top of page

The story after that. - ตอนพิเศษ 2

     สายธารเหนื่อยเหลือเกิน วันนี้เธอมีงานต้องไปออกบูธตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับบ้านได้ก็ปาไปสามสี่ทุ่ม เธอเป็นห่วงต้นน้ำที่ต้องอยู่คนเดียว แม้ว่าลูกชายเธอจะขึ้น ป. 1 แล้ว แต่เธอก็ยังอดเป็นห่วงลูกไม่ได้ ต้นน้ำไปกลับโดยรถตู้ของโรงเรียน แม้เธอจะไม่ต้องลำบากไปรับไปส่งลูก แต่กลับมาแล้วต้นน้ำก็ต้องอยู่ในห้องพักตามลำพังเพียงคนเดียว ครั้นจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กก็สิ้นเปลือง และเธอไม่สะดวกจะให้ใครมาอยู่ในห้องของเธอ ถึงแม้เธอจะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าห้องที่อาศัยอยู่ แต่ค่ากินอยู่รวมถึงทุนการศึกษาสำหรับต้นน้ำก็มากโข เธอไม่ต้องการให้ลูกอยู่อย่างลำบาก แม้จะต้องเลี้ยงดูต้นน้ำตามลำพังแต่เธอก็ตั้งใจจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับ ลูกเท่าที่เธอจะทำได้ เธอจึงต้องรับงานหนักเช่นนี้จนแทบไม่มีเวลาให้กับลูก

 

     และเมื่อเธอกลับมาถึงห้องพัก เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นต้นน้ำเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าอ่างล้างจาน ต้นน้ำที่ยังสูงไม่มากกำลังยืนอยู่บนเก้าอี้ที่เอามาต่อ และกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่

 

     “ทำอะไรอยู่ครับน้องต้น?”

 

     “คุณแม่!”

 

     เด็กชายตัวน้อยตกใจจนรีบซ่อนหม้อหุงข้าวใบเล็กไว้ด้านหลังตนทันที เธอจึงเดินเข้าไปหาลูกชายของเธอ ต้นน้ำเองก็ยิ่งลนลานสีหน้าไม่สู้ดีนักประหนึ่งทำความผิดเอาไว้ และเมื่อเธอเดินไปถึงก็พบว่าในอ่างล้างจานมีเมล็ดข้าวเม็ดเล็กๆ หกเต็มไปหมด เด็กชายกำลังง่วงอยู่กับการเก็บเมล็ดข้าวพวกนั้นอยู่

 

     “ทำไมน้องต้นเอาข้าวมาเล่นแบบนี้ละครับ?”

 

     “ผมเปล่านะครับ!”

 

     เด็กชายตัวน้อยเบะปากทำท่าราวกับจะร้องไห้ น้ำใสๆ รื้นขอบตาเพราะถูกดุ เห็นดังนั้นแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่เธอก็ทำใจดุลูกไม่ลง สายธารเดินเข้าไปหาลูกแล้วกอดต้นน้ำเอาไว้ เด็กชายได้แต่ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับ จนกระทั่งเธอลูบหัวลูกนั่นแหละ ต้นน้ำถึงได้กอดตอบเธอแล้วก็ซุกหน้าลงกับไหล่พลางสะอื้น

 

     “ไหนน้องต้นลองบอกคุณแม่มาสิครับว่าทำไมถึงได้ทำข้าวหกเละเทะแบบนี้”

 

     ต้นน้ำอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเฉลยเบาๆ ให้เธอได้ฟัง

 

     “ผม... ผม ผมหิวข้าวครับคุณแม่ ผมเลยจะหุงข้าว แต่...”

 

     “อ้าว! ทำไมถึงหิวละครับ? ตายแล้ว น้องต้นยังไม่ได้ทานข้าวเย็นหรอกเหรอลูก!”

 

     “ครับ”

 

     “แล้วทำไมน้องต้นไม่ซื้ออะไรมาทานละครับ คุณแม่ให้เงินไว้แล้วนี่นา คุณแม่บอกน้องต้นแล้วไงครับว่าวันนี้คุณแม่กลับดึก!”

 

     “ผม... ฮึก ฮึก ผม แง๊”

 

     “โอ๋ๆ ไม่เอาครับ ไม่ร้องนะครับคนดี คุณแม่ไม่ได้ดุน้องต้นนะครับ”

 

     สายธารรีบปลอบลูกทันทีที่ลูกชายของเธอเริ่มร้องไห้ เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเธอจึงเผลอใส่อารมณ์ในน้ำเสียงจนต้นน้ำตกใจ ลูกชายของเธอทั้งขี้แยและขี้กลัว ถ้าถูกเธอดุทีไรเป็นต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้ทุกครั้ง

 

     “น้องต้นเล่าให้คุณแม่ฟังได้มั้ยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

 

     “ฮือๆ”

 

     ลูกชายของเธอร้องไห้เป็นปี่แตกซะแล้ว กว่าที่ต้นน้ำจะสงบลงได้เธอก็ลำบากพอสมควร การเลี้ยงลูกคนเดียวนี่มันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะเด็กขี้แยอย่างต้นน้ำ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ซะแล้ว ทั้งๆ ที่เธอแทบไม่เคยร้องไห้ให้ลูกเห็นด้วยซ้ำ ลูกชายของเธอขี้แยอย่างกับเด็กผู้หญิง

 

     “ผมทำกระเป๋าตังค์หายครับ เงินที่คุณแม่ให้ไว้เลยหายหมดเลย ผมไม่มีเงินซื้อข้าวกิน”

 

     ปกติแล้วเมื่อรถโรงเรียนมาส่งต้นน้ำถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์แล้ว ต้นน้ำจะเดินขึ้นมายังห้องพักเอง เด็กชายสามารถไขกุญแจเข้าห้องพักเองได้ และต้นน้ำจะโทรไปสั่งข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งขึ้นมาทานเป็นอาหารเย็น ลูกเธอจึงไม่ต้องออกไปไหนอยู่แต่ในห้อง เด็กชายมักจะทำการบ้านหรือดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ รอเธอกลับมา

 

     “อ้าว แล้วทำไมน้องต้นไม่ต้มบะหมี่หรือทำโจ้กกินไปก่อนละลูก”

 

     “มาม่ากับโจ้กหมดแล้วครับ คุณแม่ยังไม่ได้ซื้อมาเลย ผม... ผมหิวก็เลยว่าจะหุงข้าว แต่ผม..”

 

     พูดได้แค่นั้นแล้วเด็กชายตัวน้อยก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าสำนึกผิด

 

     เอาเถอะเธอผิดเอง เรื่องนี้เป็นความประมาทของเธอที่ไม่รู้จักดูจำนวนเสบียงฉุกเฉินไว้ให้ดี ต้นน้ำจึงเกิดความคิดว่าจะหุงข้าวทานเองแบบนี้

 

     ลูกชายเธอเป็นเด็กฉลาด เรียนรู้ไว และชอบที่จะแบ่งเบาภาระของเธอ โดยเฉพาะพยายามจัดการเรื่องส่วนตัวไม่ให้เป็นภาระแก่เธอ ต้นน้ำจะรีบทำทุกอย่างไม่ต้องให้เธอเอ่ยปากทั้งเรื่องอาบน้ำหรือทำการบ้าน เด็กชายยังรู้จักจัดกระเป๋าเตรียมตัวไปโรงเรียนในแต่ละวันด้วยตัวเองอีกต่างหาก

 

     ดูท่าวันนี้เธอต้องสอนลูกชายหุงข้าวเสียแล้วสิ คิดแล้วเธอก็หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่

 

     “ทีหลังห้ามน้องต้นทำอะไรเองแบบนี้นะครับ ต้องให้คุณแม่สอนก่อนรู้มั้ย”

 

     “ก็ผมเห็นคุณแม่ทำตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา ผมก็เลย”

 

     “น้องต้นรู้แต่ไม่ได้แปลว่าน้องต้นทำได้นะครับ จำได้มั้ยตอนที่น้องต้นใช้ไมโครเวฟครั้งแรก น้องต้นเห็นคุณแม่กดปุ่ม น้องต้นก็จะกดตามแต่น้องต้นไม่รู้ว่าต้องกดปุ่มไหน?”

 

     “จำได้ครับ”

 

     “เห็นมั้ย ถ้าคราวนั้นคุณแม่ไม่อธิบายน้องต้นก็จะไม่เข้าใจ ทีหลังห้ามทำอะไรเองก่อนแบบนี้อีกนะครับ”

 

     “ครับ ทีหลังผมจะให้คุณแม่สอนก่อนครับ”

 

     “มา งั้นเดี๋ยวคุณแม่สอนเราหุงข้าวนะ ไหนดูสิ ในตู้เย็นยังเหลืออะไรบ้าง น้องต้นอยากทานข้าวกับอะไรครับ?”

 

     “เอาไข่เจียวก็ได้ครับ คุณแม่ทำไข่เจียวอร่อย”

 

     “ครับ”

 

     ลูกชายตัวน้อยยิ้มให้เธออย่างสดใส แก้วตาดวงใจของเธอช่างน่ารักน่าชัง เป็นเด็กดีแม้จะซนไปบ้างแต่ก็ไม่เคยดื้อกับเธอเลยซักครั้ง เธออดคิดไม่ได้ว่าโชคดีจริงๆ ทั้งที่ตอนนั้นที่เธอตัดสินใจบ้าๆ ลงไป แต่ต้นน้ำก็รอดจากยาขับเลือดมาได้ เธอถึงได้มีลูกชายที่สุดแสนจะน่ารักคนนี้ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา แม้จะต้องทำงานหนักเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เธอก็จะขอสู้เพื่อลูก!

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

         วันนี้เธอพาลูกชายมาซื้อของใช้ในบ้านที่ห้างสรรพสินค้า ธนพลเพื่อนของเธอว่างจึงอาสามาขับรถให้ พลเป็นเพื่อนรักที่ช่วยเหลือเธอกับลูกชายไว้มากจนเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทน บุญคุณเพื่อนคนนี้อย่างไรดี แต่ถ้าจะให้เธอแต่งงานกับเขาละก็ เธอไม่คิดว่านั่นจะเป็นการดี แม้เพื่อนของเธอจะคะยั้นคะยอว่าเป็นทางออกที่ดีที่ต้นน้ำจะได้มีพ่อก็ตาม แต่เธอไม่คิดว่าวิธีแก้ปัญหาแบบนั้นจะดีทั้งต่อตัวธนพลเองและต่อตัวเธอกับ ลูก

 

      ต้นน้ำรับรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ เด็กชายเคยเอ่ยปากถามในวันวานที่ยังเป็นเด็กน้อยแล้วสงสัยว่าทำไมตนจึงไม่มี พ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ และเธอก็ตัดสินใจเล่าไปตรงๆ ว่าพ่อของเขาไม่ต้องการเธอกับเขา เด็กน้อยฟังแล้วไม่เข้าใจซักถามต่อ เธอจึงบอกกับลูกว่า เพราะเธอกับพ่อของเขาไม่ได้รักกัน พ่อของเขาไม่ต้องการเขาแต่เธอต้องการดังนั้นเขาจึงต้องอยู่กับเธอสองแม่ลูก ส่วนลุงธนพลก็เป็นเพื่อนรักของแม่ที่จะช่วยดูแลเขา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องมีพ่ออีก

 

     เธอปล่อยให้ต้นน้ำไปวิ่งเล่นในบ้านของเล่น ส่วนเธอกับเพื่อนก็นั่งคุยกันที่คาเฟ่ข้างๆ รอ ลูกชายของเธอวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานสมวัย แม้ว่าจะไม่ค่อยกล้าเข้าไปรวมกลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ ที่เล่นอยู่ก่อนแล้วมากนัก แต่ไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงที่ท่าทางโตกว่านิดหน่อยมาจูงลูกชายเธอไปวิ่งเล่น ด้วยกันจนได้ ถึงลูกชายของเธอจะขี้อายแต่ก็หล่อจนสาวหลงตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก เห็นแล้วคนเป็นแม่ก็อดปลื้มไม่ได้

 

     “นี่น้ำ พลว่าน้ำเลิกทำอาชีพแบบนี้เถอะ”

 

     “เป็นพริตตี้เงินดีจะตาย”

 

     “จะทำได้อีกกี่ปี เธอน่ะ 26 แล้วนะ”

 

     สายธารยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เธฮขี้เกียจโต้เถียงกับเพื่อน

 

     “นะน้ำ เลิกเถอะ เอาวุฒิไปสมัครงานอย่างอื่นก็ได้ หรือถ้าลำบากจะมาทำงานบริษัทป๊าพลก็ได้นะ”

 

     พลพูดถึงวุฒิบริหารจากมหาวิทยาลัยเปิดที่เธอไปลงเรียนจนพึ่งสำเร็จไปไม่กี่เดือนก่อน

 

     “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวก็โดนจับผิดไปกันใหญ่”

 

     “ก็ไม่เห็นเป็นไร แต่งกับพลไปก็ไม่เสียหายนี่ ดีซะอีกต้นจะได้ไม่ลำบาก พลเห็นต้นมาตั้งแต่เกิดพลก็รักต้นเหมือนลูกแท้ๆ เลยนะ”

 

     “ไม่เอา น้ำไม่อยากเป็นสะใภ้บ้านพล ถ้าพ่อแม่นายตายเมื่อไหร่แล้วค่อยมาว่ากัน พลดีกับต้นรักต้นน้ำรู้ ให้แต่งกับพลน้ำก็ไม่รังเกียจ แต่ให้ไปเป็นสะใภ้แม่พลน้ำไม่เอาด้วยหรอก เขารู้อยู่แล้วว่าต้นเป็นลูกติดน้ำ เขาไม่มีทางโอเคกับต้นหรอก”

 

     “แต่ตาต้นเป็นเด็กดีน่ารักจะตาย ป๊ากับม้าน่าจะ”

 

     “พลฟังน้ำนะ ถ้าพ่อแม่พลบอกให้เรามีลูกอีกคนพลจะทำยังไง ถึงตอนนั้นต่อให้พลบ่ายเบี่ยงแค่ไหนสุดท้ายนิสัยอย่างพลก็ต้องตามใจที่ บ้านอยู่ดี ทีนี้แหละตาต้นได้กลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ ให้น้ำอุ้มบุญให้พลไปเลยยังจะดีซะกว่า ละถ้าอยู่ๆ ไปแล้วลองคิดดูสิว่าถ้าลูกโตขึ้นรู้ว่าพลเป็นอะไรแล้วพลจะทำยังไง”

 

     ธนพลทำหน้างอ สิ่งที่สายธารพูดถูกทุกอย่างจนเขาไม่รู้จะเถียงกลับอย่างไรได้แต่จนมุม

 

     “เชื่อน้ำเถอะ ชิงแต่งงานก่อนไม่ใช่ทางออกของปัญหาหรอก ถ้าพลไม่ยอมบอกที่บ้านก็บ่ายเบี่ยงต่อไปแบบนี้เถอะ จะเล่นบทตามจีบแม่ม่ายลูกติดแบบน้ำต่อไปก็ได้ แต่อย่าแต่งงานกันเลย”

 

     “แต่ว่า... ถึงยังไงพลก็ห่วงน้ำจริงๆ นะ พลเป็นห่วงต้นด้วย น้ำทิ้งต้นไว้แบบนั้นมันอันตรายนะ ตาต้นพึ่งจะเจ็ดขวบเอง”

 

     “ลูกน้ำต้องอยู่ได้พล เรามีกันสองแม่ลูก ตาต้นต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองในวันที่น้ำไปทำงาน”

 

     “เธอเป็นแม่สิงโตรึยังไงฮะน้ำ! บอกให้เอาต้นมาฝากไว้ที่พลก็ไม่เอา ให้หาพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่เอา”

 

     “ถ้าเอาไปฝากพลมันลำบากนี่ เสียเวลาไปรับไปส่งอีก ให้กลับรถโรงเรียนอยู่แต่ในห้องน่ะดีแล้ว แล้วน้ำก็ไม่มีเงินจ้างพี่เลี้ยงเด็กหรอก ดีไม่ดีให้อยู่กับพี่เลี้ยงนั่นแหละอันตรายกว่าอีก สมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน ให้ต้นอยู่แต่ในห้องยังจะปลอดภัยซะกว่า ตาต้นไม่กล้าดื้อหรอก แล้วก็ไม่ซนด้วย น้ำอยู่นอกบ้านก็ทำงานสบายใจ”

 

     “เฮอะ! เชื่อเขาเลย เอาเถอะพลไม่เถียงกับน้ำแล้ว แต่ถ้าวันไหนน้ำกลับดึกหรือไปทำงานแบบนั้นอีก มาบอกพลก็ได้นะ พลจะไปอยู่เป็นเพื่อนตาต้นให้”

 

     “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เกรงใจพล งานน้ำก็ดึกเกือบทุกวันน่ะแหละ”

 

     “ดึกเกือบทุกวันแล้วก็ยังทิ้งลูกไว้แบบนั้นทุกวัน! โอ้ยน้ำ พลฟังแล้วจะเป็นลม”

 

     “ช่วยไม่ได้นี่ ก็จ็อบกลางคืนเงินมันดี พอส่งตาต้นเข้านอนแล้วก็ไม่มีอะไรแล้วนี่นา น้ำทำงานได้สะดวก”

 

     “เธอก็เลยบังคับลูกนอนแต่หัวค่ำทุกวันแล้วก็ออกไปรับงานพิเศษทุกคืนเนี่ยนะ?”

 

     สายธารยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

 

     “ถึงไม่เป็นห่วงลูกก็เป็นห่วงตัวเองบ้างเถอะน้ำ”

 

     “บ้า! เราระมัดระวังอย่างดีนะ มันก็เสี่ยงพอๆ กับนายนั่นแหละพล!”

 

     “พลไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แต่พลหมายถึงว่าถ้าพวกป๋าของน้ำพวกนั้นรู้ว่าน้ำมีลูกมีเต้าแล้วจะทำยังไง”

 

     “แขกของน้ำคุยรู้เรื่องจ้ะ น้ำทำงานของน้ำเต็มที่ มีกฏอยู่ แขกพวกนั้นเองส่วนใหญ่ก็มีครอบครัวแล้ว เขาไม่สนใจเรื่องว่าน้ำจะมีใครหรอก แค่อย่าให้มันเสียเวลารบกวนความสุขของเขาก็พอ”

 

     “ก็นั่นแหละ ก็เพราะน้ำมีลูกนั่นแหละ เกิดบ้านใหญ่พวกแขกพวกนั้นเกิดเข้าใจผิดว่าน้ำเป็นบ้านเล็กแล้วตาต้นเป็นลูก ลับๆ ... โอ๊ย เกิดมีเรื่องยุ่งๆ ละน้ำจะทำยังไง แขกของน้ำแต่ละคนมีฐานะทั้งนั้น ถ้าบรรดาเมียๆ เขาจ้างนักสืบล่ะ เกิดเขาตามน้ำมาละแล้วเกิดมาทำอะไรตาต้นล่ะ”

 

     “บ้า พลนี่ฟุ้งซ่านไปใหญ่แล้ว!”

 

     “ก็พลเป็นห่วงน้ำกับต้นนี่ แล้วไหนจะยังเรื่องตาต้นอีก อาชีพแบบนี้ต่อให้บอกว่าทำเพื่อลูก แต่คนเป็นลูกก็ภูมิใจลำบากนะน้ำ ถึงจะบอกว่าแค่นั่งคุย ไปกินข้าว ไปเที่ยวกันเฉยๆ แต่ศักดิ์ศรีมันก็แทบไม่เหลือนะน้ำ ไหนจะยัง... บางครั้งของน้ำนั่นอีก พลเคยบอกแล้วไงว่าถ้าช็อตก็ให้มาบอกพล พลจะเป็นป๋าให้เอง”

 

     “พลเป็นเพื่อนน้ำนะ ให้เพื่อนเลี้ยงดูได้ยังไง แค่ลำพังให้อยู่ฟรีไม่เก็บค่าเช่ามาตลอดหลายปีนี่น้ำก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”

 

     “ก็เห็นน้ำหาเงินแบบนั้นแล้วพลเป็นห่วงนี่ เลิกเถอะนะพลขอร้อง”

 

     “ก็แล้วมันมีงานอื่นที่เงินดีแบบนี้มั้ยล่ะ? น้ำยังสาวยังสวยอยู่ยังขายได้ก็ต้องรีบขายไว้ก่อนสิพล ก่อนที่น้ำจะไม่เหลืออะไรไว้ใช้กอบโกย เพราะน้ำรู้นั่นแหละ น้ำถึงได้ต้องรีบหาเงินในตอนที่ยังหาได้แบบนี้”

 

     ธนพลไม่สามารถตอบโต้อะไรได้อีก เขาเข้าใจเหตุผลของเพื่อนดี แม้อยากจะแย้งมากแค่ไหนแต่ก็จนปัญญา ได้แต่สงสารสองแม่ลูกอยู่ในใจเงียบๆ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นคนเจ้าทิฐิ คงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขาแน่ๆ แม้ว่าเขาจะเต็มใจมากแค่ไหนก็ตาม ดูท่าคงต้องหาทางอื่นเสียแล้ว

 

     ชายหนุ่มได้แต่มองไปทางเด็กชายตัวน้อยๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ในบ้านของเล่นอย่างสนุกสนาน แม้จะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาแต่ก็ผูกพันธ์กันราวกับสายเลือดแท้ๆ โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางมีครอบครัวได้เหมือนผู้ชายปกติ ธนพลนึกย้อนไปถึงเมื่อวันที่ต้นน้ำเกิด เขาเกือบจะให้ใส่ชื่อตัวเองลงในช่องบิดาแล้ว แต่สายธารกลับไม่ยอม ดังนั้นเขาจึงได้เป็นแค่คุณลุงเพื่อนของคุณแม่อยู่แบบนี้ ทั้งๆ ที่ในใจเขาเอ็นดูต้นน้ำไม่ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ ของตัวเอง ธนพลนึกสงสารต้นน้ำเป็นยิ่งนัก

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนพิเศษ # สายธาร พิสุทธิจักร

  • Facebook Classic

FOLLOW ME

bottom of page