
Drama Queen & Dump King
ผมกับแฟนรู้จักกันได้สองปีกว่าแล้ว และอันที่จริง วันนี้ก็เป็นวันครบรอบสองปีที่ผมกับมันคบกันแบบแฟน แต่ผมกลับต้องมาเลี้ยงฉลองปีใหม่นั่งนับถอยหลังอยู่กับบรรดาลูกค้าและเพื่อนร่วมงานในผับแห่งหนึ่ง ปีแรกที่ผมขอมันเป็นแฟนผมหิ้วมันไปสัมนาด้วยกันที่โรมแรงสุดหรู ซึ่งก็คือผมไปทำงานอยู่ดีแหละ ส่วนปีที่แล้วผมโดนแม่ตัวเองมัดมือชกสั่งให้ไปนั่งแหกขี้ตาดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันกับญาติๆ แน่นอนว่าแฟนผมก็ต้องไปด้วยในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัว “สะใภ้เล็ก” ของบ้าน เพราะฉะนั้นปีนี้ผมเลยหาข้ออ้างอีกไม่ได้ ผมหยุดไปเยอะแล้ว ถึงทีให้น้องๆ คนอื่นในทีมได้หยุดไปฉลองกันบ้าง ผมเลยต้องรับหน้าที่พาลูกค้ามาเฮฮานั่งอยู่ท่ามกลางแสงสีเสียงแบบนี้
อันที่จริงผมก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะผมก็บ้างานพอสมควร ยิ่งงานเอนเตอร์เทนแบบนี้จะให้น้องผู้หญิงคนอื่นมาก็น่าเกลียด ถึงจะมีบางคนที่ชอบเสนอตัวรับงานแบบนี้ก็เถอะ พวกนางเมรีขี้เมาที่ชอบดื่มฟรีน่ะนะ แต่ยังไงๆ มันก็ต้องมีเซลล์ผู้ชายมาด้วยอยู่ดี เผื่อลูกค้าอยากได้อะไรที่มันมากกว่าแอลกอฮอล์ แล้วก็เป็นอันรู้กันว่านั่นมันหน้าที่ผม
ให้นั่งดื่มฟรี บิลเบิกได้ เฮฮากับลูกค้า นั่งตะล่อมเหยื่อให้รับข้อเสนอบริษัทเรา มีสาวๆ สวยๆ นาบซ้ายขวา มีอาหารตาเต้นให้ดู ผมทำได้อยู่แล้ว โชคดีที่แฟนผมไม่ใช่พวกชอบทำตัวมีปัญหา ผมกับมันฉลองล่วงหน้ากันไปแล้วเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ... โดยฝีมือแม่ผมอีกแล้ว มันก็เลยกลายเป็นฉลองพร้อมหน้าในเครือญาติไปซะชิบ! และก็อย่างที่คุณรู้ รอบนี้พี่ผมยังส่งตัวแถมมาให้ผมเลี้ยงอีกโคตรนาน ผมกับแฟนเลยไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวกัน แถมพอกลับจากไปเที่ยวทะเลผมก็ต้องหัวหมุนกับงานต่อ แม่งเอ้ย! ลำบากชิบหาย เหนื่อยนะครับ ทำงานแบบนี้ใช่ว่าไม่เหนื่อย บางอารมณ์ผมก็อยากกลับบ้านไปนอนพักสงบๆ บ้าง พออายุขึ้นเลขสามแล้วสังขารผมเริ่มไม่ไหวแล้วล่ะ ละนี่ผมพล่ามห่าไรวะเนี่ย? ผมว่าผมเมาแล้วล่ะ แม่ง... ไอ้ต้นต้องด่าผมเช็ดอีกแน่ๆ ที่ผมดื่มจนเมาแบบนี้ แล้วผมจะขับรถกลับไหวมั้ยวะ? ไม่ดิ ไงก็ต้องไหว เดี๋ยวต้องไปส่งหมออีก เวร!
“แหวะ...”
“ชัช!”
ใครเรียกผมวะ?
“ไหวมั้ยเนี่ย? น้ำตาลเห็นหายมานานเลยมาดู หืม...เละเทะเลยเนี่ย”
น้ำตาล? .... น้ำตาลมาอยู่นี่ได้ไงวะ? อ้อใช่! น้ำตาลพึ่งย้ายเข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกับผม แล้วก็บังเอิญเราได้อยู่ทีมเดียวกัน ผมเลยต้องพาน้ำตาลมางานนี้ด้วย ช่วยฝึกเด็กใหม่... ฮ่าๆ อย่างยัยน้ำตาลเนี่ยนะใหม่ จิ้งจอกชัดๆ ใหม่บริษัทผมแต่เก่ามาจากที่อื่นอ่ะดิ นโยบายดูดคน แม่ง เอาใครไม่เอาเสือกเอายัยน้ำตาลมา เวรเอ้ย!
“ชัช ได้ยินที่น้ำตาลพูดมั้ย?”
“ได้ยินคร้าบ แปปนะ ขอล้างหน้าอีกแปป แหวะ”
“ชัช! ค่อยๆ”
“ดีขึ้นมั้ย?”
ผมรับผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำที่ยัยน้ำตาลส่งให้มาเช็ดหน้าตัวเอง กลิ่นหอมอ่อนๆ กระจายออกมาจากตัวเธอตอนที่เข้ามาใกล้ผม ...แบบเดียวกับที่แฟนเก่าผมใช้เลย น้ำหอมยี่ห้อเดียวกันเป๊ะ แต่จะว่าไปยัยนี่ก็กิ๊กเก่าผมเหมือนกันนี่หว่า แถมยังเก่าตั้งแต่สมัยเรียนด้วย
“อือ”
“ดื่มจนเมาเละเลยนะชัช”
“โล่งแล้ว ออกหมดท้อง โล่งถึงหัวเลย”
น้ำตาลยิ้มขำๆ ให้กับมุขแปกของผม เราออกมาสูดอากาศกันด้านนอก ส่วนข้างใน ปล่อยให้เด็กคนอื่นมันดูไปครับ
“หมอวีกับหมอแก้วอ่ะ?”
ต่อให้คืนอันตรายโรงพยาบาลจะยุ่งขนาดไหน เชื่อเถอะครับ ยังไงมันก็ต้องมีพวกที่แลกเวร โดดเวร พวกรักแต่ตัวเองหนีเที่ยวได้อยู่ดี แล้วหน้าที่ผมก็คือหลอกล่อหมอไม่รักดีพวกนี้แหละให้ตกลงธุรกิจกับผมง่ายๆ อย่ามาโทษผมเลยถ้าค่ายามันจะแพงขึ้น เราอยู่ในโลกของธุรกิจนะครับ ถ้าไม่อยากเจ็บปวดกับค่ารักษาพยาบาลที่ไม่สมเหตุสมผลก็อย่าป่วย ทำงานมาเป็นสิบปีความดำมืดทั้งหลายของระบบสาธารณสุขนี่ผมเห็นจนชินชาแล้ว แต่ถ้าผมไม่ทำ ผมจะเอาที่ไหนกินอ่ะ?
“แจนพาหมอแก้วไปส่งแล้ว เหลือแต่หมอวีอยู่ข้างใน ร้านไม่ปิดแกคงไม่กลับหรอก”
“เหรอ ตาลกลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวชัชเข้าไปดูต่อเอง”
“สภาพแบบนี้จะไหวเหรอ”
“ไหวดิ หายเมาแล้ว ตาลรีบกลับบ้านไปเหอะ ป่านนี้ลูกตาลรอแย่”
กิ๊กเก่าผมกลายเป็นซิงเกิ้ลมัมไปแล้ว แต่ตอนที่ผมพูดน่ะ ผมไม่ได้นึกถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักคนนั้นหรอกนะ แทนที่ผมจะนึกถึงหน้าลูกเพื่อน ผมกลับนึกถึงเจ้าของดวงตาเรียวรีเศร้าๆ คนนั้น คนที่ไม่ว่าอะไรก็มักจะตามใจผมอยู่เสมอ แล้วก็ชอบเผลอยิ้มแบบเศร้าๆ ป่านนี้มันคงรอผมอยู่ที่ห้อง เข็มนาฬิกาเลยเวลาเที่ยงคืนมานานโข ผมยังไม่ได้โทรหามันซักแอะ มันจะรอผมอยู่รึเปล่า?
“เอางั้นก็ได้ ขอบใจมากนะชัช”
“อื้อ”
เดี๋ยวไงหมอแกก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือไปเปิดโรงแรม งานแบบนี้ให้ผู้ชายทำดีกว่าครับ ถ้าผมไม่อยากให้มีปัญหาหมอเสร็จคนในทีม เกิดอะไรขึ้นมันจะพาลซวยไปทั้งหมด ไล่ยัยน้ำตาลกลับแหละดีแล้ว ที่เหลือผมน่าจะจัดการเองได้ไม่ยาก
“ชัชเองก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้าไม่ไหวก็-”
“เออน่ะ ชัชดูแลตัวเองได้”
หลังจากร่ำลากันเสร็จแล้ว ผมก็ต้องเข้าไปเมาต่อ ไอ้หมอนี่มันคอแข็งชิบเป้ง เวร! คืนนี้ผมจะถึงห้องมั้ยวะ?
โชคดีชะมัดที่ระบบเผลาผลาญผมมันดี แถมยังอ้วกไปเกือบหมดท้อง เลยโล่งขึ้นเยอะ คิดแล้วยังงงตัวเองไม่หาย เพราะอะไรผมถึงได้เมาเละแบบนั้นวะ ผมเครียดเรื่องอะไรอยู่กันแน่ ชีวิตผมก็มีความสุขดีนี่หว่า... ดีนะครับที่ผมสร่างเมาแล้วจริงๆ เลยขับรถกลับมาถึงคอนโดได้ เกือบซวยเจอให้นั่งพักกับจ่าที่ป้อมแล้ว แต่ผมมีเสื้อในรถไว้เปลี่ยน สภาพเลยดูไม่แย่มาก ตอนลงไปเป่าเลยพอกล้อมแกล้มผ่านมาได้
โถงทางเดินในคอนโดผมเงียบสงบไร้ผู้คน ผมยกข้อมือขึ้นดูเวลา เกือบตีสี่ ป่านนี้ต้นคงนอนไปแล้ว
แต่ภาพแรกที่ผมเห็นหลังจากไขกุญแจเข้าห้อง คือ... ไอ้ต้นหลับคาโซฟาหน้าทีวีที่เปิดไว้ แฟนผมคู้ตัวซุกอยู่ในผ้าคลุมไหล่ผืนที่แม่มันเคยใช้ ต้นนอนหลับตาพริ้มทั้งๆ ที่ไฟในห้องก็ไม่ได้ปิด ผมบอกมันแล้วแท้ๆ ว่าให้นอนได้เลยไม่ต้องรอ เด็กดื้อเอ้ย...
“อื้อ พี่ชัช”
แฟนผมสะดุ้งตื่นเพราะน้ำหนักของผมที่กดลงบนโซฟา ต้นมันกระพริบตาปริบๆ สองสามทีก่อนจะถามผม
“กลับมาเมื่อไหร่ครับ”
“พึ่งถึงครับ ทำไมไม่นอน รอพี่ทำไม บอกแล้วว่าคืนนี้พี่อาจกลับเช้า”
พอถูกผมดุมันก็หน้าเสียนิดหน่อย ต้นมันหลบตาผม ผมลูบหัวมันเบาๆ ให้รู้ว่าไม่ได้โกรธ ผมไม่ได้โกหกมันนะครับ ถ้าคืนนี้ผมเมามาก ขับรถกลับไม่ไหว ผมอาจจะหาโรงแรมนอนแถวนั้นก็ได้ ผมไม่อยากให้มันต้องลำบากรอผมแบบนี้เลย แฟนผมแสนดีเกินไปจริงๆ
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษพี่ทำไม พี่สิต้องขอโทษเรา”
ผมรักมันนะ แล้วผมก็ไม่ได้โกรธมันจริงๆ แต่... เมฆหมอกในใจผมนี่มันคืออะไรกัน? ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีก็เลยจูบหน้าผากมันไปเบาๆ
“อื้อ กลิ่นหึ่งเลยครับ พี่ชัชเมามากรึเปล่าเนี่ย แล้วนี่กลับมายังไงครับ ขับมาเองหรือว่าแท็กซี่ ถ้าพี่ไม่ไหวไม่ต้องผืนก็ได้นี่ครับ”
มันบ่นผมอีกแล้ว บ่นผมทั้งๆ ที่ตัวเองก็มานอนรอผมกลับเนี่ยนะ? อะไรบางอย่างมันอุ่นวาบในอกข้างซ้ายของผม ผมคิดว่านั่นคือความเอ็นดู ผมแพ้ทางเจ้าเด็กคนนี้จริงๆ สินะ ฮ่าๆ ผมยิ้มให้กับคิ้วยุ่งๆ ของมัน ต้นมันทำหน้างง ผมเลยเฉลยให้มันฟัง
“ก็พี่รู้ไงว่ามีคนรอ เลยพยายามกลับมาหา ขอโทษนะครับ นอกจากจะไม่ได้ฉลองด้วยกันแล้วพี่ยังไม่ว่างโทรมาอีก”
ต้นมันเขิน อยู่กันมาตั้งสองปีแล้วมันยังเขินเพราะคำพูดของผม หน้าที่แดงขึ้นนิดหน่อยแล้วก็ทำท่าหลบตาผมแบบนั้นน่ารักจริงๆ เลย ...
ความจริงแล้วผมอาจจะเมานิดหน่อยก็ได้ เพราะอย่างนั้นผมก็เลยสวมบทคนเมาทิ้งน้ำหนักกอดมันเอาไว้ ต้นมันตัวเล็กจริงๆ ไซส์แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับกอดผู้หญิงเลย กลิ่นหอมพีชอ่อนๆ จากตัวมันที่คุ้นจมูกช่วยทำให้อารมณ์ผมผ่อนคลาย ความรู้สึกนี้เองที่บอกผมว่าผมกลับถึงบ้านแล้ว
“ผมก็แค่มานั่งดูทีวีแล้วเผลอหลับ ...”
“อะไรกัน ผัวอุตส่ากลับมา ไม่ดีใจให้พี่ชื่นใจซักนิดเลยเหรอ”
ผมพูดไปงั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็ต้องดีใจ ผมเดาว่ามันต้องกำลังหน้าแดงจัดแล้วก็แอบเม้มปากเพราะความเขินอยู่แน่ๆ แต่ผมอ่ะ แบตหมดแล้วครับ โคตรเหนื่อยเลย ชักไม่ไหวแล้ว
“พาพี่เข้าห้องหน่อยดิ ไม่ไหวแล้วว่ะ”
“อื้อ... ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“อือ กว่าจะขึ้นมาถึงห้องได้ก็แทบคลานละว่ะ”
อ้อนเมีย มีความสุขครับ ผมว่าผมจำได้แล้วล่ะ ว่าผมรักไอ้ต้นเพราะอะไร คิดแล้วทุเรศตัวเองเป็นบ้าเลย ผมจะสับสนไปหาพระแสงอะไรกันวะ?
ผมคงเมามาก สมองผมเบลอไปหมดแล้ว ผมจำไม่ค่อยได้ด้วยซ้ำว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ รู้แต่ว่าก่อนหน้านี้เหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่างรบกวนใจผม ซึ่งผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมคงเซ็งมากจริงๆ นั่นแหละ เลยเผลอซัดเข้าไปซะขนาดนั้น โชคดีชะมัดที่ยังไม่ตายกลับมาหาไอ้ต้นได้ครบสามสิบสอง ดูท่าผมคงต้องเลิกดื่มหนักแบบนั้นจริงๆ จังๆ ซะแล้ว นิสัยเครียดแล้วกอดขวดนี่แก้ไม่หายซะที ... แค่ได้กลับมานอนเมาให้เมียดูแลแบบนี้ผมว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ ผมรักต้น ขอแค่ยังมีต้นอยู่ข้างๆ ผมก็พอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหยอะไรสักอย่างในห้องกับสัมผัสอุ่นๆ จากผ้าขนหนูที่บรรจงเช็ดหน้าให้ผมอย่างเบามือ มีกี่คนกันที่จะแหกขี้ตามาเช็ดตัวให้ผมตอนเมาแบบนี้ ผมรู้ครับว่าผมมันแย่ แต่ช่างแม่งเหอะ ขอแค่พรุ่งนี้ผมยังมีต้นอยู่ข้างๆ ผมก็พอแล้ว
ปวดหัวครับ ผมรู้จักอาการแบบนี้ดี “แฮงค์” นี่ผมมานอนบนเตียงได้ไงวะเนี่ย? อ้อใช่ เมื่อคืนผมเมามาก แต่ก็ยังลากสังขารกลับห้องได้อยู่ พอมาถึงห้องแล้วที่เหลือก็เป็นหน้าที่ไอ้ต้นละ แฟนผมนอนซุกอยู่ข้างๆ กันนี่แหละ สงสัยเมื่อคืนมันก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน ...
ผมจำได้ละ! ต้นมันไม่ยอมนอน รอผมกลับห้องเกือบถึงเช้า แถมยังต้องช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมอีก เพราะตอนนี้ผมใส่ชุดนอน เสื้อผ้าคนละชุดกับตอนผมออกไปทำงานเมื่อวาน
ถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนผมอ้วกแตกด้วยนี่หว่า? ผมเปลี่ยนเสื้อก่อนกลับ ละผมเก็บเสื้อตัวนั้นไว้ไหนนะ? ท้ายรถหรือในรถ? ต้องเอารถไปล้างอีกแหง๋ๆ เฮ้อ... เซ็งครับ มีหวังปีนี้ผมได้เมาเละทั้งปีแน่ๆ เริ่มต้นวันที่หนึ่งแบบนี้แล้วรู้สึกทุเรศตัวเองเป็นบ้าเลย!
ผมหันไปมองไอ้ต้น ... มันหลับ ปกติต้นมันรู้สึกตัวง่ายมาก ตื่นก็ง่าย แต่วันนี้มันหลับลึกผิดปกติ สงสัยเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนจริงๆ ความผิดผมสินะ? ความรู้สึกผิดกับความเอ็นดูผสมกันจนผมเผลอไล้แก้มมันเล่น พอเห็นมันเริ่มย่นคิ้วนิดหน่อยผมก็เลยจูบรับอรุณมันไปหนึ่งที และแล้วเจ้าหญิงก็ตื่นจากนินทรา
“พี่ชัช... อรุณสวัสดิ์ครับ”
เมียผมบอกอรุณสวัสดิ์ผัวทุกเช้า กล่าวราตรีสวัสดิ์ผมทุกคืน ขาดแค่ไม่ได้กราบเช้ากราบเย็นนะครับเนี่ย ตื่นมาแล้วได้ฟังคำทักทายแบบนี้ทำให้รู้สึกดีเป็นบ้า! แต่ผมยังไม่ได้บอกปีใหม่มันเลยนี่หว่า...
“แฮปปี้นิวเยียร์ครับ”
พอได้ยินคำทักทายของผมแล้วต้นมันก็ทำหน้างงๆ อยู่สองวิก่อนจะยิ้มออกมา ต้นมันยิ้มให้ผมแบบโคตรละลายใจอ่ะ! เมียผมน่ารักที่สุด ขอพี่แลกขี้ฟันอีกซักทีสองทีก็แล้วกัน
“อื้อ อี้อั๊ด!”
ต้นมันได้แต่ร้องอู้อี้ เพราะถูกผมแลกลิ้นด้วยแต่เช้า ผมก็ไม่ได้กะจะนัวเนียเอาจนฟินอะไรขนาดนั้นหรอกนะ รู้แต่อยากทำ อยากจูบมัน พอผละออกจากกันได้ ต้นมันหน้ามุ่ยเชียว ย่นคิ้วนิ่วหน้าเตรียมอ้าปากด่าผมชัวร์
“พี่ชัชอ่ะ!”
ว่าแล้ว... อีแก่ขี้บ่นของพี่เอ้ย! อารมณ์อิ่มเอมใจมันปะทุขึ้นมาจนแทบทะลัก ถึงจะถูกด่าแบบนี้แต่ผมรู้สึกดีเป็นบ้า ผมนึกถึงขายหัวเราะจริงๆ นะ อยากอยู่กับต้นไปนานๆ แบบนั้นจัง โดนมันบ่นทุกวันผมก็ยอม ให้มันเป็นอีแก่ของผมแล้วผมจะเป็นไอ้แก่ให้มันเอง
“ไม รังเกียจผัวเหรอ? ฮ่าๆ”
“ก็... เมื่อคืนพี่เมามาฟันก็ไม่แปรง ผมเหม็นอ้วก”
“ก็เราอยากมายั่วพี่ทำไมล่ะ”
“ผมไม่ได้ยั่ว!”
“แค่ยิ้มก็ยั่วแล้วต้น ไม่รู้ตัวเหรอครับว่าพี่รักเราขนาดไหน แค่เห็นต้นยิ้มพี่ก็ของขึ้นแล้ว”
เจอมุขเลี่ยนๆ ของผมเข้าไปแบบนี้แฟนผมก็หน้าแดง มันเขินจนเฉไฉหันไปมองโน่นมองนี่ก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอน เสียงพึมพัมเบาๆ ลอดออกมาพอให้ผมได้ยินว่า “พี่ชัชบ้า!” ขี้อายจริง... แต่แบบนี้แหละ น่ารักสุดๆ!
แฟนผม... คุณสมบัติภรรเมียดีเด่นมันผ่านหมดทุกอย่าง ขาดก็แค่อุ้มท้องได้แบบผู้หญิง นอกนั้นผมว่ามันไม่แพ้คนอื่นหรอก แต่สิ่งที่มันน่ารักจริงๆ ก็คือตอนที่มันเขินนี่แหละ เวลาอายแล้วทำหน้าแดงๆ หรือแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้นี่สุดยอด ผมลืมความน่ารักของมันไปได้ยังไงนะ ถึงมันจะไม่ค่อยมีจริตมารยาแบบที่ผมชอบ ถึงเรื่องบนเตียงมันจะไม่ค่อยสะใจผมเท่าไหร่ แต่ไอ้เรื่องทำหัวใจผมเต้นอย่างกับเด็กวัยรุ่นนี่ไอ้ต้นกินขาดจริงๆ
แม้พวกผมจะไม่มีพันธะอะไรมาผูกพัน ไม่มีโซ่มาคล้อง ไม่มีห่วงให้ผูก แต่ผมได้ไอ้ต้นมันแล้ว ผมควรรับผิดชอบมัน ยิ่งไอ้ต้นมันรักผมขนาดนี้ ผมก็ควรจะเสียสละความฝันของตัวเองเพื่อมันบ้าง ยอมมีความสุขเท่าที่ผมจะคว้าเอาไว้ได้แบบนี้จะเป็นไรไป ผมนี่มันโง่จริงๆ ถ้ามัวแต่ยังดิ้นรนไขว่คว้า มองว่ามันยังไม่พอสำหรับผม อยากได้มากกว่านี้ เผลอๆ ความสุขที่ผมมีอยู่นี่ก็อาจจะเล็ดลอดหลุดจากมือผมไปเหมือนเม็ดทรายก็ได้ ผมควรจะรักและทะนุถนอมมันสิ งั้นก็เอาใจมันหน่อยดีกว่า
“วันนี้ไปเที่ยวกันป่าว”
“หยุดเหรอครับ?”
“หยุดดิ สภาพงี้จะไปทำงานไหวได้ไง”
“ทำงานไม่ไหวแล้วจะไปเที่ยวเนี่ยนะครับ?”
“ก็ทำงานกับเที่ยวมันคนละเรื่องกัน ครบรอบสองปีทั้งที ไม่อยากไปฉลองด้วยกันหน่อยเหรอครับ?”
พอได้ยินผมพูดแบบนั้นแล้วไอ้ต้นก็หน้าแดง... มันขยับตัวเข้ามากระแซะผมก่อนจะพูดคำพูดติดปากของมันว่า
“แล้วแต่พี่ชัชสิครับ”
ไอ้แบบเนี้ยะ! คนอื่นไม่เคยมีให้ผมจริงๆ นะ สักวันผมต้องเป็นเบาหวานตายเพราะมัน เมียผมหวานไปทั้งตัว น่ารักจริงๆ แฟนผม เพราะอารมณ์หวานๆ ที่เกิดขึ้นกระทันหัน คนน่ารักเลยโดนผมระดมจูบไปเยอะเหมือนกันครับ กว่าผมจะปล่อยให้มันลุกไปอาบน้ำได้ ส่วนผมน่ะเหรอ? ขอพี่ต่ออีกสักห้านาทีนะครับที่รัก...
ผมอาบน้ำแต่งตัวออกมานั่งกินอาหารเที่ยงแบบง่ายๆ แต่จัดเต็ม ต้นมันแอบทำเค้กนมสดแบบที่ผมชอบไว้ด้วย ผมว่าละว่าต้องมีอะไร ตอนที่มันอุ่นข้าวผัดอเมริกันให้ผมเสร็จแล้วมันก็ทำท่าเขินๆ ถามผมว่า “พอดีเมื่อวานผมอยากทานเค้กก็เลยทำไว้ พี่ชัชอยากรับของหวานหน่อยมั้ยครับ?” ไม่บอกล่ะครับว่าทำให้พี่? อยากทานบ้านมันดิ่ ยังไม่ได้ตัดแบ่งสักชิ้น ทำไว้ให้ผมชัดๆ ผมรู้น่ะ
แต่เพื่อไม่ให้เมียเขินจนมาพาลด่าผม ผมก็เลยต้องเก็กๆ ซะหน่อย ทำเป็นไม่รู้แล้วก็นั่งซัดเค้กของโปรด ผลก็คือแค่มื้อเที่ยงก็ทำเอาผมอิ่มแปล้ แต่ก็คุ้มครับ ได้เห็นสีหน้าท่าทางมีความสุขของไอ้ต้น นึกแล้วก็ขำชิบ ท่าทางรอลุ้นให้ผมกินอาหารที่มันทำละพอผมกินเสร็จมันก็จะนั่งยิ้มหน้าบานแบบนี้คล้ายกับแม่ผมจริงๆ นั่นแหละ เหมือนที่ไอ้เตอร์พูดไว้เลย
เวลาที่ผมชอบอะไร ถ้าไอ้ต้นมันรู้มันจะพยายามทำให้ผมกินบ่อยๆ ยิ่งโอกาสพิเศษนี่ของชอบผมมีไม่เคยขาดอ่ะ ต้นมันเตรียมไว้ให้ผมตลอด ละพอผมชมมันที่อุตส่าทำเพื่อผมขนาดนั้นมันก็จะดีใจยิ้มจนแก้มปริ ไอ้ท่าทางพยายามเอาใจผมแบบนี้นี่เหมือนเด็กเลยครับ เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่อยากได้คำชมจากพ่อแม่เลย คงเป็นปมของมันมั้ง? แต่ผมไม่ลำบากหรอกที่จะเล่นบทคุณพ่อขายาวแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ถ้าทำแล้วได้เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้อีก ให้ผมทำอะไรก็ยอมครับ รักเมียหลงเมีย!
พอเราเตรียมตัวเสร็จก็สตาร์ทรถขับออกจากคอนโดไปวัดกัน ต้นมันอยากไปทำบุญ มันก็จริงที่ผมให้ไอ้ต้นเป็นคนเลือกว่าอยากไปเที่ยวไหน แต่ที่ไหนได้มันดันบอกให้ผมพามันไปวัด พวกเราเลยเลือกวัดใกล้ๆ คอนโดนั่นแหละครับ ต้นมันชวนผมลงไปซื้อชุดสังฆทานแล้วก็ไปหาเจ้าอาวาสที่กุฏิท่าน พวกเราถวายสังฆทานกันอย่างเรียบง่าย พอมันกรวดน้ำเสร็จ ก็ชวนผมไปให้อาหารปลา สบโอกาสแล้วผมก็เลยถามมันสักหน่อย อดใจไม่ไหวอ่ะครับ
“ทำไมอยู่ๆ ถึงชวนพี่มาทำบุญละครับ?”
“ก็... เป็นห่วงพี่ชัชมั้งครับ”
“ห่วง? ห่วงพี่เนี่ยนะ เกี่ยวอะไรกับทำบุญ?”
“ก็ปีใหม่ทั้งทีผมก็เลยอยากทำอะไรดีๆ บ้าง”
ต้นมันบิขนมปังออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะโยนออกไปให้บรรดาปลาที่แห่กันมารอรับอย่างแออัด วันนี้แฟนผมใส่ชุดใหม่ด้วยเว้ยเฮ้ย สงสัยเป็นชุดที่ไปซื้อกับน้องเมษคราวก่อนที่เคยเล่าให้ผมฟังแหง๋ๆ กางเกงยีนส์เข้ารูปหน่อยๆ ไม่ถึงกับเดฟ แต่ต้นใส่แล้วขึ้นมากครับ การเกงทรงพอดีตัวแบบนี้ช่วยให้ต้นมันดูเพรียวขึ้นเยอะเลย แถมยังเห็นก้นงอนๆ นั่นชัดอีกต่างหาก เสื้อแขนยาวสีเทานั่นถึงจะเรียบๆ แต่ก็ใส่แล้วขึ้นเป็นบ้า เห็นไหปลาร้าดูเซ็กซี่หน่อยๆ มันถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อให้สะดวกในการให้อาหารปลาดูทะมัดทะแมงดีไม่หยอก เสียดายแว่นนั่นบังตาสวยๆ ของมันไปหมด เพราะมันไม่ยอมใส่คอนแทคเลนส์ เมื่อก่อนมันก็น่ารักอยู่แล้วนะ แต่พอแต่งตัวนิดๆ หน่อยๆ แบบนี้แล้วผมว่ามันหล่อเลยล่ะ ผมไม่แปลกใจเลยถ้ามีผู้หญิงมาชอบมัน แต่ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้เมียผมโดนผู้หญิงคนไหนคว้าไปหรอกครับ ผมรักของผม
“ละอีกอย่าง ผมเป็นห่วงพี่ชัชนะครับ เมาแล้วก็ขับรถแบบนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะทำยังไง ผมไม่สบายใจนี่นา เลยอยากชวนพี่ชัชมาทำบุญ... เผื่อ... กุศลจะได้ช่วยคุ้มครองพี่ชัชมั้งครับ”
ตอนแรกผมก็เซ็งนะ ไอ้ต้นบ่นผมอีกแล้ว แต่ท้ายๆ ประโยคนั่นผมซึ้งครับ! ยิ่งเห็นไอ้ต้นมันงุ้งงิ้งงึมงัมแล้วก็แอบเหลือบตามามองผมก่อนจะเฉไฉไปโยนขนมปังให้ปลา โอ้ย อยากลากเมียกลับบ้านชะมัด! หนีเขตวัดกันเถอะน้องเอ้ย! พี่ไม่อยากบาปหนักข้อหาคิดเรื่องหื่นๆ ในเขตสงฆ์
ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากยิ้ม พอต้นมันเห็นผมยิ้มมันก็เลยยิ้มตาม มันยิ้มอายๆ แล้วก็ให้อาหารปลาต่อ ระหว่างเราสองคนไม่ต้องพูดอะไรกัน แต่ผมว่ามันก็รับรู้ได้เหมือนผมนะ ไอ้อารมณ์หวานๆ อุ่นๆ สุขใจยิ่งกว่ากินไก่ลุงเคนเนี่ย แฟนผมแม่งน่ารักที่หนึ่งเลย เพราะแบบนั้นผมก็เลยลูบๆ ขยี้หัวมันไปสองที แปลกแฮะคราวนี้มันไม่บ่นหาว่าผมแอบเช็ดมือกับหัวมัน
“ให้อาหารปลาเสร็จละต้นอยากไปไหนต่อป่ะครับ?”
“ไม่รู้สิครับ”
“เราอยากทำไรรึเปล่าละ? มีโปรแกรมมั้ย”
“อืม... นึกไม่ออกอ่ะครับ ละพี่ชัชล่ะ? พี่ชัชอยากทำอะไรรึเปล่าครับ? ผมแล้วแต่พี่ชัชละกัน”
“พี่เหรอ? พี่อยากงาบเมียว่ะ”
ต้นมันอึ้งไปหน่อยๆ ก่อนจะหน้าแดงแปร๊ด มันขมุบขมิบปากอ่านได้ใจความว่า “พี่ชัชบ้า” หึ หึ น่ารักชิบเป๋ง!
ปีใหม่แบบเรียบง่ายอย่างนี้ก็ดีไปอีกแบบนะครับ สงบสุขดี ถึงจะไม่มีแสงสีเสียงอลังการณ์ละลานตา แต่แค่ได้อยู่กับคนที่เรารัก ทำบุญทำทานเพิ่มความเป็นศิริมงคลกับชีวิต มีคนรู้ใจคอยเตือนสติกัน ชีวิตแบบนี้ก็เรียบง่ายดี ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก ผมลืมไปได้ยังไงนะ ว่าอีกข้อที่ผมชอบไอ้ต้นก็เพราะว่าเวลาที่อยู่กับมันแล้วผมไม่เหนื่อย
พูดแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองพึ่งโผล่พ้นน้ำเลยครับ ผมมัวแต่หลงอยู่ในตมตั้งนาน คิดมากเรื่องไอ้ต้น มัวแต่เปรียบเทียบมันกับคนอื่นอยู่ได้ นั่งคิดข้อดีข้อเสียของมันแล้วก็นั่งเซ็งที่มันตอบโจทย์ความฝันของผมได้ไม่ครบ โดยเฉพาะมันขาดในสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุด โดยที่ผมลืมมองไปว่าต้นมันมีอะไรให้ผมบ้าง แล้วสิ่งที่มันทำให้ผมได้พวกนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมากแค่ไหน แถมยังหาไม่ได้จากคนอื่นอีก ผมนี่แม่งโง่ชะมัด!
เพราะต้นมันเขิน ก็เลยบิขนมปังแล้วโยนให้ปลารัวๆ ไม่นานขนมปังก้อนใหญ่ก็เกลี้ยง เป็นอันว่าผมหมดอุปสรรคไปอย่าง
“กลับคอนโดกันป่ะ?”
ผมเอื้อมไปกุมมือของต้นแล้วทำเสียงทะเล้นถามมันไปแบบนั้น หน้าที่แดงอยู่แล้วของต้นก็เลยยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ลามไปทั้งคอจนถึงหู ต้นมันพยักหน้าหน่อยๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เป็นอันว่าเข้าใจกันนะครับ ว่าผมจะกลับคอนโดไปงาบเมีย ฮ่าๆ
ถ้าหากพวกคุณอยากรู้ละก็ ผมไม่ได้กลับคอนโดทันทีหรอก อุปสรรคเยอะชิบ! แต่ต่อให้มีฟ้าถล่มมาตรงหน้า ผมก็จะพาไอ้ต้นกลับไปงาบให้ได้วันนี้ ... คืนนี้ก็ได้วะ!
คือตอนที่เรากำลังจะเดินกลับไปที่รถดันมีโทรศัพท์ด่วนมาบ่นน้อยใจน่ะครับ ผมก็เลยต้องมานั่งใช้โหมดโปรเฟสชันแนลปั้นหน้ายิ้มอยู่บ้านปู่ไอ้ต้นมัน คุณปู่ขี้เหงาบ่นน้อยใจโวยวายว่าปีใหม่ทั้งทีทำไมหลายชายไม่มาเยี่ยม ทั้งๆ ที่ต้นมันพึ่งไปหาปู่มันมาเมื่ออาทิตย์ก่อน แกบ่นโวยวายน้อยใจใหญ่ ไอ้ต้นยิ่งขี้ใจอ่อนอยู่ด้วย มันก็เลยหันมาอ้อนผมขอให้พามันไปกินข้าวเย็นกับปู่ ผมก็เข้าใจความหมายแฝงนะ มันอยากให้ผมไปกับมันด้วยไม่ใช่แค่ไปส่ง เอาก็เอาวะ!
แล้วผมก็คิดไว้ไม่ผิด อึดอัดโคตร... ถึงเงินเดือนผมมันจะน้อยจนซื้อสร้อยเพชรสักเส้นในร้านปู่แกไม่ได้แต่ก็เลี้ยงไอ้ต้นได้ก็แล้วกันครับ ผมน่ะชนชั้นกลางธรรมดาๆ นะครับ อยู่แบบพอมีพอกิน ไหนเลยจะรวยอู้ฟู่มีเงินเหลือกินเหลือใช้แบบเจ้าสัวแก
แต่ได้มาเห็นแบบนี้ก็ดีครับ ผมถึงได้รู้ว่าต้นมันเข้ากับญาติๆ ฝั่งพ่อได้แล้ว แถมมันยังสนิทกับลุงมันมาก แต่ทำไมผมเสียวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เห็นสายตาเทิดทูนที่ต้นมองลุงมันแล้วผมแปล๊บในใจแปลกๆ ดีนะครับที่สองคนนั้นเขาเป็นญาติกัน แล้วในระหว่างที่ผมนั่งอิจฉาอยู่ก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมกับผมด้วยเหมือนกัน พ่อไอ้ต้นนั่งงอนลูก ผู้ชายอายุเกือบห้าสิบกำลังหมั่นไส้พี่ชายตัวเองข้อหาลูกปลื้มลุงมากกว่าพ่อ แต่ถึงยังไงก็มีแต่ผมนี่แหละที่หัวเดียวกระเทียมลีบ ก็พ่อไอ้ต้นพกมาทั้งเมียทั้งลูกสาว ส่วนผม... เมียผมดันกำลังปฏิบัติหน้าที่ลูกหลานกตัญญูอยู่ ไม่ว่างมาเทคแคร์ผม
ผมเคยคิดว่าถ้าผมแต่งงาน ผมอยากได้เมียที่เข้ากับแม่ผมได้ แต่ที่ผมไม่ได้คิดก็คือญาติเมียผมจะเกลียดผม ออกแนวรังเกียจหน่อยๆ เลยด้วยเอ้า! นี่สินะครับความแตกต่างของชนชั้น ปู่ไอ้ต้นเกลียดผมเพราะผมเสือกทำหลานชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของแกเป็นเกย์ พ่อไอ้ต้นเกลียดผมเพราะผมเสือกพาลูกเขาไปรถคว่ำเกือบเอาชีวิตไม่รอด พี่ไอ้ต้นเกลียดผมเพราะเพื่อนไอ้ต้นคงรายงานเรียบร้อยว่าผมข่มขืนไอ้ต้น เวร! โคตรอึดอัดเลยคร้าบ อยากกลับคอนโดอ่ะ
“เติมชาหน่อยมั้ยจ้ะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมอิ่มแล้ว”
“ลำบากหน่อยนะ ต้องมาเฝ้าคนแก่แทนที่จะได้ไปสนุกสนานประสาเด็กๆ”
คนเดียวที่ดูจะไม่อคติกับผมมากก็คือป้าสะใภ้ไอ้ต้นนี่แหละครับ ส่วนลุงรองของไอ้ต้น ผมไม่ค่อยได้คุย เคยได้ยินชื่อรู้จักหน้าค่าตากันเฉยๆ
บ้านหลังนี้มีคนอยู่กันสามคน รวมแม่บ้านกับคนขับรถสองผัวเมียก็เป็นห้า ลุงใหญ่กับลูกพี่ลูกน้องไอ้ต้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียไปพร้อมกันเมื่อ ราวๆ สี่ห้าปีก่อนครับ ก่อนที่คนบ้านนี้จะรู้ว่ามีไอ้ต้นอยู่บนโลกนี้ซะอีก ทั้งบ้านนอกจากปู่ไอ้ต้นแล้วก็เหลือแต่ลุงรองที่ไม่ได้แต่งงานกับป้าสะใภ้ ที่ยังคงอยู่ดูแลพ่อสามี ส่วนพ่อไอ้ต้นแยกบ้านไปอยู่กันประสาครอบครัวเดี่ยวพ่อแม่ลูก เพราะไม่ค่อยลงรอยกับพ่อตัวเองที่หัวโบราณ แล้วก็มีปัญหาไม่กินเส้นกับพี่ชายคนอื่นๆ เห็นแล้วผมว่าผมโชคดีกว่าเยอะเลยแหละ อย่างน้อยๆ ถึงพี่ผมจะดุชอบไล่เตะผม แต่พี่ศักดิ์กับผมก็รักกันดี ไม่ค่อยมีอีโก้โง่ๆ แบบนี้เท่าไหร่ เพราะบ้านผมจนมั้งครับ ทุกคนเลยต้องช่วยกันทำมาหากิน ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ช่วยกัน ไม่มีเรื่องแก่งแย่งว่าใครดีกว่ากัน
เฮ้อ... เห็นแล้วเซ็ง ดีนะครับที่ผมตอแหลเนียนพอ ว่าแล้วก็เอาซะหน่อย ผมปรับสีหน้าเป็นโหมดทำงานก่อนจะยอคนแก่
“ไม่หรอกครับ ผมเองก็ไม่เด็กแล้วเหมือนกัน”
“อุ๊ยตายจริง ขอโทษนะ ฉันก็ลืมไปสนิทเลย เห็นตาต้นเด็กๆ เลยชอบลืมไป เห็นแฟนต้นเป็นเด็กไปด้วย แต่เราก็ยังดูไม่แก่เท่าไหร่เลยนี่ ไม่น่าเชื่อนะว่าจะสามสิบกว่าแล้ว ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย”
“คุณณีจะทำให้ผมตัวลอยนะครับเนี่ย ฮ่าๆ”
“ตอนอั๊วะสามสิบน่ะ ไอ้ตี๋ใหญ่ก็สิบขวบแล้ว”
นั่นไงเสียงสวรรค์ นรกส่งมาแทรกชัดๆ ไอ้ต้นมันหน้าเหวอเลยครับ มันก็พอรู้อยู่ว่าปู่มันไม่ค่อยชอบหน้าผมแล้วมันยังจะขอให้ผมพามันมาอีก ฮือๆ เพื่อเมีย ชัชทนด๊าย!
“คุณพ่อคะ!”
ดูเหมือนปู่แกจะรู้ตัวว่าเผลอตีวัวกระทบคราด ไอ้ผมเจ็บอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่มันไปโดนหลานแกเต็มๆ เลย พอเห็นต้นหน้าเจื่อนแบบนั้นแกถึงพึ่งรู้ตัว
“ไอหย๋า อั๊วะไม่ได้ว่าลื้อน้าอาตี๋เล็ก ถึงลื้อจาเป็นอาไรอากงก็รักลื้อน้า มีเหลนให้อั๊วะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาษาอีก็มีเอง ลื้ออยู่เป็นหลานชายอั๊วะไปนานๆ นะ ไม่ต้องไปรักคนอื่นหรอก”
“คุณพ่อคะ หนูยังไม่อยากให้ลูกรีบคิดเรื่องนั้นเลยค่ะ ยัยษาพึ่งเข้ามหาวิทยาลัยเอง”
แม่เลี้ยงไอ้ต้นรีบเบรคปู่แกทันที ตอนแรกผมก็นึกสงสัยนะว่าผู้หญิงแบบไหนที่ปล่อยให้ผัวไปซนได้จนไอ้ต้นเกิด แต่พอมาเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ผมก็รู้ทันทีเลยว่าเพราะอะไรผู้ชายคนนั้นถึงได้เกรงใจและรักเธอมากจนไม่สนใจพี่น้ำกับลูก สั่งให้พี่น้ำไปเอาเด็กออก ถึงจะแก่แต่ก็ยังดูสวยอยู่เลยครับ ทั้งสวยทั้งสง่ามีราศีน่าเกรงขามเป็นอาจารย์ซะด้วย แถมยังฉลาด วางตัวเก่งเป็นบ้า ถ้าผมเจอลูกค้าแบบนี้บอกได้เลยครับว่าเคี้ยวยาก
จากที่ผมประเมินท่าทีระหว่างไอ้ต้นกับแม่เลี้ยง ทั้งสองคนต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง อยู่ร่วมกันแบบไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ไม่แสดงท่าทางหมางเมินแต่ก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกันขนาดนั้น พูดคุยยิ้มรับทักทายกันตามปกติ แต่เห็นแล้วผมสงสารแฟนครับ ในใจไอ้ต้นนี่คงอึดอัดจนแทบบ้า ผู้หญิงคนนั้นเองก็ด้วย เธอเข้มแข็งน่าดูถึงได้วางเฉยได้ขนาดนี้ มิน่าพ่อไอ้ต้นถึงได้ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะเกรงใจเมีย ผมก็เข้าใจนะว่ามันกระทบเต็มๆ โน่นก็ลูก นี่ก็เมีย มันวางตัวลำบาก นี่ดีนะที่พี่ไอ้ต้นมันรักน้อง ไม่งั้นคงดราม่ากว่านี้
“จะคบคนมันต้องดูนานๆ ลูกๆ หลานๆ เพื่อนอั๊วะเยอะแยะ ลื้อถูกใจคนไหนก็จะได้ลองดูใจกันก่อนงาย พอเรียนจบก็แต่งพอดี”
โดน! ผมโดนอีกแล้ว.... เซ็งครับ เพราะทำอะไรไม่ได้ผมเลยยกแก้วชาในมือขึ้นจิบ ชิบหาย! คุณณีแกเติมชาให้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย ร้อนชิบ! ลวกปากเลย
“แค่กๆ”
“พี่ชัช”
พอเห็นผมสำลักไอ้ต้นก็ปราดเข้ามาดูผมทันที มันหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ผม สีหน้ารู้สึกผิดของมันทำให้ผมใจอ่อน มันทำปากว่าขอโทษผมเบาๆ แต่ผมแอบเห็นปู่แกทำหน้าสะใจเต็มแก่
“ฮึ ดื่มชาก็ดื่มไม่เป็น ชาชั้นดีแบบนี้มันต้องค่อยๆ จิบ”
“อย่าไปถือพ่อแกเลยนะคุณ คงเพราะผมอยู่เป็นโสดไม่ยอมแต่งงานซักที แถมพี่อาจกับตาธีร์เสียไปพร้อมๆ กัน แกคงเหงา อยากมีลูกหลานเพิ่ม แกเลยมาพาลเอากับคุณ”
ลุงของไอ้ต้นแอบกระซิบคุยกับผมในระหว่างที่ปู่แกกำลังหันไปคุยกับสะใภ้เล็กแล้วก็หลานสาว ชอบจับคู่ให้คนโน้นคนนี้ซะจริง แต่ได้ข่าวว่าสำเร็จไปแค่คู่เดียวเท่านั้นแหละครับ แต่ผลก็คือลูกชายอีกสองคน คนหนึ่งอยู่เป็นเพลย์บอยยันห้าสิบกว่า อีกคนแหกกฏยอมถูกตัดออกจากกองมรดกไม่ยอมรับการคลุมถุงชนหนีไปเมืองนอกแต่งงานกับสาวที่เลือกเอง แล้วตอนนี้ไอ้ต้นก็เสร็จผมไปละ เลยเหลือแต่หลานสาวคนเดียวนี่แหละ แต่ก็ดูท่าจะยากครับ เพราะฝ่ายสะใภ้เองก็ถือที่ว่ามีเกียรติพอสมควร มาสายวิชาการกันทั้งบ้าน แถมยังหัวสมัยใหม่หยิ่งในศักดิ์ศรี คงไม่ยอมให้ลูกสาวตัวเองโดนคลุมถุงชนแน่ๆ ผมเห็นอาการคนแก่เอาแต่ใจแล้วก็แอบขำหน่อยๆ ยีนส์หัวแข็งนี่เหมือนกันทั้งบ้าน ของเขาแรงจริงๆ
“ผมไม่ถือหรอกครับ”
“รบกวนคุณหน่อยนะ ต้องให้ต้นมาค้างกับพวกเราบ่อยๆ”
“ไม่เลยครับ ดีซะอีก ต้นจะได้ไม่เหงาเวลาที่ผมไม่อยู่”
“เป็นเซลล์นี่ท่าทางยุ่งนะ เห็นต้นบอกว่าคุณไม่อยู่บ่อยๆ ไม่สนใจงานประจำอยู่กับที่บ้างหรือคุณ? ท่าทางคล่องแคล่วแบบนี้น่าจะขายของเก่ง เปลี่ยนมาขายเพชรมั้ยล่ะ?”
“ฮ่าๆ อย่าดีกว่าครับ ผมไม่ถนัดทางนั้น”
“ไม่ดีเหรอคุณ น่าจะสบายกว่านะไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปมาต่างจังหวัดบ่อยๆ ต้นเขาห่วงคุณมากทีเดียว”
“ก็เฉพาะช่วงที่ผมได้เขตต่างจังหวัดแหละครับ นอกนั้นก็วนๆ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล สลับๆ กันไป อีกอย่างผมจบเภสัชมา เกรงว่าจะดูเพชรไม่เป็นครับ ฮ่าๆ”
“ฮึ๊ ตาไม่มีแวว!”
น่าน! ผมโดนอีกหนึ่งดอก ปู่แกคุยอยู่กับแม่ลูกคู่นั้นแท้ๆ แต่ไหงยังมีอารมณ์มาแอบฟังแล้วแขวะผมได้อีกล่ะ แต่คราวนี้ผมมีพวกแล้วเว้ยเฮ้ย! ฮ่าๆ
“ป๊าก็พูดเกินไป อั๊วะกับอาต้นก็ไม่มีแววเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ใครจะสู้พี่อาจได้ล่ะ แต่อีตาดีออกอั๊วะว่า ไม่งั้นอีจะคว้าต้นไปทำเมียได้ยังไง”
“คุณลุงก็!”
“โอ้ยไม่ต้องเขินหรอกต้น เรื่องแบบนี้เดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว ดีซะอีกคบกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างเปิดเผย วันนี้วันปีใหม่ต้นก็พาเขยเข้าบ้าน เรื่องพ่อตากับลูกเขยไม่ถูกกันมันก็เรื่องธรรมดา ปล่อยพ่อกับปู่เราเขาไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก”
“พี่ไกรจะพูดอะไรก็เกรงใจผมบ้าง ต้นยังเด็กอยู่ ยังเรียนไม่จบ เขาแค่อยู่กับคนที่แม่เขาฝากไว้”
“ยอมรับความจริงเถอะอาต้น ลูกมันไม่เอาลื้อ ฮ่าๆ เด็กเดิกอะไรกัน อีกเดือนเดียวต้นมันก็จะยี่สิบแล้ว ดูสิว่าต้นมันจะยอมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลลื้อมั้ย ฮ่าๆ”
เกิดบรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันทีครับ ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมปู่แกถึงได้ไม่เอาลูกที่เหลือสักคน ทั้งๆ ที่ก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ คนหนึ่งก็หัวแข็ง อีกคนก็ชอบกบฏ เห็นแล้วผมสงสารต้นชะมัด
“นามสกุลอาต้นก็นามสกุลลื้อนั่นแหละอาไกร นามสกุลอั๊วะมันไม่ดีตรงไหนฮ่ะ!”
“เออ ผมลืมไป ว่าไงละต้น เราอยากใช้นามสกุลเดียวกับลุงรึเปล่า?”
เอาละสิ เมียผมตกที่นั่งลำบาก นี่ถ้าผู้ชายจดทะเบียนกันได้ต้นมันจะไม่ต้องเดือดร้อนกับปัญหางี่เง่าแบบนี้เลย เพราะต้นมันต้องใช้นามสกุลผมอยู่แล้ว เห็นเมียตัวเองอึกอักน้ำท่วมปากก้มหน้าเม้มปากกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนั้นแล้วสงสารครับ เอาวะ! ไอ้ชัชตายเพื่อเมียอีกแล้ว
“แหม ต้นเป็นเมียผมก็ต้องใช้นามสกุลผมสิครับ น่าเสียดายผู้ชายจดทะเบียนกันไม่ได้ หรือต้นจะมาเป็นลูกบุญธรรมแม่พี่ดีครับ? ทุกวันนี้ก็เป็นลูกรักแม่พี่ไปแล้วนี่”
ผมลูบหัวมันเบาๆ ไอ้ต้นมันเลยเงยหน้าขึ้นมามองผมน้ำตาคลอ อืม... ร้องไห้ให้พี่เถอะคนดี เพราะพี่กำลังพลีชีพเพื่อเราเลย
“เฮอะ! อาตี๋เล็กจะไปใช้นามสกุลลื้อได้ยังงาย นามสกุลอะไรก็ไม่รู้ อั๊วอยู่มาเจ็ดสิบปีไม่เคยได้ยิน”
อืม เป็นไปตามแผน ทุกคนหันมาเล็งเป้าที่ผมแทน โดยเฉพาะสายตาจากคุณพ่อตานี่แทบฆ่าผมได้เลยพอได้ยินว่าต้นสนิทกับแม่ผมมาก ถ้าอยากให้ลูกรักก็หัดทำตัวให้มันดีๆ หน่อยสิครับ มัวแต่ใส่หน้ากากทำตัวเย็นชาแล้วใครที่ไหนมันจะกล้า พอเห็นแบบนี้แล้วก็พาลหงุดหงิดแฮะ ต้นมันเหมือนพ่อมันพอสมควรเลยนะเนี่ยเวลาทำตัวงี่เง่าไม่พูดไม่จาเอาแต่เงียบทำตัวเย็นชา เฮ้อ... รักลูกเขาหลานเขาก็ต้องทน ครับ... ทนครับ เพื่อต้น เพื่อเมีย! สู้เว้ย!
กว่าผมกับต้นจะกลับถึงคอนโดก็เกือบสามทุ่ม รู้สึกหมดพลังงานครับ ไอ้ฟีลลิ่งดีๆ เมื่อเช้าตอนไปทำบุญหายเกลี้ยง ทำไมเจ้ากรรมนายเวรผมมันเยอะจังเลยวะ?
เพราะพวกเราทานมื้อเย็นกันมาแล้วจากบ้านปู่ไอ้ต้น พอกลับมาถึงบ้านแล้วผมก็เลยอาบน้ำเตรียมตัวนอนเพราะพรุ่งนี้ผมต้องรีบเข้าออฟฟิสแต่เช้า หมดแรงครับ หมดอารมณ์ด้วย
ไอ้ต้นมันทำอะไรจุกจิกของมัน ปล่อยให้ผมพักผ่อนเต็มที่ มันคงรู้ว่าผมเหนื่อย กว่ามันจะอาบน้ำคลานขึ้นมาบนเตียงผมก็เกือบหลับแล้ว แต่สัมผัสเบาๆ ที่ปากผมนี่สิ ... ตื่นทันตาเห็นเลยครับเมียจ๋า
ผมลืมตาขึ้นมองมัน สีหน้าต้นไม่ค่อยดี ดูมันกลัวๆ ยังไงก็ไม่รู้ ต้นมันคลานมานอนแปะอยู่ข้างๆ ผม ท่าทางเตรียมอ้อนเต็มที่ เห็นแบบนี้แล้วผมก็เลยลูบหัวมันเบาๆ รอดูว่ามันจะว่าไงต่อ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด
“ขอโทษนะครับ”
“ขอโทษเรื่องอะไร?”
“อืม... ขอโทษที่ผมทำให้พี่ชัชเหนื่อยมั้งครับ วันนี้พี่ชัชคงเหนื่อยมาก ... ขอบคุณนะครับ”
ต้นมันเว้นจังหวะไปนิดหน่อยก่อนจะซบลงบนอกผม ไม่บ่อยนะครับที่มันจะทำตัวเป็นผีอำผมแบบนี้ ปกติมีแต่ผมนี่แหละเป็นฝ่ายอำมัน อาการที่มากกว่าซุกแบบนี้ อ้อนเต็มขั้นเลยนี่หว่า มันคงกลัวผมโกรธมากจริงๆ ผมเลยลูบหลังมันไปเรื่อยเพื่อปลอบว่าผมไม่ได้โกรธ ผมไม่โกรธมันหรอกที่มันอยากให้ผมไปเยี่ยมญาติกับมัน ผมจะโกรธได้ยังไง ถึงผมไม่ชอบแต่ก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำนี่ครับ ผมทำใจได้แล้วล่ะ อ้าว... สัมผัสแบบนี้... เสื้อยืด เลื้อยมือต่ำไปอีกนิด... แถมยังบ็อกเซอร์ด้วย ... ขาเนียนมากเลยที่รัก ไม่ตื่นก็ต้องตื่นครับ เมียผมน่ารักขนาดนี้ ถ้าผมไม่ตื่นตอนนี้ผมก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายแล้ว!
“พี่ไม่ได้เหนื่อยมากขนาดนั้นหรอก”
ผมพูดจริงๆ นะ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนแต่ถ้าเจอแบบนี้ก็หายเหนื่อยครับ ต้นมันอุตส่าอ่อยมาขนาดนี้ ผมเลยเลิกเหนื่อยหันมาหื่นแทน
เพราะผมเว้นจังหวะไปนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ ไอ้ต้นมันเลยยุกยิกไถหน้ากับเสื้อผม ชอบจริงๆ เลยเวลามันอ้อนแบบนี้เนี่ย ไอ้ลูกแกะเอ้ย!
“ไม่โกรธเราด้วย... ถึงจะเหนื่อยนิดหน่อยก็เถอะ แต่ทำไงได้ละครับ ก็รักหลานชายคนเล็กของตระกูลนี่ แถมพี่ยังทำพวกเขาไร้คนสืบสกุลอีก ทางนั้นเขาจะเกลียดขี้หน้าพี่ก็ไม่แปลก”
ผมดึงตัวต้นให้เงยหน้ามาสบตากับผม จังหวะเดียวกับที่ต้นเองก็ชันศอกพอดี โอ้ย! ซี่โครงผมเต็มๆ ... เจ็บนะเนี่ย กัดฟันไว้ครับ บรรยากาศกำลังดี
“พี่ชัชไม่ควรต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้เลย... เรื่องวุ่นวายส่วนตัวของผมแท้ๆ”
“ไม่ส่วนตัวนะครับ เราเป็นเหมือนคนๆ เดียวกันแล้วนะต้น ต้นมีปัญหาอะไรก็เหมือนพี่มีด้วยนั่นแหละ”
ขอผมเนียนหน่อยละกัน ผมขยับตัวเอนพิงหัวเตียงเอาไว้แล้วดึงต้นมากอดแทน เฮ้อ... ค่อยสบายผมหน่อย ต้นมันนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนผมแบบนี้น่าปกป้องชะมัดเลยครับ ผมจะทะนุถนอมมันให้ดีที่สุดเลย หัวมันอยู่ใกล้ๆ แก้มผมพอดี พอลูบๆ ไปแล้วผมเลยหอมไปด้วยตามความเคยชิน ชอบกลิ่นตัวไอ้ต้นมันจัง อารมณ์พี่เริ่มมาแล้วน้องเอ้ย...
“แล้วต้นจะตัดสินใจยังไงละครับ?”
“ไม่รู้สิครับ... ผม... ผมกลัวแม่น้อยใจ แต่ก็ไม่อยากให้ทางนั้นคิดว่าผมไม่รักด้วย”
“ห่วงความรู้สึกของพี่น้ำ แต่ก็กลัวพ่อน้อยใจเหรอครับ? ต้นนี่เป็นคนดีจังเลยนะ คิดถึงแต่คนอื่นตลอดเลย”
ต้นมันเขินชัวร์ เพราะมันมุดหน้าอกผมอีกแล้ว เวลามันเขินทีไรทำตัวเป็นนกกระจอกเทศทุกที
“รู้มั้ยครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต้นไม่มีวันพูดแบบนี้หรอก ต้นของพี่จะเชิดหน้าแล้วพูดว่า ผมไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาซักหน่อย ฮ่าๆ”
“พี่ชัชก็! ผม....”
ทีงี้ล่ะเงยหน้ามาประท้วงพี่เชียวนะ ฮ่าๆ นิสัยไอ้ต้นนี่ชอบเถียงจริงๆ หัวคิ้วที่ย่นเข้าหากันแสดงออกถึงความดื้อรั้นของมัน แต่แก้มป่องๆ นั่นหมายถึงมันเขิน ต้นมันอายที่ผมรู้ทัน หึ หึ
“แล้วตกลง ต้นอยากทำแบบไหนละครับ?”
ต้นมันเขินไม่ยอมตอบ แต่กลับเอนลงซบผมแทน
“น่านะ บอกพี่หน่อย รับรองว่าพี่ไม่แอบเอาไปบอกพี่น้ำหรอก”
“ผม... ผม ผมอยากใช้นามสกุลพี่ชัชครับ”
“ต้องแบบนี้สิเมียพี่ ฮ่าๆ”
มีความสุขนะครับ ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกดีเป็นบ้าเลย จะมีอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขได้มากกว่านี้อีก ผมรัดตัวไอ้ต้นมันด้วยความอิ่มเอมใจ ผมว่าผมเจอคำตอบที่ผมตามหาแล้วล่ะ เมฆหมอกในใจผมสลายไปแล้ว ต้นมันเงยหน้าขึ้นมามองผม ท่าทางอายๆ ตอนที่มันช้อนตาขึ้นมองผมงี้นะ ผมแทบคลั่ง ถึงจะอยู่ในห้องนอนแต่ผมก็เห็นดวงดาวสว่างไสวอยู่ในดวงตาของมัน สีหน้าที่บ่งบอกว่ารักผมสุดๆ แบบนี้เห็นแล้วฟินเป็นบ้า หวังว่าปีนี้คงมีแต่เรื่องดีๆ ระหว่างผมกับต้นนะครับ