เพื่อใช้ความเร็ว เขาบอกตัวเองให้มีสมาธิกับการควบคุมรถแทนที่จะมัวแต่มองรอยยิ้มของเพื่อนรัก

 

     “มันก็ใช่ แต่คนละคณะ คนละมหาลัย จะไหวเหรอ”

 

     “ก็แค่ช่วยสรุปแล้วพิมพ์ คงไม่ยากมากขนาดนั้นหรอกมั้ง แค่วิชาของปีหนึ่ง ที่เหลือแม็กซ์ก็ค่อยตรวจดูอีกรอบก็ได้นี่”

 

     “โหย พูดงี้มีเคืองอ่ะ ใช่ดิ ต้นฉลาดนี่”

 

     “บ้า! ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่จริงถ้าแม็กซ์ไม่มัวแต่เถลไถลเดี๋ยวก็เสร็จ เพราะไม่ยอมทำแต่เนิ่นๆ แหละ แล้วก็มาเร่งเอาวันท้ายๆ จนไม่ยอมนอน ถ้าไม่ถึงที่สุดนี่ไม่โทรมาเลื่อนนัดใช่มั้ย แทนที่จะบอกกันให้เร็วกว่านี้ เราจะได้ไปช่วยแต่แรก”

 

     “ขี้บ่นชะมัดเลยอ่ะ”

 

     “อย่ามาว่าเรานะ ละที่จริงอ่ะ บอกทางมาแล้วเดี๋ยวเราไปบ้านแม็กซ์เองก็ได้ ไม่เห็นต้องย้อนไปมาเลย ลำบากแม็กซ์เปล่าๆ ต้องไปรับเราก่อน เสียเวลาอ่ะ”

 

     “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ต้นจะมาช่วยทั้งทีก็ต้องบริการให้เต็มที่ดิ ขึ้นทางด่วนแปปเดียวก็ถึงแล้ว”

 

     แม็กซ์ตอบเพื่อนของเขาด้วยความจริงใจ หาใช่การพูดไปเรื่อยตามมารยาท ถ้าเป็นเพื่อนคนนี้ ต่อให้ลำบากมากกว่านี้เขาก็ยอม

 

     “ว่าแต่ต้นเหอะ ค้างกับแม็กซ์ได้แน่นะ”

 

     “ได้สิ”

 

     “แล้วแฟนต้นจะไม่ว่าอะไรเหรอ มาค้างกับแม็กซ์ แม็กซ์ไม่อยากให้ต้นมีปัญหากันทีหลัง”

 

     “พี่ชัชไปต่างจังหวัดน่ะ ช่วงนี้พี่เขายุ่งๆ คงไม่ว่าอะไรเราหรอก”

 

     จู่ๆ เสียงของเพื่อนเขาก็แผ่วไป แม็กซ์จับความรู้สึกบางอย่างได้ในน้ำเสียงนั้น

 

     “ไม่ได้บอกเหรอต้น?”

 

     “ไม่เป็นไรหรอก บางทีเราก็ไปค้างบ้านคุณปู่บ่อยๆ ตอนพี่ชัชไม่อยู่”

 

     “เหงาเหรอ?”

 

     เพราะอะไรบางอย่างแม็กซ์จึงถามออกไปตรงๆ เขาอยากเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่กล้า เลยได้แต่จับเกียร์ไว้แล้วกำเสียแน่นจนเจ็บมือ ต้นน้ำเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะยอมรับ

 

     “อืม ... ก็ นิดหน่อยน่ะ แต่เราก็เข้าใจนะว่ามันเป็นงาน ชินแล้วล่ะ เมื่อก่อนตอนอยู่กับแม่ก็เป็นงี้บ่อยๆ”

 

     “อย่าพูดว่าชินนะต้น ถ้าเหงาเมื่อไหร่บอก เดี๋ยวแม็กซ์พาไปทำเรื่องหนุกๆ เอง จะดูหนังกินข้าวซ้อมดนตรี หรือต้นอยากทำอะไรแม็กซ์ได้หมดแหละ”

 

     “ขอบใจนะ”

 

     ต้นน้ำแย้มรอยยิ้มที่แสนจะสดใสส่งมากระแทกใจแม็กซ์เต็มๆ แม็กซ์รู้สึกถึงขีดจำกัดของความอดทนที่มันจะทะลุปรอทอยู่รอมร่อ เขาพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้คิดอยากจูบคนข้างๆ โดยการนึกถึงงานยุ่งๆ ที่กำลังรอเขาอยู่แทน

 

     “อืม แต่เตรียมตัวไว้เหอะ คืนนี้ต้นไม่ได้นอนแน่ๆ”

 

     “จัดมา จะจัดการให้เสร็จก่อนเช้าให้ดู ถ้าเราทำได้นายต้องเลี้ยงเราด้วยนะ”

 

     “โหย พูดอย่างกับแม็กซ์ไม่เคยเลี้ยงต้นงั้นอ่ะ ก็เลี้ยงตลอดแหละ”

 

     “ไม่เอา เอาที่เราอยากทานสิ ไม่ใช่ที่นายอยากทาน”

 

     “มีเรื่องมากอีก โอเคๆ แล้วต้นอยากกินไรอ่ะ”

 

     “ร้านยากินิคุแถวๆ สุขุมวิท เค้าว่าอร่อยมาก คนเต็มทุกคืนเลย แต่หัวเป็นพันแน่ะ”

 

     “หูย ไม่ให้แฟนพาไปล่ะ มาไถแม็กซ์”

 

     “ไม่เอา แพงจะตาย พี่ชัชจนแถมต้องเก็บเงินไว้ให้เราใช้ ให้นายเลี้ยงนี่แหละ แม็กซ์รวยจะตายแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เลี้ยงข้าวเราดีกว่าเอาเงินไปดื่มเหล้าอีก เราอุตส่าช่วยงานนายทั้งที”

 

     “ฮ่าๆ ต้นนี่ร้ายว่ะ ได้เลยคร้าบ ตามแต่ต้นจะบัญชาเลย เดี๋ยวแม็กซ์จัดให้”

 

 

     และเมื่อถึงที่หมาย แม็กซ์ก็เลี้ยวรถเข้าไปอย่างคุ้นเคย แต่ต้นน้ำนี่สิแอบช็อก บ้านหลังใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้นั้นราวกับคฤหาสในละคร! เขารู้ว่าแม็กซ์รวย แต่ก็ไม่คิดว่าแม็กซ์จะรวยขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาแม็กซ์ทำตัวธรรมดากับเขามาตลอด และบอกว่าครอบครัวของตนแค่ทำธุรกิจส่งออกเล็กๆ อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูกกับคนใช้อีกหนึ่ง แม็กซ์กดรีโมทเปิดประตูอัตโนมัติก่อนจะเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังโรงจอดรถ

 

     “เออ รถป๋าจอดอยู่ สงสัยวันนี้พ่อแม็กซ์อยู่ว่ะ”

 

     “แล้วแม่แม็กซ์ล่ะ”

 

     “ไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อน กลับอาทิตย์หน้าโน่น”

 

     “เข้าบ้านกัน บอกไว้ก่อนนะ ปกติแม็กซ์ไม่เคยพาใครมาบ้าน ถ้าป๋าแม็กซ์ถามอะไรแปลกๆ ต้นอย่าถือนะ”

 

     “ทำไมเหรอ?”

 

     “เอาน่า อย่าถามมาก เข้าบ้านกัน”

 

     แม็กซ์ตัดบทพลางหอบข้าวของลงจากรถเดินนำหน้าไปลิ่วๆ ทำให้ต้นน้ำต้องรีบตามลงไป แม็กซ์หันมายิ้มกวนๆ ให้อย่างผู้ชนะก่อนจะกดรีโมทล็อกรถแล้วหยุดรอเพื่อนของตน และเมื่อเข้าไปในบ้านก็เจอกับชายสูงวัยนั่งอยู่ในห้องรับแขก ท่าทางเหมือนกำลังจะออกจากบ้าน

 

     “ดี ป๋า”

 

     “เออดี กลับมาแต่หัววันเลยนะ”

 

     “แล้วป๋าอ่ะ จะออกไปไหนตั้งแต่ยังไม่ค่ำ หนีเที่ยวอีกอ่ะดิ”

 

     “ป๋าไปงานแต่งลูกเพื่อนโว้ย ว่าแต่แกเหอะจะออกไปไหนอีกรึเปล่า”

 

     “ไม่อ่ะ เออป๋า นี่ต้นเพื่อนผม เขาจะมาช่วยผมทำงานนะ”

 

     ผู้อาวุโสของบ้านมองเด็กหนุ่มใส่แว่นท่าทางเรียบร้อยแล้วก็แปลกใจ เครื่องแบบที่ใส่อยู่ทำให้รู้ว่า “เพื่อน” คนที่ว่านี้อยู่คนละมหาวิทยาลัยกับลูกของตนแน่ๆ เด็กหนุ่มยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อมแล้วเอ่ยคำสวัสดีอย่างกล้าๆ เกรงๆ ท่าทางประหม่าของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย

 

     “ไหว้พระเถอะ แล้วนี่ไปไงมาไงถึงมาช่วยเจ้าแม็กซ์มันได้ล่ะ เรียนคนละที่กันไม่ใช่เหรอ”

 

     “ก็เพื่อนแท้ไงป๋า ไปก่อนนะ งานผมเยอะ ไปเหอะต้นไปห้องแม็กซ์กัน ป๋าบอกป้าจิตให้เอาน้ำกับขนมขึ้นไปให้ผมด้วยนะ”

 

     แม็กซ์ตอบบิดาของตนแทนต้นน้ำอย่างกวนส้น ก่อนจะลากแขนเพื่อนเดินขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่ใส่ใจ เล่นเอาต้นน้ำหน้าเหวอได้แต่ทำท่าเหลอหลาไม่รู้จะเอายังไงต่อดี เขาหันมาก้มหัวเป็นเชิงขออนุญาตบิดาของเพื่อนก่อนจะเดินตามแม็กซ์ไปติดๆ

 

 

     พออยู่กันสองต่อสองตามลำพังในห้องแล้วต้นน้ำก็เปิดปากพูด

 

     “พ่อแม็กซ์ท่าทางดุจัง ทำแบบนั้นจะดีเหรอ?”

 

     “ไม่ดุหรอก ถ้าดุแม็กซ์จะเป็นงี้ได้ไง ถ้าอะไรที่มันไม่หนักเกินไปพ่อไม่ว่าไรแม็กซ์หรอก”

 

     แม็กซ์พูดพลางเริ่มถอดเสื้อผ้าตามความเคยชิน เขาปลดเปลื้องชุดนักศึกษาออกพลางคุ้ยหากางเกงขาสั้นมาใส่ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าต้นน้ำยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับ

 

     “เอ้า ไม่เก็บของอ่ะ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อนก็ได้นะ”

 

     “แล้วจะให้เราวางกระเป๋าตรงไหนล่ะ?”

 

     ต้นน้ำมองไปรอบๆ ถึงห้องนอนจะกว้างแต่บรรดาชั้นต่างๆ ก็เต็มไปด้วยข้าวของวางระเกะระกะ ฝั่งหนึ่งของห้องเต็มไปด้วยคอลเล็คชั่นกีต้าร์จำนวนเกือบสิบตัว บนโต๊ะทำงานที่มีคอมพิวเตอร์วางไว้ก็ยิ่งรก และแม็กซ์ยังคงไม่ทิ้งนิสัยเดิม ชอบถอดเสื้อผ้าวางทิ้งไว้เต็มไปหมด บรรดาหนังสือรวมไปถึงนิตยสารต่างๆ ที่อ่านแล้วก็วางเกลื่อนเอาไว้ไม่เคยเก็บเข้าที่

 

     “เออ ลืมไปว่าต้นพึ่งมาบ้านแม็กซ์ครั้งแรก ขอโทษ”

 

     แม็กซ์เดินไปเขี่ยข้าวของบนโต๊ะออกไปกองอยู่มุมหนึ่งก่อนจะหันมาบอก

 

     “อ่ะ ตรงนี้ก็ได้ เสื้อแม็กซ์อยู่ในตู้ หยิบตามสบาย ถ้าตัวไหนยังพับอยู่หรือแขวนไว้อ่ะแปลว่ายังไม่ได้ใส่ ป้าจิตแกซักแล้ว สะอาดแน่นอนไม่ต้องห่วง”

 

     “แล้วพวกนั้นล่ะ”

 

     ต้นน้ำว่าพลางพยักพเยิดไปทางหนึ่งที่มีกองเสื้อผ้าถอดวางพาดไว้เต็มไปหมด

 

     “เออน่า บางทีมันก็ลืมๆ บ้าง ต้นก็รู้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพอมันวางไว้ครบอาทิตย์ป้าแกก็มาเก็บไปซักให้เองแหละ”

 

     “แล้วทำไมไม่เอาลงตะกร้าดีๆ แม็กซ์อ่ะทุกทีเลย”

 

     ต้นน้ำพูดพลางหยิบตะกร้าผ้ามาเดินเก็บเสื้อผ้าที่แม็กซ์วางทิ้งไว้ใส่ลงไป

 

     “เฮ้ย จะมาช่วยแม็กซ์ทำรายงานหรือมาบ่นเนี่ย”

 

     “ก็มันสกปรกนี่ เห็นแล้วรำคาญตา”

 

     “ก็ถ้ารู้ว่าต้นจะมานะ แม็กซ์จะรีบเก็บห้องรอล่วงหน้าเลย”

 

     “ก็อกๆ”

 

     เสียงเคาประตูดังขึ้นพร้อมกับที่ป้าจิตแม่บ้านของแม็กซ์เปิดประตูนำน้ำกับขนมเข้ามาเสริฟให้ ส่งผลให้คนทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน

 

     “ขนมค่า อุ๊ยคุณหนู เดี๋ยวป้าเก็บให้เองค่ะ คุณหนูมาช่วยคุณแม็กซ์ไม่ใช่เหรอคะ ไปค่ะ ไปนั่งทานขนมพักให้หายเหนื่อยจะได้มีแรงทำงานกัน เดี๋ยวตรงนี้ป้าจัดการเองค่ะ”

 

     เมื่อป้าจิตเห็นตะกร้าผ้าในมือต้นน้ำกับเสื้อผ้าใช้แล้วที่เด็กหนุ่มเดินเก็บ เธอก็อุทานขึ้นยาวเหยียดก่อนจะแย่งงานไปทำ

 

     “เห็นมะ”

 

     “นิสัยไม่ดี แค่เอาเสื้อผ้าใส่ตะกร้าเอง ซักก็มีคนซักให้อยู่แล้วยังจะ...”

 

     “อ่ะๆ กินคุ๊กกี้ไปต้น ป้าครับเดี๋ยวเคลียร์บนโต๊ะให้ผมหน่อย ผมจะใช้โต๊ะทำงานครับ”

 

     “ได้ค่า”

 

     ว่าแล้วเธอก็จัดการกองหนังสือและข้าวของต่างๆ บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว แม็กซ์เลยหันไปยักคิ้วให้เพื่อน ต้นน้ำจึงได้แต่ทำหน้างอ เพื่อนเขาคนนี้มีคนทำทุกอย่างให้จนเคยตัว

 

     แม็กซ์เห็นแล้วขำกับท่าทางเจ้าระเบียบของเพื่อนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนเขาก็โดนบ่นแบบนี้บ่อยๆ แล้วก็จบลงด้วยการที่ต้นน้ำทำทุกอย่างให้เขาเพราะทนไม่ได้เอง

 

     คนทั้งคู่นั่งทานขนมรอเงียบๆ ไม่นานนักป้าจิตก็จัดการงานของเธอเสร็จ พอป้าแกออกไป แม็กซ์ก็เริ่มถอดกางเกงเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อ เขาสลัดกางเกงที่เคยใส่ไปวางพาดไว้บนราวตากผ้าเช็ดตัวตามนิสัยเดิมก่อนจะหยิบเอากางเกงขาสั้นมาใส่ ต้นน้ำเลยได้แต่ทำหน้าเซ็งให้กับนิสัยของเพื่อน เขาหยิบกางเกงตัวนั้นโยนลงตะกร้า ก่อนจะเลือกมุมเหมาะๆ วางของแล้วปลดชายเสื้อออกจากกางเกงให้สบายตัว

 

     เพราะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วต้นน้ำจึงไม่ขัดเขินเมื่อแม็กซ์เปลือยท่อนบนใส่ แต่กางเกงปิดบังเฉพาะท่อนล่าง ต้นน้ำเคยเห็นแม็กซ์เปลือกอกแบบนี้จนชินตา อีกฝ่ายเคยโป๊ต่อหน้าเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โดยเฉพาะนิสัยที่ชอบใส่แต่ท่อนล่างเวลาอยู่ในห้องส่วนตัว เพราะเห็นบ่อยนานวันเข้าเขาจึงชิน ขอเพียงแค่อย่ามาแกล้งเขาก็เท่านั้นแหละ ต่อให้แม็กซ์เปลือยกายทั้งตัวต้นน้ำก็ไม่รู้สึกอะไร

 

     เมื่อคนทั้งคู่จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว แม็กซ์ก็เริ่มจ่ายงานให้ต้นน้ำ

 

     “อ่ะ นี่โน๊ตบุ๊คแม็กซ์ ตัวอย่างงานของเพื่อนแม็กซ์อยู่ในนั้นแหละ แม็กซ์ก็อปไว้ในเดสทอปนะ ต้นเขียนบทนำให้หน่อยดิ อันอื่นๆ ด้วย ลอกเอาจากตัวอย่างของเพื่อนแม็กซ์แหละ แต่เดี๋ยวแม็กซ์สรุปข้อมูลพวกนี้ก่อน เสร็จทั้งหมดแล้วแม็กซ์ค่อยตรวจอีกที”

 

     “หัวข้อเดียวกันเหรอ”

 

     “อืม แต่ของแม็กซ์เปลี่ยนกลุ่มแซมเปิ้ลอ่ะ ที่เหลือคล้ายๆ กัน”

 

     “งั้นทำแบบเดิมเลยนะ”

 

     “อือ”

 

     “แบบเดิม” ที่ทั้งคู่หมายถึงก็คือการที่แม็กซ์ให้ต้นน้ำเขียนรายงานให้แล้วค่อยมาตรวจ แก้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปทีหลังเพื่อไม่ให้เนื้อหาของงานดูแปลกจนเกินไปไม่ เหมือนงานที่เขาทำ พวกเขาใช้วิธีแบบนี้มาตั้งแต่ตอน ม.5 และต้นน้ำก็ใกล้ชิดกับแม็กซ์มากพอที่จะสรุปรายงานเป็นความเห็นแบบแม็กซ์โดย ไม่ถูกจับได้ว่าแม็กซ์ไม่ได้เป็นคนทำ ไม่เหมือนเวลาที่แม็กซ์ให้คนอื่นทำให้ หรือเวลาที่แม็กซ์ไปก็อปปี้รายงานของคนอื่นไปส่ง และที่สำคัญต้นน้ำนั้นฉลาดทั้งทางด้านเนื้อหาวิชาการและเนื้อภาษาที่ใช้ เขียน แม็กซ์จึงปล่อยให้ต้นน้ำช่วยจัดการงานให้อย่างวางใจ

 

     ฝ่ายต้นน้ำเมื่อได้รับทราบหัวข้อแล้วก็นั่งอ่านเนื้อหาจากหนังสือและบทความ ที่แม็กซ์คัดลอกมาให้ก่อนที่จะสรุปแล้วเริ่มลงมือพิมพ์รายงาน

 

     คนทั้งคู่ต่างทำหน้าที่ของตนอย่างจริงจังจนลืมเวลา กระทั่งป้าจิตมาเคาะประตูห้องอีกครั้งนั่นแหละว่าทั้งคู่จะรับอาหารเย็นเลย ไหมเธอจะได้ยกขึ้นมาให้ แม็กซ์และต้นน้ำจึงรู้ตัวว่าเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงและขณะนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว

 

     “เดี๋ยวพวกผมลงไปกินข้างล่างดีกว่าครับ ป้าตั้งโต๊ะไว้เลยก็ได้”

 

     ต้นน้ำมองแม็กซ์ขยับตัวบิดขี้เกียจแล้วก็ยิ้ม

 

     “ยิ้มไร”

 

     “ก็นานๆ ทีถึงจะเห็นแม็กซ์โหมดจริงจังแบบนี้มั้ง เมื่อก่อนใช้เราทำคนเดียวตลอดอ่ะ”

 

     พอนึกถึงสมัยก่อนที่แม็กซ์มักจะเรียกเขาให้ไปทำรายงานให้โดยที่ตัวเองก็เอาแต่เล่นเหลวไหลแกล้งกวนสมาธิเขาเล่นแล้วต้นน้ำก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แม็กซ์ชอบสรรหาสารพัดวิธีมาป่วนเขาจริงๆ เวลาผ่านไปไม่นานผู้ชายคนนั้นกลับกลายมาเป็นคนจริงจังท่าทางเอาการเอางานได้ถึงขนาดนี้เชียว

 

     “ขืนไม่จริงจังก็ร่วงดิ ตอนนี้ไม่มีคนคอยช่วยแม็กซ์แล้ว ก็ต้องขยันเอง”

 

     “อ้าว แล้วทำไมไม่ให้บรรดาแฟนๆ ของนายช่วยเหมือนทุกทีล่ะ”

 

     “มีที่ไหน ตอนนี้ไม่ได้จีบใครนี่หว่า”

 

     “ทำไมไม่จีบล่ะ”

 

     “ขี้เกียจ”

 

     แม็กซ์ตอบออกมาด้วยถ้อยคำตัดบทง่ายๆ ก่อนจะเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน

 

     “ไปเหอะ หิวข้าวแล้ว ลงไปกินข้าวกัน”

 

     “อื้อ”

 

     ทั้งคู่ทานอาหารเย็นที่ประกอบไปด้วยกับข้าวง่ายๆ สองสามอย่างกันอย่างเร่งรีบ รายงานของแม็กซ์หมดเขตส่งเช้าวันจันทร์นี้แล้ว งานที่คั่งค้างอยู่ทำให้พวกเขาไม่มีแก่ใจนั่งละเลียดซึมซับความอร่อยของอาหาร และเมื่อทานเสร็จแล้วทั้งคู่ต่างก็พากันขึ้นไปคร่ำเคร่งกับงานต่อ ปล่อยให้ป้าจิตจัดการดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะขอตัวไปพักผ่อนยังเรือนหลังเล็กทางด้านหลัง บ้านหลังใหญ่จึงเสมือนคล้ายมีแต่พวกเขาสองคนตามลำพังเนื่องด้วยบิดาของแม็กซ์ออกไปงานสังสรรค์แล้ว ต้นน้ำนั่งทำงานอยู่ครู่ใหญ่ก็ชักจะไม่ไหวจึงตัดสินใจชาร์ตพลังตนเองด้วยการอาบน้ำ

 

     “แม็กซ์ เราอาบน้ำก่อนนะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ”

 

     แม็กซ์เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอยู่มาสบตากับต้นน้ำแล้วถามด้วยน้ำเสียงแสดงความห่วงใย เขาไม่อยากทรมานเพื่อนรักด้วยความเห็นแก่ตัวของตนเอง

 

     “เอาดิ ไหวป่าว ง่วงก็นอนได้นะต้น เดี๋ยวแม็กซ์ทำต่อเอง”

 

     “ไหวๆ อาบน้ำแล้วคงสดชื่นขึ้นเองแหละ”

 

     “เออ ตามใจ”

 

     แม็กซ์พูดพลางหันหลังกลับไปยุ่งกับงานของตนต่อ แต่เสียงของต้นน้ำก็รบกวนสมาธิแม็กซ์อีกจนได้

 

     “เดี๋ยวสิ หาเสื้อผ้าให้เราก่อน”

 

     “เรื่องมากน่า อยากใส่ตัวไหนก็หยิบๆ ไปเหอะ”

 

     “แล้วผ้าเช็ดตัวล่ะ?”

 

     “ของแม็กซ์นั่นไง วางอยู่ตรงนั้นอ่ะ”

 

     แม็กซ์พูดพลางชี้ไปยังผ้าขนหนูที่วางพาดไว้บนราวตากผ้า ทำเอาต้นน้ำขมวดคิ้วเม้มปากไม่พอใจ

 

     “ไม ทำหน้าไม่พอใจไม ใช้ของแม็กซ์ไม่ได้เหรอ”

 

     “ผ้าเช็ดตัวมันไม่ควรใช้ร่วมกันนะแม็กซ์”

 

     “ใช้ไปเหอะน่าต้น อย่าเรื่องมาก”

 

     “แต่...”

 

     “รู้นะว่าถ้าเป็นของแฟนต้นๆ ไม่บ่นหรอก ใช้ของร่วมกับแม็กซ์ซักวันเหอะน่า แม็กซ์ไม่ถือหรอก”

 

     “ก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซักหน่อย เราก็แค่รักความสะอาด เกิดนายมีโรคอะไรล่ะ เฮอะ!”

 

     “หืม... พูดแบบนี้จะดูมั้ย? มันก็เหมือนๆ กับที่ต้นเคยเห็นนั่นแหละ”

 

     เพราะแม็กซ์เงยหน้าขึ้นมามองต้นน้ำอย่าเอาเรื่องพลางทำท่าจะควักอะไรบางอย่างออกมาโชว์ ต้นน้ำเลยยอมลดทิฐิเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่เพราะท่าทางงอนๆ สุดท้ายแม็กซ์ก็เลยละมือจากงานตามไปหยุดยืนเคียงข้างกันหน้าตู้เสื้อผ้าแล้วลงมือหาเสื้อผ้าให้เพื่อนรักของตน

 

     “อ่ะ เสื้อกับกางเกงขาสั้น ใส่ได้ใช่ป่ะ”

 

     “อืม”

 

     “จะยื้มกางเกงในแม็กซ์ด้วยมะ?”

 

     “บ้า! ใครจะไปยืม”

 

     “อ้าวงั้นคืนนี้ต้นก็โล่งอ่ะดิ ฮ่าๆ”

 

     “เราไม่ได้มีนิสัยชอบใส่ซ้ำแบบนายนี่”

 

     “เออๆ อ่ะ เอาผ้าขนหนูผืนนี้ไปใช้ก่อนละกัน ผืนเล็กหน่อยแต่รับรองว่าใหม่ ยังไม่เคยใช้เลย”

 

     “ขอบใจนะ”

 

     ต้นน้ำเอ่ยขณะรับผ้าขนหนูผืนเล็กที่แม็กซ์ส่งให้ ในที่สุดต้นน้ำก็หายหน้างอส่งยิ้มให้แม็กซ์ ลงท้ายแม็กซ์ก็ตามใจเขาแบบนี้ตลอดแหละ

 

     “ต้นเรื่องมากชิบอ่ะ ทีหลังเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้นี่มา”

 

     “ทำอย่างกับเราจะได้มาอีกบ่อยๆ งั้นอ่ะ”

 

     “แล้วถ้าชวนจะมาป่ะล่ะ มานอนค้างกับแม็กซ์”

 

     เพราะบรรยากาศที่แปลกไปกะทันหันบวกกับสายตาที่ทอประกายเปี่ยมไปด้วยความหวังของแม็กซ์ ต้นน้ำจึงรู้ตัวว่าตนเผลอเหยียบย่างเข้าสู่สถานที่ต้องห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว เขาตัดสินใจเบี่ยงประเด็นไปตามเรื่อง

 

     “บ้า! ยังคิดจะใช้เราอีกเหรอ”

 

     “อ้าว ก็มีเพื่อนดีๆ ก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มดิ ฮ่าๆ”

 

     แม็กซ์เองก็ตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศจบเรื่องด้วยมุขตลกแทน ช่วยคลายสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้ ก่อนจะพูดต่อทำทีเป็นไม่ใส่ใจอะไร

 

     “ไว้เดี๋ยวแม็กซ์ซื้อเสื้อผ้าใหม่มาให้ต้นเลยละกัน ติดตู้ไว้ ผ้าเช็ดตัวด้วยเอาป่ะ? อีกหน่อยเผื่อต้นมาอีกจะได้ไม่ต้องบ่น ขี้หูกระเด็นหมดแล้วดูดิ”

 

     “เออดี!”

 

     ต้นน้ำว่าอย่างงอนๆ ก่อนจะเดินหนีเข้าห้องน้ำไป จนกระทั่งเขาอาบน้ำเสร็จและออกมานั่งทำงานต่อโดยไม่รู้เลยว่ากลิ่นหอมๆ ที่กระจายออกมาจากตัวจะทำให้แม็กซ์ตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานได้ยากขึ้น

 

     กลิ่นสบู่แบบเดียวกันกับที่เขาใช้ คุ้นจมูก หากแต่เมื่อมันแผ่ออกมาจากตัวต้นน้ำ แม็กซ์กลับรู้สึกว่ามันหอมมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ตนเคยได้กลิ่น ต้นน้ำเปลี่ยนกลิ่นเดิมๆ ของสบู่ที่เขาใช้ให้น่าดึงดูดเสียจนเขาอยากเข้าไปดมใกล้ๆ ยิ่งได้มองคนตรงหน้าที่ตัวเล็กเสียจนใส่เสื้อของเขาแล้วไหล่เสื้อตกลงมา แม็กซ์ก็รับรู้ถึงสถานการณ์อันตรายของตนเอง

 

     “แม็กซ์ไปอาบน้ำมั่งดีกว่าว่ะ ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

 

     “หะ? อืม”

 

     ต้นน้ำรับคำพลางหันมาสบตา

 

     ยิ่งได้มองสบดวงตาเรียวรีซื่อๆ ที่จ้องตรงมายังเขาด้วยความสงสัย แม็กซ์ก็แทบสะกดตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เขาต้องเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเดี๋ยวนี้!

 

     แม้น้ำเย็นจะช่วยสงบสติอารมณ์ของตัวเขาลงได้แต่แม็กซ์ตัดสินใจจะปลดเปลื้องความกังวลของตัวเอง แม็กซ์จัดการตัวเองเงียบๆ ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ กลิ่นสบู่ที่เคยใช้เป็นประจำกลับกลายเป็นกลิ่นที่ทำให้นึกถึงต้นน้ำยามอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ภาพของเพื่อนรักที่ยืนเปลือยกายลูบไล้ฟองครีมภายใต้ฝักบัวอันเดียวกันกับเขายามนี้ปรากฏขึ้นในหัว เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดีและผิดต่อเพื่อน แต่เขาจำเป็นต้องทำ เพื่อความปลอดภัยของต้นน้ำ เพื่อคุมสติของตัวเองเอาไว้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่พลั้งเผลอทำอะไรที่อาจจะทำให้เขากับต้นน้ำมองหน้ากันไม่ติด

 

 

     ปกติเพื่อนของเขาเป็นคนอาบน้ำเร็ว แต่วันนี้แม็กซ์อาบน้ำนานเป็นพิเศษ ต้นน้ำจึงกังวลเล็กน้อยเพราะงานส่วนของเขาเสร็จแล้วและต้องการให้แม็กซ์มาตรวจดูอีกรอบ ต้นน้ำเลยเดินไปดูข้อมูลในส่วนที่แม็กซ์ทำรอไปพลางๆ จนกระทั่งแม็กซ์เดินออกมาจากห้องน้ำ

 

     “ช้าจัง”

 

     “บ่นอีกละ”

 

     “เราทำตรงนี้เสร็จแล้ว นายลองดูสิว่าใช้ได้มั้ย”

 

     “เดี๋ยวดิ ใส่เกงก่อน”

 

     แม็กซ์พูดพลางเดินไปค้นหากางเกงขาสั้นในตู้มาใส่ก่อนจะตรงมาทางต้นน้ำที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ แม็กซ์เท้าแขนข้างหนึ่งกับพนักเก้าอี้พลางก้มลงดูข้อมูลใกล้ๆ กลิ่นหอมกรุ่นแบบเดียวกันกับเขาลอยมาแตะจมูก กลิ่นคล้ายกันแต่หอมกว่า มีเสน่ห์ดึงดูดน่าหลงใหลเสียจนเขาจวนเจียนจะคลั่ง หากแต่ความพิเศษนั้นแม็กซ์เองก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึก ว่ามันหอมเสียจนอยากดอมดมใกล้ๆ ... ใกล้ให้มากกว่านี้

 

     “อี๋ น้ำหยดอ่ะแม็กซ์”

 

     “ก็สระผม”

 

     “ละไมไม่เช็ด”

 

     “อุตส่ารีบเนี่ย ต้นนี่เอาใจยากจริง”

 

     “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

 

     แม็กซ์มองหน้าต้นน้ำด้วยสายตาจริงจังก่อนจะยิ้มแล้วสะบัดศีรษะใส่เพื่อนรัก

 

     “แม็กซ์บ้า!”

 

     “ฮ่าๆ”

 

     ต้นน้ำแหวใส่แม็กซ์ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนไหล่ของแม็กซ์มาคลุมศีรษะเจ้าตัวก่อนจะขยี้อย่างมันมือ

 

     “เฮ้ย! ใครอนุญาตให้เล่นหัว”

 

     “สม อยากแกล้งเราก่อนทำไม”

 

     “ต้นแม่ง... ร้ายว่ะ นิสัยเสียขึ้นเยอะเลยอ่ะ สนิทแล้วลามปามเหรอ เดี๋ยวเจอเตะ”

 

     ทั้งๆ ที่เนื้อหาเป็นการต่อว่า แต่สีหน้าของแม็กซ์กลับยิ้มอย่างอ่อนโยน ต้นน้ำรู้ดีจึงลอยหน้าลอยตาเถียงอย่างน่าหมั่นไส้ เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยกลัวแม็กซ์ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม็กซ์ไม่มีวันทำร้ายเขา แม็กซ์ไม่กล้าเตะเขาหรอก

 

     “แล้วเรื่องอะไรเราต้องยอมให้แม็กซ์อยู่ฝ่ายเดียว”

 

     “มีเอาคืนหรา”

 

     “อ่ะแน่นอน”

 

     “จิ๊”

 

     แม็กซ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอก่อนจะยอมแพ้แล้วดูงานให้ต้นน้ำ

 

     “อืม ตามนี้เลยต้น ใช้ได้ว่ะ เร็วเหมือนเดิมเลย”

 

     “มันแน่อยู่แล้ว คิดว่าใคร”

 

     “เดี๋ยวต้นนอนเลยก็ได้นะ ที่เหลือเดี๋ยวแม็กซ์ทำต่อเอง”

 

     “แต่ของแม็กซ์มันเหลืออีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่เหรอ ให้เราช่วยดีกว่ามั้ง”

 

     “ต้นจะรู้เหรอ ไม่เคยเรียนซักหน่อย”

 

     “ก็สอนสิ ไม่เกินความสามารถแม็กซ์หรอก บอกเราสิว่าตรงไหนต้องทำยังไง จะได้ช่วยกัน เสร็จเร็วๆ แล้วจะได้นอนไง”

 

     คำพูดซื่อๆ ของต้นน้ำทำให้แม็กซ์อึ้ง เขาบรรยายความรู้สึกของตนไม่ถูก รู้แค่ว่าหัวใจตัวเองมันเต้นเร็วขึ้น ต้นน้ำเป็นแบบนี้เสมอ เชื่อเขาเกือบทุกอย่าง เห็นเขาทำอะไรได้ก็แอบอยากทำตาม บางครั้งก็ดูซื่อๆ กระตือลือล้นสนใจอยากรู้อยากลองตามอย่างเขาราวกับลูกเจี๊ยบ เหมือนเด็กอ่อนต่อโลก แต่บางครั้งเด็กคนนั้นก็เกิดจะดื้อเถียงเขาอยากเอาชนะให้ได้ แม็กซ์ไม่รู้ว่าตนเองสอนต้นน้ำไปกี่เรื่องแล้ว แต่เขารู้อย่างหนึ่งว่าเขาตามใจต้นน้ำทุกเรื่อง!

ตอนพิเศษ # ขอแค่ได้รัก

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page